ไบโอ คอนซูเมอร์ เลี่ยงเดินเกมไม่ขึ้นราคา จ่อคิวควักโมเดลเดียวกับยูนิลีเวอร์ยักษ์ใหญ่คอนซูเมอร์โปรดักส์ ชูกลยุทธ์"ลดปริมาณไม่เพิ่มราคา" รับมือต้นทุนพุ่ง อัดฉีดงบ 70 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ดีนี่ติดลมบนตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก ล่าสุดแตกไลน์ของใช้ส่วนบุคคล ปั้นครีมอาบน้ำ-แชมพู ทูอินวัน เสริมพอร์ตโฟลิโอ สิ้นปีโค่นโคโดโมะรั้งอันดับ 3 ครองแชร์มากกว่า 17%
นางสาวศิริสุภา อาจสัญจร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอ คอนซูเมอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าครีมอาบน้ำและโลชันบีไนซ์ น้ำยาปรับผ้านุ่มไฟน์ไลน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะปรับเพิ่มขึ้นแล้วก็ตามโดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน อาทิ น้ำยาปรับผ้านุ่มและผลิตภัณฑ์ซักผ้าไฟน์ไลน์ อย่างไรก็ตามคงต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตวัตถุดิบด้วยว่าสามารถตรึงราคาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่ปัจจุบันยังตรึงราคาเดิมอยู่
ทั้งนี้หากต้นทุนวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้น บริษัทมีแนวโน้มว่าจะนำโมเดลลดปริมาณแต่ไม่เพิ่มราคามาใช้ เนื่องจากสอดรับกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย มากกว่าการใช้วิธีการขึ้นราคา ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย อย่างไรก็ตามการจะขึ้นราคาคงต้องรอดูท่าทีของคู่แข่ง โดยเฉพาะผู้นำตลาด เนื่องจากการแข่งขันมีความรุนแรง การขึ้นราคาอาจทำให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาด
ล่าสุดบริษัทได้แตกไลน์ของใช้ส่วนบุคคลในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กตราดีนี่ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาบน้ำและสระผม ในรูปแบบ 2 in 1 ขนาดขวดปั๊มราคา 99 บาท ถูกกว่าคู่แข่ง 5% จากเดิมดีนี่มีเพียงแต่ผลิตภัณฑ์กลุ่มซักล้าง อาทิ น้ำยาปรับผ้านุ่ม และของใช้ในครัวเรือน ได้แก่ น้ำยาล้างขวดนม ส่งผลให้บริษัทมีกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เจาะกลุ่มเป้าหมายคุณแม่มีลูกอายุ 0 -3 ปี ครอบคลุมทุกไลน์ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาแป้งเด็กลงสู่ตลาดในอนาคต เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แป้งเด็กมูลค่า 3,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กดีนี่ วางงบการตลาด 70 ล้านบาท โดยวางให้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำและสระผมเป็นหัวหอกในการทำตลาดปีนี้ นำร่องโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง หลังจากก่อนหน้านี้เน้นทำบีโลว์เดอะไลน์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรงแต่เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมตามโรงพยาบาล ล่าสุดเตรียมจัดงาน ดี-นี่ แฟมิลี่ เดย์ และการแจกสินค้าตัวอย่างหลักแสนชิ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้
ภาวะตลาดครีมอาบน้ำและแชมพูสำหรับเด็กมูลค่า 137 ล้านบาท จากตลาดรวมมูลค่า 300 ล้านบาท โดยปัจจุบันเบบี้ มายด์ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 47% จอห์นสัน 29% และโคโดโมะ 17% จากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกสิ้นปีนี้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งมากกว่า 17% รั้งอันดับ 3 แทนที่โคโดโมะ และคาดว่าครีมอาบน้ำและแชมพูดีนี่จะมีสัดส่วนได้ 10% จากรายได้รวมกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กดีนี่ สำหรับปีนี้ตั้งเป้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กดีนี่มีรายได้ 10% จากรายได้รวมของบริษัท โดยปัจจุบันน้ำยาปรับผ้านุ่ม มีส่วนแบ่ง 15% ขึ้นเป็นอันดัน2 แทนที่โคโดโมะ ส่วนอันดับ 1 เบบี้มายด์
