xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันพุ่งไม่ยั้งเบนซินทะยานลิตรละ 37 บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ผู้ค้าน้ำมันทุกรายแจ้งขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิด 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันนี้(8พ.ค.) ส่งผลให้ราคาทำสถิติใหม่อีกระลอก โดยเบนซิน95 เป็น 37.09 บาทต่อลิตร ดีเซล 34.44 บาทต่อลิตรเว้นปตท.และบางจากยังกดต่ำกว่ารายอื่น 50 สตางค์ต่อลิตรอยู่ที่ 33.94 บาทต่อลิตร “พูนภิรมย์”จี้ปรับแผนพลังงานทดแทนใหม่ บอกให้คนไทยทำใจรับมือน้ำมัน 150 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้น้ำมันดิบ 200 เหรียญต่อบาร์เรลอีก 2 ปีข้างหน้าอาจเกิดได้และหากเห็นจริงจะทำให้ไทยเห็นดีเซล เบนซินทะลุเกิน 40 บาทต่อลิตรแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(7พ.ค.) บริษัทเชลล์ ในประเทศไทยได้แจ้งนำร่องปรับราคาขายปลีกน้ำมันอีก 50 สตางค์ต่อลิตรทุกชนิดมีผลตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค.เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาเบนซิน 95 ขยับเป็น 37.09 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เป็น 35.99 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 32.59 บาทต่อลิตร และดีเซลเป็น 34.44 บาทต่อลิตร ซึ่งถือเป็นการทำสถิติสูงสุด(นิวไฮ)อีกครั้ง ขณะที่ผู้ค้ารายอื่นๆ ขยับตามเช่นกันแต่ก็ยังทำให้ดีเซลของปตท.และบางจากต่ำกว่ารายอื่นอีก 50 สตางค์ต่อลิตรโดยอยู่ที่ 33.94 บาทต่อลิตร

ทั้งนี้การปรับราคาขายปลีกดังกล่าวสะท้อนจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับขึ้นสูงโดยน้ำมันดิบปิดตลาดวันที่ 6 พ.ค. เวสเท็กซัสขึ้น 1.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปิดที่ 121.84 เหรียญต่อบาร์เรลทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดูไบ ขึ้น 3.41 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 113.09 เหรียญฯต่อบาร์เรล โอมานขึ้น 3.68 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 113.89 เหรียญต่อบาร์เรล สำเร็จรูปสิงคโปร์เบนซิน 95 ขึ้น 3.57 เหรียญฯต่อบาร์เรลปิดที่ 123.55 เหรียญฯต่อบาร์เรล ดีเซล ขึ้น 3.07 เหรียญฯต่อบาร์เรลปิดที่ 143.90 เหรียญต่อบาร์เรล

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบและสำเร็จรูปในตลาดโลกในช่วงปลายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรง มากกว่า 5 – 8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ผลจากการอ่อนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้มีการเข้าซื้อเก็งกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้าต่อเนื่อง และไนจีเรียผู้ส่งออกน้ำมันเป็นอันดับ 8 ของโลก ถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายวางระเบิดสถานีสูบถ่ายน้ำมันทำให้ต้องหยุดการผลิตน้ำมันดิบปริมาณ 164,000 บาร์เรล/วัน อีกทั้งผู้นำอิหร่านยังคงยืนยันที่จะพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ต่อไป และหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน เวียดนาม สิงคโปร์ อินเดีย และเกาหลี ยังคงมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นตามอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อต้นทุนราคาน้ำมันในประเทศสูงขึ้นตามไปด้วยทำให้ขาดทุนเฉลี่ยอยู่ลิตรละ 1.50 บาท หรือ วันละประมาณ 40 ล้านบาท หากนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา (มกราคมจนถึงปัจจุบัน) ปตท. ได้ช่วยแบกรับภาระแทนประชาชนไปแล้วกว่า 3,200 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการรับภาระมาจากน้ำมันดีเซล (น้ำมันดีเซล 3,165 ล้านบาท และน้ำมันเบนซิน 52 ล้านบาท) ปตท. จึงจำเป็นต้องปรับราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดขึ้น 50 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้ (8 พ.ค.51)

“ ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์จากโกลแมนแซคส์( Goldman Sachs ) คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซัสจะปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับ 200 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ภายใน 6 ถึง 24 เดือนข้างหน้า เนื่องปริมาณน้ำมันในกลุ่ม Non-Opec ยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ตลาดมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นเราในฐานะเป็นผู้นำเข้าและผู้ใช้ไม่ควรประมาท”นายชัยวัฒน์กล่าว

ชี้โลกแตะ200เหรียญดีเซลแตะ40บ.

นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน ระบุถึงกรณีมีการคาดการณ์น้ำมันดิบเวสท์เท็กซัสในอีก 6 เดือน- 2 ปีข้างหน้านั้นอาจเห็น 200 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งหากเป็นจริงขายปลีกไทยจะเห็นเบนซินทะลุ 40 บาทต่อลิตรและดีเซลจะแตะ 40 บาทต่อลิตรเนื่องจากราคาดังกล่าวจะขึ้นอีกประมาณ 20 เหรียญต่อบาร์เรลจากปัจจุบันหรือคิดเป็นการขึ้นอีกประมาณ 5 บาทต่อลิตร อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานคงไม่น่าจะเกิดขึ้นแต่ก็ยากที่จะคาดเดาเพราะปัจจุบันน้ำมันที่ขึ้นมากก็ไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐาน

นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. อะโรเมติกส์ และการกลั่น หรือ พีทีทีเออาร์ กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ขึ้นไปถึงระดับดังกล่าว เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งกำลังผลิตที่ใกล้เคียงกับความต้องการ และการที่เศรษฐกิจจีนและอินเดียขยายตัวต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น รวมทั้งเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และเกิดเหตุความไม่สงบในไนจีเรีย ตุรกี

บอกให้ทำใจอาจเห็น150เหรียญฯ

พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานกำลังติดตามน้ำมันอย่างใกล้ชิดเพื่อหาแนวทางลดผลกระทบซึ่งยอมรับว่าราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวนมากและมีโอกาสเห็นน้ำมันดิบระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลค่อนข้างสูง โดยภาครัฐกำลังเร่งแผนการส่งเสริมพลังงานทดแทนให้มากขึ้นโดยได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงพลังงานไปปรับแผนใหม่ทั้งหมด

“ น้ำมันดิบโลกมีโอกาสสูงมากที่จะเห็น 150 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งประชาชนคงจะต้องทำใจยอมรับแต่กระทรวงพลังงานก็พยายามเร่งทุกด้านในการลดผลกระทบทั้งการขอเพิ่มวงเงินจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานในการส่งเสริมการติดตั้งเอ็นจีวีในรถแท็กซี่ที่ขณะนี้มีเพียง 2 หมื่นคันที่ติดแล้วยังเหลืออีก 5 หมื่นคันที่ต้องเร่ง ส่วนพลังงานทดแทนบางอย่างก็ส่งเสริมเต็มที่แล้ว บางอย่างก็ยังไม่ได้ดูคงต้องไปปรับจุดนี้ใหม่”รมว.พลังงานกล่าว

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาแนวทางการปรับปรุงแผนส่งเสริมพลังงานทดแทนใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะการณ์ในปัจจุบันโดยเฉพาะกรณีการผลิตไฟฟ้าจากแกลบที่เริ่มมีปัญหาจัดหาวัตถุดิบไม่พอคงจะต้องมีการยกเลิกแผนการส่งเสริมชั่วคราว พร้อมกับที่จะต้องไปพิจารณาส่วนอืนๆ ที่ยังมีน้อยแทน

