นักจัดรายการชื่อเสียงโด่งดังทางโทรทัศน์อย่างมาร์ธา สจ็วต นั้น เธอเก่งเรื่องทำอาหาร แถมยังมีบทบาทเชิญทั้งเชฟชื่อดังๆ รวมทั้งดารานักร้องชั้นนำทั้งหลายให้เข้าร่วมรายการได้อย่างสม่ำเสมอ
แต่ว่าเธอมีชื่อเสียงมาก ถือว่าเป็นปรมาจารย์ก็ว่าได้ในการตกแต่งบ้านครับ!
กล่าวกับเธอว่าเมื่อครั้งเธอต้องเข้าไปติดคุกเพราะเรื่องไม่พูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องหุ้นอะไรนี่แหละ
ระหว่างนั้นก็เลยมีการพูดตลกๆ เกี่ยวกับเธอว่า ห้องขังของมาร์ธานั้นคงตกแต่งเสียอย่างเริดด้วยฝีมือเธอเองกระมัง
เวลานี้ชาวอเมริกันและคนตะวันตกทั่วไปต่างก็เห่อการมีบ้านที่ได้รับการตกแต่งหรูหรา บางคนเน้นความสบายไม่ต้องมีเงินแพงๆ แต่ก็ต้องแต่งบ้านให้มีรสนิยมด้วย
ผมเองมีบ้านที่ตั้งใจสร้างสวนนอกบ้านให้กลมกลืนกับภายในบ้าน เพราะในบ้านแม้จะไม่จัดสวนแต่ก็ใช้แจกันสูงปักใบไม้ดอกไม้ไว้พอสมควร
เพราะต้องการความกลมกลืนนี่แหละครับ บ้านผมจึงมีสนามอยู่เกือบรอบบ้าน
มีสนามใหญ่หน้าบ้านพร้อมสระทรงกลมรีล้อมบริเวณหน้าบ้านเอาไว้ สนามเล็กลงมาติดกับโรงรถและชิดกับห้องนอนชั้นล่าง ต้นไม้ ดอกไม้ใบ และไม้ผลเยอะแยะครับ
สนามหลังใหญ่ครับ ปลูกมะม่วงไว้ 2 ต้น ได้กินผลแค่ต้นเดียว บริเวณนี้ชิดกับโฮมเธียเตอร์และห้องสมุดที่แยกส่วนกัน และเป็นแหล่งพำนักพักพิงของเจ้าตูบ 3 ตัวคนละสายพันธุ์กัน
กลับมาดูบ้านฝรั่งกันบ้าง เวลานี้มองกันว่าพวกเขาสนใจและเน้นเรื่องการให้ความงามมีลักษณะ “ใช้งาน” หรือฟังก์ชันได้จริงๆ กับสภาพแวดล้อมเวลาที่จะจัดแบ่ง ส่วนต่างๆ ของบ้านครับ
บางคนก็จ้างนักจิตวิทยามาช่วยนะครับ
เพราะต้องการให้สิ่งแวดล้อมมีผลต่อสภาพจิตใจ เช่น อยู่แล้วสบายๆ
ไม่ต่างอะไรกับคนไทยที่ต้องมีซินแสมาดูทำเลว่าเหมาะควรหรือไม่
แม้แต่ขั้วโลกอย่างแอนตาร์กติก ซึ่งมีแต่นักวิทยาศาสตร์นักวิจัยไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว
การสร้างบ้านหรือที่พักก็ต้องออกแบบให้ “น่าอยู่” และให้รู้สึก “ไม่โดดเดี่ยว” ด้วยครับ!
