ศูนย์ข่าวภูเก็ต-ร้านจำหน่ายสินค้าของฝากพื้นเมืองภูเก็ต “เมธีภูเก็ต”และ “คุณแม่จู้” เร่งพัฒนาการผลิตสู่มาตรฐานด้านอาหารระดับสากล HACCP เพื่อดันสินค้า เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ น้ำพริกกุ้งเสียบ แกงไตปลา โกอินเตอร์ทั้งในตลาดเอเชียและยุโรป
นางสาวอาภา วราภิวัฒนกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เมธีภูเก็ต จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายของฝากประเภทผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์และน้ำมะม่วงหิมพานต์ เปิดเผยว่า บริษัท เมธีภูเก็ตเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ของฝากประเภทเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ที่ได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นภูเก็ต
เมธีฯเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงมา เมื่อ 40 ปี ที่ผ่านมา มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์มาตลอดจนถึงขณะนี้มีผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ ออกจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั้งหมด 12 ชนิด เช่น เมล็ดมะม่วงหิมพานต์รสธรรมชาติ เค็ม อบเนย กระเทียม กาแฟ ต้มยำ น้ำผึ้ง กาหยีแก้ว เป็นต้น น้ำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์แบบเข้มข้นและน้ำเมล็ดมะม่วงหิมพานต์แบบพร้อมดื่ม
ในปี 2550 เมธีฯได้ถูกคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ 1 จังหวัด 1 อุตสาหกรรมแปรรูปภาคเกษตร หรือ โครงการ ( 1 Province 1 Agro-Industrial Product) ซึ่งในจังหวัดภูเก็ตมีทั้งหมด 2 ร้าน คือ ร้านเมธีภูเก็ตและร้านคุณแม่จู้ ซึ่งเป็นร้านผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทของฝากที่เป็นสินค้าพื้นเมืองของภูเก็ต การเข้าร่วมโครงการดังกล่าวทำให้มีที่ปรึกษามาให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทำให้ในปี 2550 ร้านเมธีได้ผลิตผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเพิ่มอีก 3 ชนิด ประกอบด้วย
ผลิตภัณฑ์น้ำพริกกุ้งเสียบ Stiack ซึ่งเป็นสินค้าประเภททานเล่น โดยการนำขนมปังมาเคลือบด้วยน้ำพริกกุ้งเสียบ ผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์รสวาซาบิ และน้ำพริกมะม่วงหิมพานต์ โดยการนำมะม่วงหิมพานต์มาผสมลงไปในน้ำพริก โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 ตัว ล่าสุดร้านได้วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของเมล็ดมะม่วงฯรสวาซาบิและน้ำพริกกุ้งเสียบ Stiack ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 20%
นางสาวอาภา เผยอีกว่า นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากเมล็ดมะม่วงฯแล้ว ร้านยังได้มีการพัฒนาในส่วนของขั้นตอนการผลิตด้วย ด้วยการยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่มาตรฐานสากล (HACCP) ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตอาหารที่สามารถส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ รวมทั้งการผลิตนั้นจะเน้นในเรื่องของสุขภาพเป็นสำคัญ ผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงที่วางจำหน่ายจะไม่ทอดด้วยน้ำมัน แต่ใช้วิธีการอบจนไม่หลงเหลือคอเลสเตอรอล เพราะปัจจุบันนี้คนจะหันมาสนใจการดูแลสุขภาพ อาหารที่เลือกรับประทานจะต้องเป็นอาหารที่ดีต่อร่างกาย ทางเมธีฯจึงต้องพัฒนาขั้นตอนการผลิตตอบสนองความต้องการของลูกค้าเช่นกัน
สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงฯ ประมาณ 60-70% เป็นตลาดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต ที่เป็นชาติเอเชียเป็นหลัก ทั้ง จีน ไต้หวัน ฮ่องกง เป็นต้น ส่วนอีกประมาณ 40-30% เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่เป็นนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นภูเก็ต รวมทั้งผลิตภัณฑ์ของเมธีฯได้วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าแล้ว โดยผ่านทางตัวแทนจำหน่าย เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น ห้างคาร์ฟูร์ เป็นต้น
