xs
xsm
sm
md
lg

คตส.เพิ่มผิดฮั้ว-ฉัอโกงแก๊งงาบเครื่องซีทีเอ็กซ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงภายหลังการประชุม วานนี้ (6 พ.ค.) ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 4 ในการพิจารณาสำนวนการทุจริตการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 ในสนามบินสุวรรณภูมิว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปในข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว โดยพบว่ามีบุคคลกระทำความผิดกฎหมายจำนวน 3 กลุ่ม คือผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง พนักงานเจ้าหน้าที่ในคณะกรรมการชุดต่างๆ และภาคเอกชน
โดยที่ประชุมได้พิจารณาเอกสารหลักฐานทั้งจากสหรัฐอเมริการ และจากฝ่ายไทย จนได้ข้อยุติจบเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ประชุมได้ตั้งข้อสังเกต และให้อนุกรรมการไต่สวนฯ กลับไปปรับบทสรุปให้สอดคล้องกับความเห็นของที่ประชุม โดยเฉพาะข้อกฎหมาย ซึ่งต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับพฤติกรรมเพื่อให้เกิดความชัดเจนขึ้น จึงได้เลื่อนไปพิจารณาอีกครั้งในวันที่ 12 พ.ค. เวลา 09.30 น. คาดว่าจะได้ข้อสรุปแน่นอน
แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคตส.ชุดใหญ่ ได้พิจารณาและเห็นตรงกันจากหลักฐานและเอกสารที่อนุกรรมการไต่สวนฯสรุป โดยคตส. ส่วนใหญ่เชื่อว่ามีการกระทำความผิดโดยมีการเรียกรับเงิน จึงได้มอบให้อนุกรรมการไต่สวนฯ กลับไปปรับบทกฎหมายในส่วนของความผิด โดยให้เพิ่มความผิด พ.ร.บ.ฮั้ว และประมวลกฎหมายอาญาฐานฉ้อโกง มาตรา 341 เข้าไปในสำนวนด้วย โดยในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค.นี้ คตส.จะพิจารณาผู้ถูกกล่าวหาเรียงตัวว่าบุคคลใดมีความผิดตามกฎหมายใดบ้าง
นายสัก กล่าวด้วยว่า คตส.ยังได้รับแจ้งอัยการสูงสุดว่าจะมีการส่งผลการ พิจารณาสำนวนคดีการปล่อยกู้ให้รัฐบาลพม่าของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือเอ็กซิมแบงก์ ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งคตส.กำลังรอดู ข้อเท็จจริงอยู่ ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกับอัยการสูงสุด เพื่อหาทางออกหรือไม่
นายสัก กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในโอกาสใกล้หมดวาระ คตส.ขอขอบคุณสปอนเซอร์ ทุกท่านที่ส่งคุ๊กกี้ และเค๊ก มาให้คตส.รับประทานเป็นอาหารว่างทุกนัดที่มีการประชุม โดยมีการส่งมาจากทั้งชาวไทยและญี่ปุ่น นอกจากนี้ขอขอบคุณผู้หวังดีที่ได้ส่งหนังสือศิลปะการมีชีวิตในโลก และศิลปะการดับทุกข์ มาให้คตส.ด้วย
ด้าน นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการคตส. กล่าวว่า การประชุมคตส.ในวันที่ 12 พ.ค.นอกเหนือไปจากการสรุปสำนวนคดีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ยังจะมีการพิจารณาคดีโครงการบ้านเอื้ออาทร และกรณีผู้บริหาร ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้อนุมัติเงินกู้ให้แก่บริษัท ในเครือกฤษดามหานคร เกินวงเงินที่ต้องใช้จริงเป็นจำนวน 3.5 พันล้านบาท เพื่อส่งให้อัยการสูงสุด ดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไปด้วย
“ตอนนี้ที่ประชุมคตส.ได้ติดตามสอบถามการทำงานของคณะอนุกรรมการไต่สวนทุกคณะว่ามีความคืบหน้าอย่างไรเพื่อที่จะได้จัดวาระการประชุมให้ลงตัวสำหรับการพิจารณาคดีได้ ซึ่งคาดว่าในช่วงเดือนพ.ค.นี้จะมีคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ เสนอเรื่องมาให้คตส.มาพิจารณาอย่างต่อเนื่อง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะต้องขอให้มีการประชุม คตส.เป็นสัปดาห์ละ 2 วันเพื่อรองรับการทำงานที่ตามมาในช่วงนี้”
ผู้สื่อข่าวรายงานวันเดียวกันนายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าให้ถ้อยคำต่อ คณะอนุกรรมการไต่สวนการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. ที่มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธาน
นายบัญญัติ กล่าวว่า มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ แต่โดยรวมเป็นการยืนยันการให้ถ้อยคำเดิมคือการรับรองถ้อยคำที่เคยให้ไว้กับกรมสวนสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เคยสอบเรื่องดังกล่าว และขณะนั้นตนเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งก็ได้แนะนำนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ให้ไปต่อรองราคาว่าจะสามารถเปิดแอลซีได้หรือไม่ เพราะขณะนั้นนายยุทธพงษ์ จรัสเสถียร กรรมการบริหาร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตรวจสอบเรื่องการทำสัญญาของนายสมัคร สุนทรเวช ผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งมีการยืนยันว่าจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงราคาสูงกว่าความเป็นจริง รวมทั้งตั้งกระทู้ถามรัฐบาล สมัยนั้นด้วย
“นายยุทธพงศ์ ได้นำราคาของหลายบริษัทมาเทียบเคียงเห็นว่าสูงจริง จึงให้คำแนะนำนายอภิรักษ์ ซึ่งเบื้องต้นนายอภิรักษ์ ดูเหมือนจะทำตามข้อแนะนำ คือ ชะลอการเปิดแอลซีออกไปแล้วตั้งคณะเจรจาต่อรอง แต่ช่วงหลังนายอภิรักษ์ได้รายงาน ให้ทราบว่า กระทรวงมหาดไทยเร่งรัด จำเป็นต้องเปิดแอลซี”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางพรรคกังวลหรือไม่ว่าจะส่งผลกระทบต่อนายอภิรักษ์ ที่จะลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งต่อไป นายบัญญัติ กล่าวว่า ทางพรรคไม่กังวล เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะถึงการเลือกตั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น