คนไทยถูกหลอก หลัง “มิ่งขวัญ” ประกาศใหญ่โตลดราคาสินค้า 60 รายการเป็นเวลา 2-6 เดือน แต่เอาเข้าจริงกลับหาซื้อไม่ได้ เพราะผู้ผลิตไม่ไว้หน้าดอดปรับราคาสินค้ากลับไปอยู่ที่เดิม บางรายการที่รับปากจะลดก็ไม่เอามาขาย เผยนมผงตัวดี จะรวมแพ็กขายราคาถูก แต่ในห้างมีแต่แยกขายและราคาแพง แถมกำลังจ่อคิวขึ้นอีกหลายรายการ แย้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเตรียมปรับราคาขึ้นอีกซองละบาท ขณะที่ราคาน้ำมันแพงบ้าเลือด ขยับอีกรอบ "พูนภิรมย์" เล็งลดค่าเอฟทีงวดใหม่ปลอบใจ ด้านผู้ว่าฯ ธปท.รับหนักใจเงินเฟ้อพุ่งกระทบรายได้ ถกที่ประชุม กนง. 21 พ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานรายงานผลสำรวจภาวะการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำหน่ายในร้านค้าปลีกรายใหญ่ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเน้นไปยังรายการที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคปรับลดราคาลงมา พบว่า หลังจากที่เริ่มโครงการไปได้เพียงเล็กน้อย ผู้ผลิตส่วนใหญ่ได้ปรับราคาขึ้นมาอยู่ในราคาเดิมแทบจะทุกรายการสินค้า หรือบางสินค้าที่เป็นที่ต้องการก็ไม่มีวางจำหน่าย
ทั้งนี้ นายมิ่งขวัญได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า ผู้ผลิตสินค้า 12 ราย ได้แก่ ดูเม็กซ์ มี้ดจอห์นสัน เนสเล่ห์ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน สหพัฒน์ พีแซทคัสสัน ยูนิลิเวอร์ ไลอ้อน พีแอนด์จี โอสถสภา คอลเกต และคาโอ จะลดราคาสินค้า 60 รายการ ได้แก่ นมผง 15 รายการ สินค้าอุปโภคบริโภค 45 รายการ เช่น ผงซักฟอก สบู่ แชมพู ครีมนวดผม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แป้งผงโรยตัว และอื่นๆ เป็นระยะเวลา 2-6 เดือน
ในส่วนของนมผง ผู้ผลิตได้แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ว่า จะมีการลดราคาสินค้าต่ำสุด 10 บาท สูงสุด 56 บาท แต่ปรากฏว่าในชั้นวางสินค้า กลับไม่มีสินค้าที่ระบุว่าจะลดราคาวางขาย โดยเฉพาะพวกแพ็ก 2 และแพ็ก 3 เช่น หมี โพรเทกชั่น แพ็ก 2 ดูเม็กซ์ ไฮคิว 1,3 พลัส 650 กรัม แพ็ก 3 ดูโกร 1,3 พลัส แพ็ก 3 ดูโปร สูตรต่อเนื่อง แพ็ก 3 แต่กลับมีแยกเป็นกล่องๆ ขายแทน และขายในราคาแพง ขณะที่บางยี่ห้อ เช่น คาร์เนชั่น 700 กรัม ที่ระบุว่าจะเพิ่มปริมาณเป็น 770 กรัม และขายราคา 149 บาท ก็ไม่มีการเพิ่มปริมาณ และยังขายในราคาเดิม อย่างไรก็ตาม นมผงบางยี่ห้อ ได้มีการปรับลดราคาลงจริง เช่น อะแล็คต้า 1,3 พลัส
สำหรับผงซักฟอก ยี่ห้อดังๆ เช่น บรีส ส่วนใหญ่ได้ปรับราคาขึ้นมาเหมือนเดิม ไม่ได้มีการลดราคาเหมือนที่แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ และบางรายการได้มีการปรับราคาขึ้น เช่น บรีสคัลเลอร์ แต่ก็มีผงซักฟอกบางยี่ห้อ เช่น โอโมพลัส ที่ยังขายในราคาที่แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่ผงซักฟอกที่ระบุว่าจะเพิ่มปริมาณ และขายในราคาเดิม ก็ไม่มีการเพิ่มปริมาณ และยังคงขายในราคาเดิม คือ บรีสเพาเวอร์ 150 กรัม บรีสคัลเลอร์ 150 กรัม
ในส่วนของสบู่ ได้มีการปรับขึ้นราคามาเท่าเดิม เช่น ครีมอาบน้ำ ลักซ์ แชมพูซัลซิล และครีมนวดผมซันซิล ก็ปรับมาขายราคาเดิม แต่แชมพูยี่ห้อ ฟรีแอนด์ฟรี ทั้งผมเสียและผมทำสี ยังขายในราคาที่แจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ ยาสีฟัน ส่วนใหญ่กลับมาขายราคาเดิม แต่ก็มีบางยี่ห้อที่ขายในราคาที่แจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ เช่น โคโดโม (เด็ก) แปรงสีฟัน ก็ขายในราคาเดิม รวมทั้งแป้งโรยตัว ส่วนสินค้าอื่นๆ เช่น โรลออน น้ำยาล้างจาน ก็กลับมาขายในราคาเดิมเช่นกัน