บริษัทออกแบบ คือ Broughton Architects ที่อยู่ในลอนดอนออกแบบที่พักให้โดยบอกว่า
“ส่วนสำคัญที่สุดก็คือความเป็นมนุษย์นี่แหละครับ เพราะเมื่อโครงสร้างทางวิศวกรรมศาสตร์เสร็จแล้ว สิ่งที่เราต้องคิดก็คือจะให้คนอยู่และใช้ชีวิตอยู่ในที่พักทุกวันกันได้อย่างไร”
ปัญหาท้าทายที่สุดคือ จะต้องลดทอนความรู้สึกว่าที่ขั้วโลกเหนือมีความโดดเดี่ยวออกไปให้ได้
เตียงเป็นเตียงแบบบังเกอร์ 9 เดือนเต็มๆ เป็นหน้าหนาว การอยู่รวมกันต้องอุ่นและ “อบอุ่น”
คนอยู่รวมกัน 16 คน และจะอยู่ห้องเดี่ยวก็ได้ แต่เมื่อได้หารือกับพวกที่อยู่จริงๆ เขาอยากอยู่ร่วมกันมากกว่า เช่น ในฤดูร้อนแค่ 2-3 เดือน
ในนั้นมีสปาและห้องบิลเลียด รวมทั้งห้องอ่านหนังสือ หรือห้องนั่งเล่นงีบเงียบๆ ได้ด้วย
สถาปนิกบอกว่ากำลังจะสร้างห้องกระจกเป็นกรีนเฮาส์เพื่อเป็นที่ปลูกผัก ผลไม้ โดยใช้ระบบไฮโดรโปนิก เพราะสิ่งที่คนต้องการจะเห็นคือความเขียว เพราะมองไปที่ไหนๆ ก็จะมีแต่สีขาวของน้ำแข็งหรือหิมะทั้งนั้น
ระบบไฮโดรโปนิกจะช่วยให้มีอาหารสดประเภทผัก และผลไม้ไว้รับประทาน ทฤษฎีแสงสีถูกนำมาใช้ด้วยครับ
แองเจล่าไรท์ (Angela Wright) มีบริษัทชื่อ Colour Affects ได้พัฒนาทฤษฎีสี โดยมี 4 กลุ่ม มีลักษณะโทนสีเกี่ยวข้องกับลักษณะนิสัยของมนุษย์
เมื่อแบ่งผู้อยู่เป็นกลุ่มได้ 4 กลุ่ม แล้ว กลุ่มแรกจะมีสีออกโทนสีที่อุ่นหน่อย และแสดงออกถึงความเป็นตัวตนที่แสดงความเปิดเผย
ขณะสีของกลุ่มสองและกลุ่มสี 4 สีจะเย็นและสะท้อนการกระตุ้นบุคลิกภาพภายในของผู้คน
เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าอยู่ “บ้าน” แองเจล่า ได้ให้กลุ่ม 3 มีสี 3 สี คือ สีอุ่นๆ ออกแนว Earth Tones โดยออกดำผสมกับสีแดงมะเขือเทศ, ส้ม, สีสนิม และเหลืองเนยสด รวมทั้งสีแสดออกเหลืองหน่อยๆ
“ส่วนใหญ่แล้วคนจะรู้สึกอบอุ่นและได้รับบรรยากาศบ้านที่อบอุ่น”
นี่แหละครับ... การออกแบบที่ใช้หลายปัจจัยและออกแบบในที่ซึ่งอยู่ในสภาพโดดเดี่ยว
ใครที่สนใจ ลองถามสถาปนิกที่คุณรู้จักดู พวกนี้จะรู้เรื่องสีดี
บริษัทขายสี รู้เรื่องสีไม่เท่าสถาปนิกหรอกครับ เชื่อผมได้เลยว่า การตกแต่งบ้านโดยไม่ใช้สีพื้นๆ ทั่วๆ ไปสามารถปรับสภาพแวดล้อมในบ้านคุณได้อย่างแน่นอน
คุณจะอยู่อย่างสบายใจขึ้นมาก ถ้าอยู่กับโทนสีที่เข้ากับบุคลิกภาพของคุณ!!
แต่ว่าเธอมีชื่อเสียงมาก ถือว่าเป็นปรมาจารย์ก็ว่าได้ในการตกแต่งบ้านครับ!
กล่าวกับเธอว่าเมื่อครั้งเธอต้องเข้าไปติดคุกเพราะเรื่องไม่พูดความจริงเกี่ยวกับเรื่องหุ้นอะไรนี่แหละ
ระหว่างนั้นก็เลยมีการพูดตลกๆ เกี่ยวกับเธอว่า ห้องขังของมาร์ธานั้นคงตกแต่งเสียอย่างเริดด้วยฝีมือเธอเองกระมัง
เวลานี้ชาวอเมริกันและคนตะวันตกทั่วไปต่างก็เห่อการมีบ้านที่ได้รับการตกแต่งหรูหรา บางคนเน้นความสบายไม่ต้องมีเงินแพงๆ แต่ก็ต้องแต่งบ้านให้มีรสนิยมด้วย
ผมเองมีบ้านที่ตั้งใจสร้างสวนนอกบ้านให้กลมกลืนกับภายในบ้าน เพราะในบ้านแม้จะไม่จัดสวนแต่ก็ใช้แจกันสูงปักใบไม้ดอกไม้ไว้พอสมควร
เพราะต้องการความกลมกลืนนี่แหละครับ บ้านผมจึงมีสนามอยู่เกือบรอบบ้าน
มีสนามใหญ่หน้าบ้านพร้อมสระทรงกลมรีล้อมบริเวณหน้าบ้านเอาไว้ สนามเล็กลงมาติดกับโรงรถและชิดกับห้องนอนชั้นล่าง ต้นไม้ ดอกไม้ใบ และไม้ผลเยอะแยะครับ
สนามหลังใหญ่ครับ ปลูกมะม่วงไว้ 2 ต้น ได้กินผลแค่ต้นเดียว บริเวณนี้ชิดกับโฮมเธียเตอร์และห้องสมุดที่แยกส่วนกัน และเป็นแหล่งพำนักพักพิงของเจ้าตูบ 3 ตัวคนละสายพันธุ์กัน
กลับมาดูบ้านฝรั่งกันบ้าง เวลานี้มองกันว่าพวกเขาสนใจและเน้นเรื่องการให้ความงามมีลักษณะ “ใช้งาน” หรือฟังก์ชันได้จริงๆ กับสภาพแวดล้อมเวลาที่จะจัดแบ่ง ส่วนต่างๆ ของบ้านครับ
บางคนก็จ้างนักจิตวิทยามาช่วยนะครับ
เพราะต้องการให้สิ่งแวดล้อมมีผลต่อสภาพจิตใจ เช่น อยู่แล้วสบายๆ
ไม่ต่างอะไรกับคนไทยที่ต้องมีซินแสมาดูทำเลว่าเหมาะควรหรือไม่
แม้แต่ขั้วโลกอย่างแอนตาร์กติก ซึ่งมีแต่นักวิทยาศาสตร์นักวิจัยไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว
การสร้างบ้านหรือที่พักก็ต้องออกแบบให้ “น่าอยู่” และให้รู้สึก “ไม่โดดเดี่ยว” ด้วยครับ!