ส่วนตลาดต่างประเทศ เริ่มส่งไปยังประเทศจีนบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีปริมาณไม่มากนัก เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเมธีฯเป็นที่รู้จักของคนจีนในระดับหนึ่ง
นางสาวอาภา กล่าวต่อว่า เมธีฯยังไม่หยุดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์แค่นี้ จะมีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งขณะนี้กำลังวิจัยผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงฯเพิ่มอีก 2 ชนิด เป็นสินค้าประเภทของรับประทานเล่น ซึ่งจะวางตลาดภายในปีนี้เช่นกัน รวมทั้งจะเน้นการรักษาคุณภาพของสินค้าที่ใหม่สดอยู่ตลอดเวลา เพื่อครองใจลูกค้าตลอดไป
แม่จู้ทำ HACCP ส่งไตปลาโกอินเตอร์
ขณะที่ร้านคุณแม่จู้ ซึ่งเป็นร้านผลิตและจำหน่ายสินค้าของฝาก ประเภทสินค้าพื้นเมือง แกงไตปลา น้ำพริกกุ้งเสียบ ขนมพื้นเมือง ที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของภูเก็ต ก็ไม่หยุดอยู่แค่การจำหน่ายในภูเก็ตและส่งไปทำตลาดในเอเชียเท่านั้น แต่ร้านแม่จู้มีเป้าหมายที่จะพัฒนามาตรฐานอาหารให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อเจาะตลาดในยุโรป
นางวันฤดี รังสินธุรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท คุณแม่จู้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางร้านคุณแม่จู้กำลังพัฒนาการผลิตเพื่อให้โรงงานได้รับมาตรฐาน HACCP ที่เป็นมาตรฐานด้านอาหารระดับสากลที่ทั่วโลกยอมรับ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลาอันใกล้นี้
การที่ทางร้านคุณแม่จู้ต้องการมาตรฐานอาหาร HACCP ก็เพื่อให้สามารถส่งสินค้าประเภทแกงไตปลา น้ำพริกชนิดต่างๆ รวมทั้งแกงส้ม ไปยังประเทศในยุโรป จากที่ปัจจุบันทางร้านแม่จู้ได้รับมาตรฐาน ISO 9001 มาตรฐานของ มผช. และมาตรฐาน GMP แล้วก็ตาม แต่การส่งไปยุโรปนั้นจะต้องได้มาตรฐาน HACCP
โดยขณะนี้มีตัวแทนจำหน่ายจากประเทศในยุโรป ทั้งเยอรมนีและไอร์แลนด์ประมาณ 4-5 รายได้ติดต่อที่จะรับสินค้าของทางร้านไปจำหน่ายในประเทศดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถส่งไปได้เพราะการที่จะส่งสินค้าไปได้นั้น โรงงานจะต้องได้รับมาตรฐาน HACCP ก่อน อย่างไรก็ตาม คาดว่าการทำมาตรฐานดังกล่าวและส่งออกไปยุโรปจะดำเนินการได้ภายในปีนี้ และเมื่อส่งไปแล้วจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะกลุ่มลูกค้าจะเป็นคนไทยที่ไปอยู่ในประเทศดังกล่าว
ส่วนการส่งสินค้าของร้านแม่จู้ไปประเทศอื่นๆ ขณะนี้ได้ส่งไปจำหน่ายในประเทศเอเชีย หลายประเทศแล้วเช่นกัน เช่น ไต้หวัน จีน ซึ่งก็ได้รับการตอบรับในระดับหนึ่งในช่วงของการเริ่มต้นเปิดตลาด โดยเฉพาะน้ำพริกถือว่ามีคู่แข่งสูงมาก เพราะทุกภาคของประเทศไทย สามารถผลิตน้ำพริกส่งออกไปต่างประเทศได้ทุกภาค ในขณะที่ต้นทุนของทางร้านสูงกว่าการผลิตในภาคอื่นๆ ทำให้สู้ราคาไม่ค่อยได้ แต่ในส่วนของแกงไตปลาและน้ำพริกกุ้งเสียบไม่ค่อยมีคู่แข็งเพราะเป็นอาหารพื้นเมืองของภูเก็ต
กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการของร้านแม่จู้ 90% เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต ที่เหลืออีก 10% เป็นคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเอเชีย โดยในปีนี้ได้ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 5-6% เพราะยอดขายสินค้าของที่ร้านขึ้นอยู่กับสถานการณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มคนไทย
สำหรับร้านคุณแม่จู้ ถือว่าเป็นร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองภูเก็ต ประเภทน้ำพริกกุ้งเสียบ แกงไตปลา ขนมพื้นเมือง ที่มีชื่อเสียงติดตลาดในประเทศ มีสินค้าให้ลูกค้าได้เลือกกว่า 100 ชนิด ที่พัฒนาคุณภาพของสินค้ามาโดยตลอดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าเดิมและสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าใหม่ จากรุ่นที่ 1 ที่เริ่มต้นการผลิตแกงไตปลาและน้ำพริกกุ้งเสียบ ที่พัฒนามาจนถึงรุ่นที่ 3 ในปัจจุบันที่ได้นำเทคโนโลยี และมาตรฐานต่างๆเข้ามาพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น