ส่วนอาหารตามสั่ง ที่จำหน่ายในศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกรายใหญ่ ที่ได้ขอความร่วมมือขายไม่เกิน 30 บาท/เมนู พบว่าเมนูอาหารส่วนใหญ่ยังขายในราคาเท่าเดิมหรือเมนูละ 30-45 บาท
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีสินค้าหลายรายการบอกกล่าวอย่างไม่เป็นทางการว่าอาจต้องปรับขึ้นราคาอีกในเร็วๆ นี้ เนื่องจากต้นทุนผลิตและขนส่งสูงขึ้น โดยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรึงราคาอีกต่อไป ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะผู้ผลิตยังมีการจัดรายการลดแลกแจมแถม เพื่อกระตุ้นยอดขาย ถือเป็นการลดราคาสินค้าลง 10-20% อยู่แล้ว
นายประพจน์ นันทวัฒนศิริ นายกสมาคมสบู่ไทย ผงซักฟอกและผลิตภัณฑ์ชำระล้าง กล่าวว่า ขณะนี้ ต้นทุนการผลิตขึ้นทุกอย่าง ไม่ต่ำกว่า 5-10% ทั้งน้ำมัน และเคมีภัณฑ์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิต และที่ผ่านมา ผู้ประกอบการก็ช่วยเต็มที่แล้วจนต้องขาดทุน จึงอยากให้รัฐบาลเข้าใจและปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกลตลาด เพราะในตลาดมีสินค้าให้เลือกหลายระดับ เช่น แชมพูตั้งแต่ขวดละ 50-150 บาท ไม่ใช่มีแต่ของแพงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาครัฐยังไม่นัดหารือว่าจะมีนโยบายต่อไปเช่นไร หลังครบกำหนดการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้า 2 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน พ.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบางยี่ห้อ ได้แจ้งต่อผู้จัดจำหน่ายว่าอาจต้องปรับขึ้นราคาขายอีกซองละ 1 บาท เพราะต้นทุนแป้งสาลี่ปรับราคาขึ้นมาก น้ำมันปาล์มราคายังสูง และต้นทุนค่าขนส่งได้เพิ่มขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ราคาเพิ่มจากซองละ 6 บาท เป็น 7 บาท โดยขณะนี้ทราบว่ากำลังอยู่ระหว่างการยื่นเรื่องเพื่อขออนุมัติจากกรมการค้าภายใน
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำน้ำมันพืชและผลิตภัณฑ์นม จะพิจารณาถึงราคาขายว่าควรจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ให้คงจำหน่ายในราคาเดิมไปก่อน
น้ำมันจ่อขึ้นอีกดีเซลจ่อ 35 บาท
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า ปัจจุบันค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันดีเซลติดลบเกือบ 2 บาทต่อลิตร เบนซินบวกเล็กน้อย ทำให้มีแนวโน้มว่าภายใน 1-2 วันจากนี้จะมีการปรับราคาขายปลีกอีกครั้งหนึ่งโดยคาดว่าผู้ค้าจะรอราคาสิงคโปร์ปิดตลาดวันที่ 12 พ.ค.ก่อนตัดสินใจเนื่องจากคาดว่าราคาจะมีการปรับขึ้นตามทิศทางน้ำมันตลาดโลกที่ปิดตลาดไปช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
“คงต้องติดตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วยเพราะมีผลต่อต้นทุนน้ำมันหากอ่อนลง 1 บาทต่อเหรียญสหรัฐก็จะทำให้ต้นทุนน้ำมันขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตรล่าสุดค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ซึ่งหากทั้งราคาน้ำมันโลกขึ้นบาทอ่อนค่ามากก็จะทำให้เจอ 2 เด้ง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันโลกยังต้องติดตามเพราะเดิมคิดว่าเมื่อขึ้นไป 120 เหรียญต่อบาร์เรลน่าจะมีการเทขายทำกำไรแต่ก็ปรากฏว่าไม่ใช่ดังนั้นต้องจับตากลุ่มโอเปกว่าจะเพิ่มการผลิตหรือไม่เป็นสำคัญที่จะมีผลให้น้ำมันโลกลดลงมาได้บ้างแต่ก็จะไม่ต่ำไปกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรลแน่นอน “นายมนูญกล่าว