บริษัทออกแบบ คือ Broughton Architects ที่อยู่ในลอนดอนออกแบบที่พักให้โดยบอกว่า
“ส่วนสำคัญที่สุดก็คือความเป็นมนุษย์นี่แหละครับ เพราะเมื่อโครงสร้างทางวิศวกรรมศาสตร์เสร็จแล้ว สิ่งที่เราต้องคิดก็คือจะให้คนอยู่และใช้ชีวิตอยู่ในที่พักทุกวันกันได้อย่างไร”
ปัญหาท้าทายที่สุดคือ จะต้องลดทอนความรู้สึกว่าที่ขั้วโลกเหนือมีความโดดเดี่ยวออกไปให้ได้
เตียงเป็นเตียงแบบบังเกอร์ 9 เดือนเต็มๆ เป็นหน้าหนาว การอยู่รวมกันต้องอุ่นและ “อบอุ่น”
คนอยู่รวมกัน 16 คน และจะอยู่ห้องเดี่ยวก็ได้ แต่เมื่อได้หารือกับพวกที่อยู่จริงๆ เขาอยากอยู่ร่วมกันมากกว่า เช่น ในฤดูร้อนแค่ 2-3 เดือน
ในนั้นมีสปาและห้องบิลเลียด รวมทั้งห้องอ่านหนังสือ หรือห้องนั่งเล่นงีบเงียบๆ ได้ด้วย
สถาปนิกบอกว่ากำลังจะสร้างห้องกระจกเป็นกรีนเฮาส์เพื่อเป็นที่ปลูกผัก ผลไม้ โดยใช้ระบบไฮโดรโปนิก เพราะสิ่งที่คนต้องการจะเห็นคือความเขียว เพราะมองไปที่ไหนๆ ก็จะมีแต่สีขาวของน้ำแข็งหรือหิมะทั้งนั้น
ระบบไฮโดรโปนิกจะช่วยให้มีอาหารสดประเภทผัก และผลไม้ไว้รับประทาน ทฤษฎีแสงสีถูกนำมาใช้ด้วยครับ
แองเจล่าไรท์ (Angela Wright) มีบริษัทชื่อ Colour Affects ได้พัฒนาทฤษฎีสี โดยมี 4 กลุ่ม มีลักษณะโทนสีเกี่ยวข้องกับลักษณะนิสัยของมนุษย์
เมื่อแบ่งผู้อยู่เป็นกลุ่มได้ 4 กลุ่ม แล้ว กลุ่มแรกจะมีสีออกโทนสีที่อุ่นหน่อย และแสดงออกถึงความเป็นตัวตนที่แสดงความเปิดเผย
ขณะสีของกลุ่มสองและกลุ่มสี 4 สีจะเย็นและสะท้อนการกระตุ้นบุคลิกภาพภายในของผู้คน
เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าอยู่ “บ้าน” แองเจล่า ได้ให้กลุ่ม 3 มีสี 3 สี คือ สีอุ่นๆ ออกแนว Earth Tones โดยออกดำผสมกับสีแดงมะเขือเทศ, ส้ม, สีสนิม และเหลืองเนยสด รวมทั้งสีแสดออกเหลืองหน่อยๆ
“ส่วนใหญ่แล้วคนจะรู้สึกอบอุ่นและได้รับบรรยากาศบ้านที่อบอุ่น”
นี่แหละครับ... การออกแบบที่ใช้หลายปัจจัยและออกแบบในที่ซึ่งอยู่ในสภาพโดดเดี่ยว
ใครที่สนใจ ลองถามสถาปนิกที่คุณรู้จักดู พวกนี้จะรู้เรื่องสีดี
บริษัทขายสี รู้เรื่องสีไม่เท่าสถาปนิกหรอกครับ เชื่อผมได้เลยว่า การตกแต่งบ้านโดยไม่ใช้สีพื้นๆ ทั่วๆ ไปสามารถปรับสภาพแวดล้อมในบ้านคุณได้อย่างแน่นอน
คุณจะอยู่อย่างสบายใจขึ้นมาก ถ้าอยู่กับโทนสีที่เข้ากับบุคลิกภาพของคุณ!!