นายกสมาคมสถาปนิกชี้ สถาปนิก-วุฒิสถาปนิก-วุฒิวิศวกร ออกแบบและก่อสร้างอาคารสูงเกิน 8 ชั้นผิดกฎหมาย ผิดจรรยาบรรณ อาจถึงขั้นพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพชั่วคราว 1-5 ปี ด้าน “พลัส” แจงแก้ไขคอนโดฯ เสร็จ มิย.พร้อมทยอยโอนห้องชุด ก.ค.นี้
กรณีที่มีข่าวที่กทม.ตรวจสอบพบโครงการคอนโดมิเนียมความสูงไม่เกิน 23 เมตร ในโครงการคอนโด วันของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 11 อาคาร ก่อสร้างสูงเกิน 23 เมตรและมี 9 ชั้น ซึ่งผิดแบบข้อบังคับกฎหมายตามกฎหมายควบคุมอาคาร ที่ระบุว่า อาคารคอนโดมิเนียมความสูงไม่เกิน 23 เมตร หรือโลว์ไรท์ สร้างสูงจากพื้นดินได้ไม่เกิน 23 เมตรหรือมีจำนวนไม่เกิน 8 ชั้น แต่ละชั้นสูงไม่ต่ำกว่า 2.6 เมตร อีกทั้ง พลัสยังได้ก่อสร้างล่วงหน้าโดยอาศัยกฎหมายมาตร 39 ทวิ ซึ่งจะสามารก่อสร้างได้ล่วงหน้าก่อนได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง
นายสิน พงษ์หาญยุทธ นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีความผิดเฉพาะบริษัทที่เป็นเจ้าของอาคารหรือโครงการเท่านั้น แต่สถาปนิกผู้ออกแบบ รวมถึงวุฒิสถาปนิกและวุฒิวิศวกร ทั้งวุฒิวิศวกรโครงสร้าง, วุฒิวิศวกรโยธา, วุฒิวิศวกรงานระบบปรับอากาศ, วุฒิวิศวกรสุขาภิบาล และวุฒิวิศวกรไฟฟ้า จะต้องมีความผิดด้วย เนื่องจากตามข้อกฎหมายควบคุมอาคารนั้นในการขอนุญาติก่อสร้างตามมาตรา 39 ทวิ นั้นจะดำเนินการก่อสร้างได้ต้องได้รับการเซ็นเห็นชอบจากวุฒิสถาปนิกและวุฒิวิศวกรทุกแขนงก่อน
นายสินกล่าวว่า การจะเอาผิดกับวุฒิสถาปนิก วุฒิวิศวกรนั้นทางกทม.จะต้องร้องไปยังสภาสถาปนิกและสภาวิศวกร เพื่อให้เอกผิดในด้านจรรยาบรรณ ซึ่งโทษของการดำเนินการดังกล่าวคืออาจจะต้องพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพชั่วคราวไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือ 5 ปีก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามจากเรื่องทีเกิดขึ้นแม้กทม.จะไม่ร้องเรียนไปแต่เมื่อเป็นข่าวสู่สาธารณะแล้วทางสภาสถาปนิกและสภาวิศวกรก็คงต้องดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป เพราะถือเป็นการผิดจรรยาบรรณ ส่วนสมาคมคงจะไม่ช่วยเหลืออะไร เพราะเป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมาย ไม่ได้เป็นเรื่องที่สถาปนิกถูกเอารัดเอาเปรียบ
ส่วนโครงการที่ทำผิดนั้นก็จะต้องไปดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้อง โดยจะต้องทุบส่วนทีเกินออกไปแล้วไปขออนุญาตใหม่ แล้วจึงจะทำการจดทะเบียนโอนให้กับลูกค้าได้ เพราะเอกสารที่ขออนุญาตกับการจดทะเบียนเป็นอาคารชุดนั้นจะต้องมีความเหมือนกันแตกต่างกันไม่ได้
***พลัสฯคาดแก้ไขคอนโดเสร็จมิ.ย.***
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า กรณีหน่วยงานราชการทักท้วงให้ปรับพื้นที่อาคารบางส่วนของอาคารคอนโดมิเนียม ส่งผลให้เกิดการโอนล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่วางแผนไว้นั้น ที่ผ่านมาพลัสฯ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับลูกค้าไปเกือบหมดแล้ว โดยพยายามให้มีผลกระทบต่อลูกค้าให้น้อยที่สุด ส่วนการปรับปรุงพื้นที่คาดว่าจะแล้วเสร็จ พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบอาคาร รวมถึงทยอยส่งมอบห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
“พลัสฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า เห็นได้จากการปรับปรุงแก้ไขคุณภาพมาตรฐานของโครงการระหว่างการก่อสร้างเพิ่มเติม สำหรับกรณีของคอนโดวันนั้น อาจมีบางกรณีไม่สอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับของหน่วยงานราชการ แต่ทางพลัสฯ ก็พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข โดยพยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะให้เกิดผลกระทบกับลูกค้าให้น้อยที่สุด ” นายเมธา กล่าว
สำหรับการพัฒนาคอนโดวันของพลัสฯ บริษัทมีการปรับแนวทางการก่อสร้างระหว่างทาง โดยการปรับวิธีการก่อสร้างในครั้งนั้น ทำให้โครงการได้รับการท้วงติงมาจากหน่วยงานราชการในเรื่องความสูงของอาคาร ดังนั้น ทางบริษัทฯ จึงจำเป็นต้องทำการแก้ไขแบบและการก่อสร้างให้ตรงตามข้อกำหนดของหน่วยงานราชการ โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการปรับปรุงพื้นที่และดำเนินการด้านเอกสารทางราชการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ และจะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนในกรณีลูกค้าบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงพื้นที่อาคาร ทางบริษัทฯยินดีรับผิดชอบตามข้อตกลงและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาทุกประการ
“นอกจากนี้ พลัสฯ ได้วางแนวทางในการดำเนินการ เพื่อสร้างรายรับของพลัสในปี 2551 เพื่อชดเชยการเสียโอกาสทางธุรกิจที่อาจมีบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งพลัสฯ ได้ปรับเป้ารายได้ปีนี้ให้สูงขึ้นกว่าเดิมจาก 7,000 ล้านบาท เป็น 7,200 ล้านบาท โดยมีแนวทางเพิ่มเติมในการเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ ได้แก่ โครงการทาวน์เฮาส์ และคอนโดฯอื่นๆ อาทิ โครงการมายคอนโด เพื่อส่งมอบกับลูกค้าให้เร็วขึ้น โดยการเร่งการก่อสร้างที่อยู่อาศัยดังกล่าว จะใช้วิธีการเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น แต่ยังคงคุณภาพและมาตรฐานของโครงการที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าเช่นเดิม ” นายเมธา กล่าว
กรณีที่มีข่าวที่กทม.ตรวจสอบพบโครงการคอนโดมิเนียมความสูงไม่เกิน 23 เมตร ในโครงการคอนโด วันของบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวน 11 อาคาร ก่อสร้างสูงเกิน 23 เมตรและมี 9 ชั้น ซึ่งผิดแบบข้อบังคับกฎหมายตามกฎหมายควบคุมอาคาร ที่ระบุว่า อาคารคอนโดมิเนียมความสูงไม่เกิน 23 เมตร หรือโลว์ไรท์ สร้างสูงจากพื้นดินได้ไม่เกิน 23 เมตรหรือมีจำนวนไม่เกิน 8 ชั้น แต่ละชั้นสูงไม่ต่ำกว่า 2.6 เมตร อีกทั้ง พลัสยังได้ก่อสร้างล่วงหน้าโดยอาศัยกฎหมายมาตร 39 ทวิ ซึ่งจะสามารก่อสร้างได้ล่วงหน้าก่อนได้รับใบอนุญาตก่อสร้าง
นายสิน พงษ์หาญยุทธ นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้มีความผิดเฉพาะบริษัทที่เป็นเจ้าของอาคารหรือโครงการเท่านั้น แต่สถาปนิกผู้ออกแบบ รวมถึงวุฒิสถาปนิกและวุฒิวิศวกร ทั้งวุฒิวิศวกรโครงสร้าง, วุฒิวิศวกรโยธา, วุฒิวิศวกรงานระบบปรับอากาศ, วุฒิวิศวกรสุขาภิบาล และวุฒิวิศวกรไฟฟ้า จะต้องมีความผิดด้วย เนื่องจากตามข้อกฎหมายควบคุมอาคารนั้นในการขอนุญาติก่อสร้างตามมาตรา 39 ทวิ นั้นจะดำเนินการก่อสร้างได้ต้องได้รับการเซ็นเห็นชอบจากวุฒิสถาปนิกและวุฒิวิศวกรทุกแขนงก่อน