ทั้งนี้ จากค่าการตลาดหากให้สะท้อนต้นทุนแล้วราคาน้ำมันจะต้องปรับเพิ่มอีก 2 บาทต่อลิตรหรือเบนซิน 95 จะใกล้แตะ 40 บาทต่อลิตรและดีเซลก็จะอยู่ระดับ 36-37 บาทต่อลิตร ดังนั้นรัฐบาลควรจะเร่งรัดเรื่องระบบภาคขนส่ง ลดต้นทุน ใช้เอ็นจีวีมากขึ้น ส่วนใน กทม. น่าจะมีข้อกำหนดไม่ส่งเสริมการใช้รถส่วนตัวมาเดินรถในเขตพื้นที่ชั้นใน เช่น จัดเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าพื้นที่ชั้นใน เป็นต้น
ลดค่าไฟ-ดิ้นออกมาตรการใหม่
พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะเร่งรัดประชุมแนวทางลดผลกระทบน้ำมันแพงเพิ่มเติม ทั้งการเร่งเรื่องก๊าซอ็นจีวีในเดือนก.ค.นี้ รวมไปถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนในเรื่องของค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ เอฟทีงวดใหม่ที่จะต้องตัดสินใจตัวเลขเร็วๆ นี้ซึ่งจะมีข่าวดีในการลดให้กับประชาชนมากกว่าปรับขึ้น ขณะเดียวกันได้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่ง ร่วมสอดส่องให้มีการเปิดไฟป้ายโฆษณาให้เป็นไปตาม มติ ครม.ปี 2548 ที่ให้เปิดเฉพาะช่วง 19.00 - 22.00 น. เท่านั้น ส่วนมาตรการปิดปั๊มจะไม่มีการนำมาใช้อย่างแน่นอน
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงระดับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ จะส่งให้ไม่สามารถคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่มในระดับไม่เกิน 5% ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการประหยัดพลังงานที่เคยวางแผนไว้ให้ออกมาบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างรวดเร็ว
“เดิมเราเคยคาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่วันนี้เกินไปแล้วที่ 125-126 ดอลาร์ต่อบาเรล์ก ดังนั้นการที่จะดูแล รัฐบาลต้องดึงเอามาตรการพลังงานที่เราวางแผนว่าใช้ช่วงหนึ่งต้องดูว่าจะร่นเวลาให้เร็วขึ้นอย่างไร เพราะหลายประเทศที่อุดหนุนราคาน้ำมันกันอยู่ก็ไม่ไหวแล้วทั้งเอเชีย และตะวันตก ทุกคนต่างมีความคิดที่จะเลิกอุดหนุน เพราะนอกจากดูแลเงินเฟ้อไม่ได้และยังเป็นภาระแกประเทศนั้นๆ ด้วย” นพ.สุรพงษ์กล่าวและอ้างสาเหตุที่ไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดมาตรการในขณะนี้ เพราะต้องให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันกับทุกฝ่ายก่อน แต่ยืนยันว่าจะเร่งผลักดันให้ออกมาเร็วที่สุด เพราะมาตรการดังกล่าวจะมีผลในการชักจูงพฤติกรรมของประชาชนให้เกิดการประยัดอย่างรวดเร็ว ถือเป็นมาตรการจูงใจให้เกิดการประหยัดพลังงานอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
ธปท.ลุ้นระทึกเงินเฟ้อรุนแรง
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวภายหลังการเปิดนิทรรศการ “เปิดมติใหม่ แหล่งเรียนรู้ เรื่องเงินตรา” ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดขึ้น เนื่องในโอกาสที่วันที่ 18 พ.ค.51 เป็นวันพิพิธภัณฑ์สากล ถึงเรื่องความกังวลในเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้นว่า แนวโน้มราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นมากในขณะนี้ ได้ส่งผลให้ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ได้หันมาให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลเงินเฟ้อมากขึ้น แม้กระทั่งสหรัฐที่เศรษฐกิจชะลอตัวยังหันมาให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อมากขึ้น เพราะทั่วโลกเข้าใจว่า หากเงินเฟ้อสูงมาจะกระทบให้เศรษฐกิจมีความเปราะบางมากขึ้น และหากเศรษฐกิจโลกถูกกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรง เศรษฐกิจไทยก็จะได้รับผลทางลบที่รุยแรงมากขึ้นด้วย
“อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 21 พ.ค.จะนำมาประเมินภาพของเศรษฐกิจไทยโดยรวมและเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธปท.เพราะหากถึงวันที่ประชุม กนง.อัตราเงินเฟ้อ และแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจ อุปสงค์ อุปทานในตลาดของไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก กนง.คงจะต้องพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินนโยบายการเงินใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม จากการประเมินภาพครั้งล่าสุดของ กนง.เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ปัจจัยในขณะนั้น ทั้งแนวโน้มของระดับราคาสินค้า ราคาน้ำมันดิบ และการขยายตัวของเศรษฐกิจ ยังมีผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในเป้าหมายของ ธปท.โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ย”
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวต่อว่า อัตราเงินเฟ้อที่ ธปท.ใช้เป็นเป้าหมายคืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งจะได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะได้รับผลกระทบจากอุปทาน หรือระดับราคาที่สูงขึ้น โดยการดำเนินนโยบายการเงิน จะตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานหากอุปสงค์ในประเทศยังคงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน แต่ในขณะนี้ เท่าที่มีการประเมิน อุปสงค์ในประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้นมากจนกระทั่งกระทบระดับราคา หรือเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
นางธาริษายังได้กล่าวถึง แนวนโยบายของรัฐบาล ที่ช่วยลดภาระของผู้มีรายได้ ด้วยการขายสินค้าราคาถูกว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อช่วยเหลือลดภาระให้กับประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังให้สินค้าเหล่านั้น ลงไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง จึงจะมีผลดีต่อการบริโภค และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
ผู้สื่อข่าวรายงานรายงานผลสำรวจภาวะการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำหน่ายในร้านค้าปลีกรายใหญ่ ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเน้นไปยังรายการที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคปรับลดราคาลงมา พบว่า หลังจากที่เริ่มโครงการไปได้เพียงเล็กน้อย ผู้ผลิตส่วนใหญ่ได้ปรับราคาขึ้นมาอยู่ในราคาเดิมแทบจะทุกรายการสินค้า หรือบางสินค้าที่เป็นที่ต้องการก็ไม่มีวางจำหน่าย
ทั้งนี้ นายมิ่งขวัญได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า ผู้ผลิตสินค้า 12 ราย ได้แก่ ดูเม็กซ์ มี้ดจอห์นสัน เนสเล่ห์ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน สหพัฒน์ พีแซทคัสสัน ยูนิลิเวอร์ ไลอ้อน พีแอนด์จี โอสถสภา คอลเกต และคาโอ จะลดราคาสินค้า 60 รายการ ได้แก่ นมผง 15 รายการ สินค้าอุปโภคบริโภค 45 รายการ เช่น ผงซักฟอก สบู่ แชมพู ครีมนวดผม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แป้งผงโรยตัว และอื่นๆ เป็นระยะเวลา 2-6 เดือน