นางสาวศิริสุภา อาจสัญจร ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบโอ คอนซูเมอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าครีมอาบน้ำและโลชันบีไนซ์ น้ำยาปรับผ้านุ่มไฟน์ไลน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทไม่มีแผนที่จะปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แม้ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะปรับเพิ่มขึ้นแล้วก็ตามโดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน อาทิ น้ำยาปรับผ้านุ่มและผลิตภัณฑ์ซักผ้าไฟน์ไลน์ อย่างไรก็ตามคงต้องขึ้นอยู่กับผู้ผลิตวัตถุดิบด้วยว่าสามารถตรึงราคาไว้ได้มากน้อยแค่ไหน แต่ปัจจุบันยังตรึงราคาเดิมอยู่
ทั้งนี้หากต้นทุนวัตถุดิบปรับเพิ่มขึ้น บริษัทมีแนวโน้มว่าจะนำโมเดลลดปริมาณแต่ไม่เพิ่มราคามาใช้ เนื่องจากสอดรับกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง และมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย มากกว่าการใช้วิธีการขึ้นราคา ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกสุดท้าย อย่างไรก็ตามการจะขึ้นราคาคงต้องรอดูท่าทีของคู่แข่ง โดยเฉพาะผู้นำตลาด เนื่องจากการแข่งขันมีความรุนแรง การขึ้นราคาอาจทำให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาด
ล่าสุดบริษัทได้แตกไลน์ของใช้ส่วนบุคคลในกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กตราดีนี่ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อาบน้ำและสระผม ในรูปแบบ 2 in 1 ขนาดขวดปั๊มราคา 99 บาท ถูกกว่าคู่แข่ง 5% จากเดิมดีนี่มีเพียงแต่ผลิตภัณฑ์กลุ่มซักล้าง อาทิ น้ำยาปรับผ้านุ่ม และของใช้ในครัวเรือน ได้แก่ น้ำยาล้างขวดนม ส่งผลให้บริษัทมีกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เจาะกลุ่มเป้าหมายคุณแม่มีลูกอายุ 0 -3 ปี ครอบคลุมทุกไลน์ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาแป้งเด็กลงสู่ตลาดในอนาคต เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่า 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แป้งเด็กมูลค่า 3,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กดีนี่ วางงบการตลาด 70 ล้านบาท โดยวางให้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำและสระผมเป็นหัวหอกในการทำตลาดปีนี้ นำร่องโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง หลังจากก่อนหน้านี้เน้นทำบีโลว์เดอะไลน์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยตรงแต่เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมตามโรงพยาบาล ล่าสุดเตรียมจัดงาน ดี-นี่ แฟมิลี่ เดย์ และการแจกสินค้าตัวอย่างหลักแสนชิ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้
ภาวะตลาดครีมอาบน้ำและแชมพูสำหรับเด็กมูลค่า 137 ล้านบาท จากตลาดรวมมูลค่า 300 ล้านบาท โดยปัจจุบันเบบี้ มายด์ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 47% จอห์นสัน 29% และโคโดโมะ 17% จากการดำเนินการตลาดในเชิงรุกสิ้นปีนี้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งมากกว่า 17% รั้งอันดับ 3 แทนที่โคโดโมะ และคาดว่าครีมอาบน้ำและแชมพูดีนี่จะมีสัดส่วนได้ 10% จากรายได้รวมกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กดีนี่ สำหรับปีนี้ตั้งเป้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กดีนี่มีรายได้ 10% จากรายได้รวมของบริษัท โดยปัจจุบันน้ำยาปรับผ้านุ่ม มีส่วนแบ่ง 15% ขึ้นเป็นอันดัน2 แทนที่โคโดโมะ ส่วนอันดับ 1 เบบี้มายด์