ราคาน้ำมันโลกเฉียด$123

สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบโลกยังอยู่ในช่วงขึ้นทะยานและทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับใกล้กับ 123 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันอังคาร(6) เนื่องจากตลาดเล่นกับข่าวความวิตกเรื่องซัปพลายอาจจะติดขัดชะงักงัน และค่าเงินดอลลาร์ก็อ่อนตัว

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนยน พุ่งสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ 122.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในการซื้อขายระหว่างวันช่วงหนึ่งเมื่อวันอังคาร ก่อนจะถอยลงมาปิดตลาดในวันนั้นที่ 121.84 ดอลลาร์ ซึ่งก็ยังสูงขึ้นจากตอนปิดวันก่อนอยู่ 1.87 ดอลลาร์

ทางด้านสัญญาล่วงหน้าของน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของตลาดลอนดอน ก็ทำนิวไฮในการซื้อขายระหว่างวันเมื่อวันอังคารเช่นกัน โดยอยู่ที่ 120.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แล้วรูดลงมาปิดตลาดที่ 120.31 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากราคาปิดวันจันทร์อยู่ 2.32 ดอลลาร์

เมื่อวานนี้ ราคาของไลต์สวีตครูดทรงตัวอยู่ในระดับเหนือ 122 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยช่วงเที่ยงเศษของลอนดอน อยู่แถวๆ 121.85 ดอลลาร์ สูงขึ้นจากตอนปิดวันอังคาร 11 เซ็นต์ ส่วนเบรนต์ก็เพิ่มขึ้น 10 เซ็นต์ อยู่ที่ 120.41 ดอลลาร์

นอกจากเหตุผลเรื่องค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวแล้ว พวกนักวิเคราะห์ตลาดน้ำมันยังอ้างสาเหตุสถานการณ์ความผันผวนของอิหร่านและไนจีเรีย ว่าอาจทำให้ซัปพลายน้ำมันเกิดการชะงักงันได้

อิหร่านซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสี่ของโลก ยิ่งประจันหน้าอย่างตึงเครียดมากขึ้นกับโลกตะวันตก ด้วยการยืนกรานปฏิเสธไม่ยอมให้มีการตรวจโครงการนิวเคลียร์ของตน ส่วนไนจีเรียนั้น แม้การโจมตีของพวกหัวรุนแรงตลอดจนการนัดหยุดงานของคนงาน ซึ่งทำให้การผลิตน้ำมันในประเทศนี้ลดฮวบลงมากในสัปดาห์ก่อน จะคลี่คลายกันไปแล้ว ทว่าบรรดาเทรดเดอร์ก็บอกว่า การผลิตยังไม่อาจฟื้นตัวสู่ระดับปกติได้

เป็นที่คาดหมายกันว่า ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งกำลังจะไปเยือนซาอุดีอาระเบีย จะไปกดดันให้ประเทศหัวเรือใหญ่ขององค์การโอเปกรายนี้ เพิ่มการผลิตน้ำมันออกสู่ตลาด

อย่างไรก็ตาม ทางด้าน โชครี กาเนม ผู้บริหารสูงสุดของบรรษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบีย ยังคงคาดหมายว่า ราคาน้ำมันอาจจะพุ่งทะยานต่อไปอีก

"ผมคิดว่ามันจะสูงขึ้นต่อไปอีก" เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์แก่สำนักข่าวรอยเตอร์ "มันยังคงเป็นเรื่องเก่าเรื่องเดิม นั่นคือ การเก็งกำไร และเรื่องทางภูมิรัฐศาสตร์" ทั้งนี้คำพูดของเขาก็คล้ายๆ กับที่พวกผู้นำโอเปกได้พูดกันมาก่อนแล้ว นั่นคือ น้ำมันแพงในเวลานี้ไม่ใช่เพราะตลาดมีน้ำมันดิบไม่เพียงพอ หากเป็นเพราะการเก็งกำไร และสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งทำให้ตลาดแตกตื่นเรื่องซัปพลายจะเกิดการติดขัด
กำลังโหลดความคิดเห็น