ในส่วนของนมผง ผู้ผลิตได้แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ว่า จะมีการลดราคาสินค้าต่ำสุด 10 บาท สูงสุด 56 บาท แต่ปรากฏว่าในชั้นวางสินค้า กลับไม่มีสินค้าที่ระบุว่าจะลดราคาวางขาย โดยเฉพาะพวกแพ็ก 2 และแพ็ก 3 เช่น หมี โพรเทกชั่น แพ็ก 2 ดูเม็กซ์ ไฮคิว 1,3 พลัส 650 กรัม แพ็ก 3 ดูโกร 1,3 พลัส แพ็ก 3 ดูโปร สูตรต่อเนื่อง แพ็ก 3 แต่กลับมีแยกเป็นกล่องๆ ขายแทน และขายในราคาแพง ขณะที่บางยี่ห้อ เช่น คาร์เนชั่น 700 กรัม ที่ระบุว่าจะเพิ่มปริมาณเป็น 770 กรัม และขายราคา 149 บาท ก็ไม่มีการเพิ่มปริมาณ และยังขายในราคาเดิม อย่างไรก็ตาม นมผงบางยี่ห้อ ได้มีการปรับลดราคาลงจริง เช่น อะแล็คต้า 1,3 พลัส
สำหรับผงซักฟอก ยี่ห้อดังๆ เช่น บรีส ส่วนใหญ่ได้ปรับราคาขึ้นมาเหมือนเดิม ไม่ได้มีการลดราคาเหมือนที่แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ และบางรายการได้มีการปรับราคาขึ้น เช่น บรีสคัลเลอร์ แต่ก็มีผงซักฟอกบางยี่ห้อ เช่น โอโมพลัส ที่ยังขายในราคาที่แจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ ขณะที่ผงซักฟอกที่ระบุว่าจะเพิ่มปริมาณ และขายในราคาเดิม ก็ไม่มีการเพิ่มปริมาณ และยังคงขายในราคาเดิม คือ บรีสเพาเวอร์ 150 กรัม บรีสคัลเลอร์ 150 กรัม
ในส่วนของสบู่ ได้มีการปรับขึ้นราคามาเท่าเดิม เช่น ครีมอาบน้ำ ลักซ์ แชมพูซัลซิล และครีมนวดผมซันซิล ก็ปรับมาขายราคาเดิม แต่แชมพูยี่ห้อ ฟรีแอนด์ฟรี ทั้งผมเสียและผมทำสี ยังขายในราคาที่แจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ ยาสีฟัน ส่วนใหญ่กลับมาขายราคาเดิม แต่ก็มีบางยี่ห้อที่ขายในราคาที่แจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ เช่น โคโดโม (เด็ก) แปรงสีฟัน ก็ขายในราคาเดิม รวมทั้งแป้งโรยตัว ส่วนสินค้าอื่นๆ เช่น โรลออน น้ำยาล้างจาน ก็กลับมาขายในราคาเดิมเช่นกัน
ส่วนอาหารตามสั่ง ที่จำหน่ายในศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกรายใหญ่ ที่ได้ขอความร่วมมือขายไม่เกิน 30 บาท/เมนู พบว่าเมนูอาหารส่วนใหญ่ยังขายในราคาเท่าเดิมหรือเมนูละ 30-45 บาท
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีสินค้าหลายรายการบอกกล่าวอย่างไม่เป็นทางการว่าอาจต้องปรับขึ้นราคาอีกในเร็วๆ นี้ เนื่องจากต้นทุนผลิตและขนส่งสูงขึ้น โดยเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตรึงราคาอีกต่อไป ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะผู้ผลิตยังมีการจัดรายการลดแลกแจมแถม เพื่อกระตุ้นยอดขาย ถือเป็นการลดราคาสินค้าลง 10-20% อยู่แล้ว
นายประพจน์ นันทวัฒนศิริ นายกสมาคมสบู่ไทย ผงซักฟอกและผลิตภัณฑ์ชำระล้าง กล่าวว่า ขณะนี้ ต้นทุนการผลิตขึ้นทุกอย่าง ไม่ต่ำกว่า 5-10% ทั้งน้ำมัน และเคมีภัณฑ์ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิต และที่ผ่านมา ผู้ประกอบการก็ช่วยเต็มที่แล้วจนต้องขาดทุน จึงอยากให้รัฐบาลเข้าใจและปล่อยให้ราคาเป็นไปตามกลไกลตลาด เพราะในตลาดมีสินค้าให้เลือกหลายระดับ เช่น แชมพูตั้งแต่ขวดละ 50-150 บาท ไม่ใช่มีแต่ของแพงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ภาครัฐยังไม่นัดหารือว่าจะมีนโยบายต่อไปเช่นไร หลังครบกำหนดการขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้า 2 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือน พ.ค.นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบางยี่ห้อ ได้แจ้งต่อผู้จัดจำหน่ายว่าอาจต้องปรับขึ้นราคาขายอีกซองละ 1 บาท เพราะต้นทุนแป้งสาลี่ปรับราคาขึ้นมาก น้ำมันปาล์มราคายังสูง และต้นทุนค่าขนส่งได้เพิ่มขึ้นหลังราคาน้ำมันปรับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ราคาเพิ่มจากซองละ 6 บาท เป็น 7 บาท โดยขณะนี้ทราบว่ากำลังอยู่ระหว่างการยื่นเรื่องเพื่อขออนุมัติจากกรมการค้าภายใน