นายสินกล่าวว่า การจะเอาผิดกับวุฒิสถาปนิก วุฒิวิศวกรนั้นทางกทม.จะต้องร้องไปยังสภาสถาปนิกและสภาวิศวกร เพื่อให้เอกผิดในด้านจรรยาบรรณ ซึ่งโทษของการดำเนินการดังกล่าวคืออาจจะต้องพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพชั่วคราวไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือ 5 ปีก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามจากเรื่องทีเกิดขึ้นแม้กทม.จะไม่ร้องเรียนไปแต่เมื่อเป็นข่าวสู่สาธารณะแล้วทางสภาสถาปนิกและสภาวิศวกรก็คงต้องดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป เพราะถือเป็นการผิดจรรยาบรรณ ส่วนสมาคมคงจะไม่ช่วยเหลืออะไร เพราะเป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมาย ไม่ได้เป็นเรื่องที่สถาปนิกถูกเอารัดเอาเปรียบ
ส่วนโครงการที่ทำผิดนั้นก็จะต้องไปดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้อง โดยจะต้องทุบส่วนทีเกินออกไปแล้วไปขออนุญาตใหม่ แล้วจึงจะทำการจดทะเบียนโอนให้กับลูกค้าได้ เพราะเอกสารที่ขออนุญาตกับการจดทะเบียนเป็นอาคารชุดนั้นจะต้องมีความเหมือนกันแตกต่างกันไม่ได้
***พลัสฯคาดแก้ไขคอนโดเสร็จมิ.ย.***
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า กรณีหน่วยงานราชการทักท้วงให้ปรับพื้นที่อาคารบางส่วนของอาคารคอนโดมิเนียม ส่งผลให้เกิดการโอนล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่วางแผนไว้นั้น ที่ผ่านมาพลัสฯ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับลูกค้าไปเกือบหมดแล้ว โดยพยายามให้มีผลกระทบต่อลูกค้าให้น้อยที่สุด ส่วนการปรับปรุงพื้นที่คาดว่าจะแล้วเสร็จ พร้อมทั้งดำเนินการตรวจสอบอาคาร รวมถึงทยอยส่งมอบห้องชุดให้แก่ลูกค้าได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป
“พลัสฯ มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า เห็นได้จากการปรับปรุงแก้ไขคุณภาพมาตรฐานของโครงการระหว่างการก่อสร้างเพิ่มเติม สำหรับกรณีของคอนโดวันนั้น อาจมีบางกรณีไม่สอดคล้องกับระเบียบข้อบังคับของหน่วยงานราชการ แต่ทางพลัสฯ ก็พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข โดยพยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะให้เกิดผลกระทบกับลูกค้าให้น้อยที่สุด ” นายเมธา กล่าว
สำหรับการพัฒนาคอนโดวันของพลัสฯ บริษัทมีการปรับแนวทางการก่อสร้างระหว่างทาง โดยการปรับวิธีการก่อสร้างในครั้งนั้น ทำให้โครงการได้รับการท้วงติงมาจากหน่วยงานราชการในเรื่องความสูงของอาคาร ดังนั้น ทางบริษัทฯ จึงจำเป็นต้องทำการแก้ไขแบบและการก่อสร้างให้ตรงตามข้อกำหนดของหน่วยงานราชการ โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการปรับปรุงพื้นที่และดำเนินการด้านเอกสารทางราชการให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนนี้ และจะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนในกรณีลูกค้าบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงพื้นที่อาคาร ทางบริษัทฯยินดีรับผิดชอบตามข้อตกลงและเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญาทุกประการ
“นอกจากนี้ พลัสฯ ได้วางแนวทางในการดำเนินการ เพื่อสร้างรายรับของพลัสในปี 2551 เพื่อชดเชยการเสียโอกาสทางธุรกิจที่อาจมีบ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งพลัสฯ ได้ปรับเป้ารายได้ปีนี้ให้สูงขึ้นกว่าเดิมจาก 7,000 ล้านบาท เป็น 7,200 ล้านบาท โดยมีแนวทางเพิ่มเติมในการเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยอื่นๆ ได้แก่ โครงการทาวน์เฮาส์ และคอนโดฯอื่นๆ อาทิ โครงการมายคอนโด เพื่อส่งมอบกับลูกค้าให้เร็วขึ้น โดยการเร่งการก่อสร้างที่อยู่อาศัยดังกล่าว จะใช้วิธีการเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น แต่ยังคงคุณภาพและมาตรฐานของโครงการที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าเช่นเดิม ” นายเมธา กล่าว