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำน้ำมันพืชและผลิตภัณฑ์นม จะพิจารณาถึงราคาขายว่าควรจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ให้คงจำหน่ายในราคาเดิมไปก่อน
น้ำมันจ่อขึ้นอีกดีเซลจ่อ 35 บาท
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า ปัจจุบันค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันดีเซลติดลบเกือบ 2 บาทต่อลิตร เบนซินบวกเล็กน้อย ทำให้มีแนวโน้มว่าภายใน 1-2 วันจากนี้จะมีการปรับราคาขายปลีกอีกครั้งหนึ่งโดยคาดว่าผู้ค้าจะรอราคาสิงคโปร์ปิดตลาดวันที่ 12 พ.ค.ก่อนตัดสินใจเนื่องจากคาดว่าราคาจะมีการปรับขึ้นตามทิศทางน้ำมันตลาดโลกที่ปิดตลาดไปช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
“คงต้องติดตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วยเพราะมีผลต่อต้นทุนน้ำมันหากอ่อนลง 1 บาทต่อเหรียญสหรัฐก็จะทำให้ต้นทุนน้ำมันขึ้น 40 สตางค์ต่อลิตรล่าสุดค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ซึ่งหากทั้งราคาน้ำมันโลกขึ้นบาทอ่อนค่ามากก็จะทำให้เจอ 2 เด้ง อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันโลกยังต้องติดตามเพราะเดิมคิดว่าเมื่อขึ้นไป 120 เหรียญต่อบาร์เรลน่าจะมีการเทขายทำกำไรแต่ก็ปรากฏว่าไม่ใช่ดังนั้นต้องจับตากลุ่มโอเปกว่าจะเพิ่มการผลิตหรือไม่เป็นสำคัญที่จะมีผลให้น้ำมันโลกลดลงมาได้บ้างแต่ก็จะไม่ต่ำไปกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรลแน่นอน “นายมนูญกล่าว
ทั้งนี้ จากค่าการตลาดหากให้สะท้อนต้นทุนแล้วราคาน้ำมันจะต้องปรับเพิ่มอีก 2 บาทต่อลิตรหรือเบนซิน 95 จะใกล้แตะ 40 บาทต่อลิตรและดีเซลก็จะอยู่ระดับ 36-37 บาทต่อลิตร ดังนั้นรัฐบาลควรจะเร่งรัดเรื่องระบบภาคขนส่ง ลดต้นทุน ใช้เอ็นจีวีมากขึ้น ส่วนใน กทม. น่าจะมีข้อกำหนดไม่ส่งเสริมการใช้รถส่วนตัวมาเดินรถในเขตพื้นที่ชั้นใน เช่น จัดเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าพื้นที่ชั้นใน เป็นต้น
ลดค่าไฟ-ดิ้นออกมาตรการใหม่
พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะเร่งรัดประชุมแนวทางลดผลกระทบน้ำมันแพงเพิ่มเติม ทั้งการเร่งเรื่องก๊าซอ็นจีวีในเดือนก.ค.นี้ รวมไปถึงการลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชนในเรื่องของค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือ เอฟทีงวดใหม่ที่จะต้องตัดสินใจตัวเลขเร็วๆ นี้ซึ่งจะมีข่าวดีในการลดให้กับประชาชนมากกว่าปรับขึ้น ขณะเดียวกันได้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดทุกแห่ง ร่วมสอดส่องให้มีการเปิดไฟป้ายโฆษณาให้เป็นไปตาม มติ ครม.ปี 2548 ที่ให้เปิดเฉพาะช่วง 19.00 - 22.00 น. เท่านั้น ส่วนมาตรการปิดปั๊มจะไม่มีการนำมาใช้อย่างแน่นอน
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงระดับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ จะส่งให้ไม่สามารถคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่มในระดับไม่เกิน 5% ได้ ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งออกมาตรการประหยัดพลังงานที่เคยวางแผนไว้ให้ออกมาบังคับใช้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างรวดเร็ว
“เดิมเราเคยคาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่วันนี้เกินไปแล้วที่ 125-126 ดอลาร์ต่อบาเรล์ก ดังนั้นการที่จะดูแล รัฐบาลต้องดึงเอามาตรการพลังงานที่เราวางแผนว่าใช้ช่วงหนึ่งต้องดูว่าจะร่นเวลาให้เร็วขึ้นอย่างไร เพราะหลายประเทศที่อุดหนุนราคาน้ำมันกันอยู่ก็ไม่ไหวแล้วทั้งเอเชีย และตะวันตก ทุกคนต่างมีความคิดที่จะเลิกอุดหนุน เพราะนอกจากดูแลเงินเฟ้อไม่ได้และยังเป็นภาระแกประเทศนั้นๆ ด้วย” นพ.สุรพงษ์กล่าวและอ้างสาเหตุที่ไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดมาตรการในขณะนี้ เพราะต้องให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันกับทุกฝ่ายก่อน แต่ยืนยันว่าจะเร่งผลักดันให้ออกมาเร็วที่สุด เพราะมาตรการดังกล่าวจะมีผลในการชักจูงพฤติกรรมของประชาชนให้เกิดการประยัดอย่างรวดเร็ว ถือเป็นมาตรการจูงใจให้เกิดการประหยัดพลังงานอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
ธปท.ลุ้นระทึกเงินเฟ้อรุนแรง
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวภายหลังการเปิดนิทรรศการ “เปิดมติใหม่ แหล่งเรียนรู้ เรื่องเงินตรา” ที่พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดขึ้น เนื่องในโอกาสที่วันที่ 18 พ.ค.51 เป็นวันพิพิธภัณฑ์สากล ถึงเรื่องความกังวลในเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้นว่า แนวโน้มราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นมากในขณะนี้ ได้ส่งผลให้ประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ได้หันมาให้ความสำคัญในเรื่องการดูแลเงินเฟ้อมากขึ้น แม้กระทั่งสหรัฐที่เศรษฐกิจชะลอตัวยังหันมาให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อมากขึ้น เพราะทั่วโลกเข้าใจว่า หากเงินเฟ้อสูงมาจะกระทบให้เศรษฐกิจมีความเปราะบางมากขึ้น และหากเศรษฐกิจโลกถูกกระทบจากเงินเฟ้อรุนแรง เศรษฐกิจไทยก็จะได้รับผลทางลบที่รุยแรงมากขึ้นด้วย
“อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 21 พ.ค.จะนำมาประเมินภาพของเศรษฐกิจไทยโดยรวมและเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธปท.เพราะหากถึงวันที่ประชุม กนง.อัตราเงินเฟ้อ และแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจ อุปสงค์ อุปทานในตลาดของไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก กนง.คงจะต้องพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการดำเนินนโยบายการเงินใหม่ แต่อย่างไรก็ตาม จากการประเมินภาพครั้งล่าสุดของ กนง.เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา ปัจจัยในขณะนั้น ทั้งแนวโน้มของระดับราคาสินค้า ราคาน้ำมันดิบ และการขยายตัวของเศรษฐกิจ ยังมีผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในเป้าหมายของ ธปท.โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ย”
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวต่อว่า อัตราเงินเฟ้อที่ ธปท.ใช้เป็นเป้าหมายคืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งจะได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป จะได้รับผลกระทบจากอุปทาน หรือระดับราคาที่สูงขึ้น โดยการดำเนินนโยบายการเงิน จะตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานหากอุปสงค์ในประเทศยังคงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน แต่ในขณะนี้ เท่าที่มีการประเมิน อุปสงค์ในประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้นมากจนกระทั่งกระทบระดับราคา หรือเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
นางธาริษายังได้กล่าวถึง แนวนโยบายของรัฐบาล ที่ช่วยลดภาระของผู้มีรายได้ ด้วยการขายสินค้าราคาถูกว่าเป็นเรื่องที่ดี เพื่อช่วยเหลือลดภาระให้กับประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังให้สินค้าเหล่านั้น ลงไปสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง จึงจะมีผลดีต่อการบริโภค และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม