ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงภายหลังการประชุม ส.ส.พรรค วานนี้ (6 พ.ค.) ว่า ในการประชุม ส.ส.ได้ฝากถึงรัฐมนตรีให้ช่วยดูแล ในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการเอสเอ็มแอล เนื่องจากมีการตั้งเงื่อนไขจนประชาชนไม่สามารถนำเงินไปใช้ได้อย่างอิสระเหมือนสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง อยู่ระหว่างปฏิบัติภาระกิจในต่างประเทศ ดังนั้นที่ปรึกษา รมว.คลังจึงมารับฟังความคิดเห็นก่อนจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในหลักเกณฑ์ต่อไป
ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า สำหรับการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ลาออกจากตำแหน่งไปนั้น คณะที่จะมีอำนาจในการอนุมัติให้บุคคลใดเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองคือคณะกรรมการบริหารพรรค แต่การประชุมครั้งนี้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ไม่ได้เดินทาง มาร่วมประชุมด้วย ดังนั้นจึงยังไม่มีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค จึงยังไม่มีการพูดคุยหารือกันในเรื่องของผู้ที่มีความเหมาะสมแต่อย่างใด
“เรื่องนี้เป็นความสะดวกของหัวหน้าพรรคที่จะสั่งการผ่านทางเลขาธิการพรรค หรือทีมงานของเลขาธิการพรรค ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เคยประชุมกันที่สภาฯหลายครั้ง เพราะต้องมีการรับรองเรื่องสำคัญๆ ต่างๆ หลายครั้ง แต่ที่ไม่มีการแถลงต่อสื่อมวลชน เพราะไม่มีความจำเป็น ดังนั้นหากหัวหน้าพรรคมีความพร้อมที่จะพิจารณา เพื่อให้ได้ข้อยุติเมื่อใด และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมเมื่อไหร่ แม้เลขาธิการพรรค ขณะนี้ยังติดภาระกิจในต่างประเทศ หัวหน้าพรรคก็คงจะสั่งการเพื่อให้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ความเคลื่อนไหวของพรรคในขณะนี้จะนิ่ง แต่ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงต่างๆ น่าจะไปอยู่ที่วันนี้(7 พ.ค.) ที่จะมีการประชุมของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรคมากกว่า”
ร.ท.กุเทพ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยว่า กรณีที่มีผู้หยิบยกพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นมาเกี่ยวข้องด้วยนั้น ที่ประชุมพรรค ก็มีการพูดคุยกัน และเห็นตรงกันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญอาศัยอำนาจตามมาตรา 291 ที่ส.ส.และส.ว.สามารถดำเนินการได้ และไม่ขัดต่อพระราชปรารภอะไรทั้งสิ้น การหยิบยกสถาบันหรือเบื้องสูงมาพัวพันด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่บังควร ควรใช้สิ่งที่อยู่ในกรอบของการเมือง ทุกคนสัมผัสแตะต้องได้ ตรงไปตรงมา ซึ่งการกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คนที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดกำลังคิดเห็นอย่างไร
สมศักดิ์ให้ผู้ใหญ่ชี้ขาด
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังประชุมพรรคว่า ตนได้สอบถามในที่ประชุมว่า เหตุใด จึงไม่มีการหยิบยกการคัดเลือกบุคคล ไปเป็นประธานสภาผู้แทนฯซึ่งประธานในที่ประชุมระบุว่าต้องรอให้ผู้ใหญ่และแกนนำของพรรคมีการหารือกันก่อนซึ่งในส่วน ของตนจะมี ส.ส.เสนอชื่อเข้าที่ประชุมให้พิจารณาหรือไม่ ตนไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่จะต้องไปพิจารณา แต่สุดท้ายจะต้องให้พรรคได้ร่วมพิจารณาเห็นชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการหารือนอกรอบโดยไม่ผ่านที่ประชุมพรรคหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ใหญ่กำลังดูอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไร
อีสานเหนือดันสมศักดิ์หวังลุ้นรองปธ.
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชาชน เปิดเผยถึงสาเหตุที่พรรคยังไม่มีมติว่าจะเลือกใครไปดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่า ขณะนี้เกิดความขัดแย้งเรื่องตัวบุคคลภายในพรรคเป็นอย่างมาก เนื่องจาก มีการแบ่งเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายที่สนับสนุนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง และฝ่ายที่สนับสนุนนายชัย ชิดชอบ ประธานวิปรัฐบาล
นอกจากนี้ยังมีการวิ่งล็อบบี้ให้ส.ส.เลือกคนของฝ่ายที่ตัวเองสนับสนุนอีกด้วย เช่น กลุ่มของส.ส.อีสานเหนือที่มีประมาณ 20 คน ซึ่งสนับสนุนนายสมศักดิ์นั้น ได้ประสานไปยังส.ส.ภาคต่างๆ เพื่อขอให้ช่วยสนับสนุนนายสมศักดิ์เป็นประธานสภาฯ
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่กลุ่มส.ส.อีสานเหนือพยายามผลักดันให้ นายสมศักดิ์ได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯนั้น เนื่องจากกลุ่ม ส.ส.อีสานเหนือในขณะนี้ไม่มีตัวแทนกลุ่มที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเลยแม้แต่คนเดียว ดังนั้นจึงมองกันว่า หากผลักดันให้นายสมศักดิ์ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯได้เป็นผลสำเร็จ ตำแหน่ง รองประธานสภาฯที่ว่างลงนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการผลักดันให้ตัวแทนของ กลุ่ม ส.ส.อีสานเหนือขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน เช่น นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ซึ่งถือว่ามีความอาวุโสและมีความเหมาะสม
หวั่นสมศักดิ์วืดแล้วงอนลาออก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรครู้สึกกังวลเป็นอย่างมากต่อกรณีของนายสมศักดิ์ เนื่องจากนายสมศักดิ์ไม่ต้องการจะดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯตั้งแต่แรก เพราะต้องการที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่นายยงยุทธ เป็นผู้ไปขอร้องให้นายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ เนื่องจากมองว่าตัวเองยังใหม่กับตำแหน่งประธานสภาฯ จึงต้องการให้นายสมศักดิ์มาเป็นแขนเพื่อช่วยงานของตน
แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อนายยงยุทธลาออกจากตำแหน่งไปจึงมีการมองกันว่า นายสมศักดิ์ก็น่าที่จะได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯคนใหม่ ตรงนี้จึงทำให้พรรคกังวลมากว่า หากนายสมศักดิ์ไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ก็มีความเป็นไปได้ว่านายสมศักดิ์จะขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งและความวุ่นวายภายในพรรคมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นพรรคจึงขอให้ส.ส.ทุกคนอย่าให้สัมภาษณ์เรื่องตัวบุคคลอีก เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งและส่งผลเสียต่อพรรค
ภาคกลาง-เด็กเจ๊หน่อยต้านชัย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวเกิดขึ้นภายในพรรคด้วยว่า กลุ่ม กทม.ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้หันมาจับมือกับกลุ่มของนายยงยุทธ เพื่อสนับสนุนนายสมศักดิ์ด้วย เนื่องจากคุณหญิงสุดารัตน์มองว่า หากนายชัยได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯจริง ความไม่โปร่งใสของนายชัย ในอดีต จะส่งผลกระทบต่อกระแสความนิยมของคนกรุงเทพฯได้ เนื่องจากคนกรุงเทพฯ มีความอ่อนไหวต่อความไม่โปร่งใสเป็นอย่างมากเชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมส.ส.พรรคพลงัประชาชนแยกตามภาคต่างๆนั้น ในส่วนของที่ประชุมภาคกลางซึ่งมีนายวิทยา บูรณสิริ ส.ส.อยุธยา เป็นประธานนั้น ได้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดถึงกรณีกระแสข่าวพรรคมีแนวโน้มให้นายชัย ชิดชอบ ส.ส.ระบบสัดส่วน บิดานายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย มาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
โดยระหว่างการประชุมนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี กลุ่ม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ได้ลุกขึ้นถามที่ประชุมว่า การที่พรรคจะให้นายชัย เป็นประธานได้มีใบสั่งจากผู้ใหญ่ในพรรคหรือไม่ แต่มองว่าเพื่อความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้วควรจะให้ส.ส.ในพรรคโหวตรับเลือกประธานสภาฯจะดีกว่า
ขณะที่นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี กล่าวว่า ถ้าหากพรรคเลือกให้นายชัย เป็นประธานสภา ฯ ตนจะขอให้มีรองประธานสภาเป็นผู้หญิง คอยถือถังออกซิเจนและยาดมคอยเดินตามให้นายชัยเพราะนายชัยมีความอาวุโสมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมภาคกลางไม่มีข้อยุติในเรื่องดังกล่าว โดยจะนำไปหารือ กับที่ประชุมใหญ่ของพรรคต่อไป
กลุ่มเนวินหนุนพ่อชัยเต็มที่
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนแจ้งว่า ก่อนการประชุมใหญ่พรรค ได้มีการประชุมเป็นการภายในของกลุ่มส.ส.อีสานจำนวน 20 คน นำโดยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม และนายธีรชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำกลุ่มนายเนวิน นอกรอบกับส.ส.อีสานถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งภาคอีสาน ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า นายชัยเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดในพรรคและไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องการชี้แจงกับสังคม
นายทรงศักดิ์ ทองศรี ในฐานะประธานภาคอีสาน พรรคพลังประชาชน กล่าว่ว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างกันในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ในขณะนี้นั้นไม่ใช่ความขัดแย้งหรือความแตกแยก เพราะเรื่องยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมพรรค อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าผู้ที่จะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ต้องเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกทั้งสภาฯ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับสมาชิกจากพรรคฝ่ายค้านบางคนนั้นมีความเห็นตรงกันว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาล มีความเหมาะสม อีกทั้งนายชัยก็อยู่ในสภาฯมานาน และไม่มีอะไรด่างพร้อย
ส.ส.เหนือแนะให้มีตัวเลือกมากกว่า2
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า กลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือมองว่า ตำแหน่งประธานสภาฯไม่จำเป็นต้องเป็นโควตาของภาคเหนือ เพียงภาคเดียว หากภาคอีสานมีบุคคลที่จำเป็นมากกว่าก็มีสิทธิ์ เพียงแต่ต้องเป็นคน ที่เป็นกลางเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติได้และเป็นบุคคลที่ยอมรับของทุกฝ่าย แต่กรณีที่มีกระแสข่าวว่านายชัยจะได้รับเลือกจากพรรคให้เป็นประธานนั้น ทั้งนายชัยและนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาฯ เป็นคนที่เหมาะสมทั้งคู่ แต่ส่วนตัวตนมองว่าไม่อยากให้จำกัดเฉพาะสองคนนี้ อยากให้หาตัวเลือกอื่นมาเพิ่มอีก 3-4 คน ไม่ใช่มองอยู่แค่นี้ เพื่อให้ได้บุคคลที่เหมาะสมที่สุด และน่าจะยังไม่ยุติทั้งนี้ ส.ส.ภาคเหนือเองก็ได้ทาบทามบุคคลที่เหมาะสมคนอื่นอีกด้วย
ส.ส.ใต้สนับสนุนสมศักดิ์
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มวาดะห์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมส.ส.พรรค ถึงการสรรหา ผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯคนใหม่ว่าจะสนับสนุนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้เป็นประธานสภาฯ ขอให้ทุกคนคำนึงถึง ความชอบธรรม เนื่องจากสัดส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯนั้นเป็นของภาคเหนือ จึงต้องให้เกียรติภาคเหนือเป็นผู้เสนอรายชื่อผู้ที่จะเป็นประธานสภาฯ ถึงจะเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังไม่มั่นใจว่าในการประชุมนั้นจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้หรือไม่ แต่อยากให้มีการเสนอรายชื่อประธานสภาฯก่อนที่จะปิดสมัยประชุมในสัปดาห์หน้า
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ คงไม่ถือเป็นสัดส่วนของภาคเหนือ เพราะต้องพิจารณาตามคุณสมบัติและความเหมาะสม ส่วนจะเสนอชื่อใครนั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุมที่จะหารือกัน
ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า สำหรับการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ลาออกจากตำแหน่งไปนั้น คณะที่จะมีอำนาจในการอนุมัติให้บุคคลใดเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองคือคณะกรรมการบริหารพรรค แต่การประชุมครั้งนี้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ไม่ได้เดินทาง มาร่วมประชุมด้วย ดังนั้นจึงยังไม่มีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค จึงยังไม่มีการพูดคุยหารือกันในเรื่องของผู้ที่มีความเหมาะสมแต่อย่างใด
“เรื่องนี้เป็นความสะดวกของหัวหน้าพรรคที่จะสั่งการผ่านทางเลขาธิการพรรค หรือทีมงานของเลขาธิการพรรค ซึ่งที่ผ่านมาเราก็เคยประชุมกันที่สภาฯหลายครั้ง เพราะต้องมีการรับรองเรื่องสำคัญๆ ต่างๆ หลายครั้ง แต่ที่ไม่มีการแถลงต่อสื่อมวลชน เพราะไม่มีความจำเป็น ดังนั้นหากหัวหน้าพรรคมีความพร้อมที่จะพิจารณา เพื่อให้ได้ข้อยุติเมื่อใด และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความพร้อมเมื่อไหร่ แม้เลขาธิการพรรค ขณะนี้ยังติดภาระกิจในต่างประเทศ หัวหน้าพรรคก็คงจะสั่งการเพื่อให้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ความเคลื่อนไหวของพรรคในขณะนี้จะนิ่ง แต่ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงต่างๆ น่าจะไปอยู่ที่วันนี้(7 พ.ค.) ที่จะมีการประชุมของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรคมากกว่า”
ร.ท.กุเทพ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยว่า กรณีที่มีผู้หยิบยกพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้นมาเกี่ยวข้องด้วยนั้น ที่ประชุมพรรค ก็มีการพูดคุยกัน และเห็นตรงกันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญอาศัยอำนาจตามมาตรา 291 ที่ส.ส.และส.ว.สามารถดำเนินการได้ และไม่ขัดต่อพระราชปรารภอะไรทั้งสิ้น การหยิบยกสถาบันหรือเบื้องสูงมาพัวพันด้วยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่บังควร ควรใช้สิ่งที่อยู่ในกรอบของการเมือง ทุกคนสัมผัสแตะต้องได้ ตรงไปตรงมา ซึ่งการกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า คนที่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดกำลังคิดเห็นอย่างไร
สมศักดิ์ให้ผู้ใหญ่ชี้ขาด
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังประชุมพรรคว่า ตนได้สอบถามในที่ประชุมว่า เหตุใด จึงไม่มีการหยิบยกการคัดเลือกบุคคล ไปเป็นประธานสภาผู้แทนฯซึ่งประธานในที่ประชุมระบุว่าต้องรอให้ผู้ใหญ่และแกนนำของพรรคมีการหารือกันก่อนซึ่งในส่วน ของตนจะมี ส.ส.เสนอชื่อเข้าที่ประชุมให้พิจารณาหรือไม่ ตนไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่จะต้องไปพิจารณา แต่สุดท้ายจะต้องให้พรรคได้ร่วมพิจารณาเห็นชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการหารือนอกรอบโดยไม่ผ่านที่ประชุมพรรคหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ใหญ่กำลังดูอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไร
อีสานเหนือดันสมศักดิ์หวังลุ้นรองปธ.
แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชาชน เปิดเผยถึงสาเหตุที่พรรคยังไม่มีมติว่าจะเลือกใครไปดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช ว่า ขณะนี้เกิดความขัดแย้งเรื่องตัวบุคคลภายในพรรคเป็นอย่างมาก เนื่องจาก มีการแบ่งเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายที่สนับสนุนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง และฝ่ายที่สนับสนุนนายชัย ชิดชอบ ประธานวิปรัฐบาล
นอกจากนี้ยังมีการวิ่งล็อบบี้ให้ส.ส.เลือกคนของฝ่ายที่ตัวเองสนับสนุนอีกด้วย เช่น กลุ่มของส.ส.อีสานเหนือที่มีประมาณ 20 คน ซึ่งสนับสนุนนายสมศักดิ์นั้น ได้ประสานไปยังส.ส.ภาคต่างๆ เพื่อขอให้ช่วยสนับสนุนนายสมศักดิ์เป็นประธานสภาฯ
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่กลุ่มส.ส.อีสานเหนือพยายามผลักดันให้ นายสมศักดิ์ได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯนั้น เนื่องจากกลุ่ม ส.ส.อีสานเหนือในขณะนี้ไม่มีตัวแทนกลุ่มที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเลยแม้แต่คนเดียว ดังนั้นจึงมองกันว่า หากผลักดันให้นายสมศักดิ์ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯได้เป็นผลสำเร็จ ตำแหน่ง รองประธานสภาฯที่ว่างลงนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการผลักดันให้ตัวแทนของ กลุ่ม ส.ส.อีสานเหนือขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน เช่น นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม ซึ่งถือว่ามีความอาวุโสและมีความเหมาะสม
หวั่นสมศักดิ์วืดแล้วงอนลาออก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พรรครู้สึกกังวลเป็นอย่างมากต่อกรณีของนายสมศักดิ์ เนื่องจากนายสมศักดิ์ไม่ต้องการจะดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯตั้งแต่แรก เพราะต้องการที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แต่นายยงยุทธ เป็นผู้ไปขอร้องให้นายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ เนื่องจากมองว่าตัวเองยังใหม่กับตำแหน่งประธานสภาฯ จึงต้องการให้นายสมศักดิ์มาเป็นแขนเพื่อช่วยงานของตน
แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อนายยงยุทธลาออกจากตำแหน่งไปจึงมีการมองกันว่า นายสมศักดิ์ก็น่าที่จะได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯคนใหม่ ตรงนี้จึงทำให้พรรคกังวลมากว่า หากนายสมศักดิ์ไม่ได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ก็มีความเป็นไปได้ว่านายสมศักดิ์จะขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งและความวุ่นวายภายในพรรคมากยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นพรรคจึงขอให้ส.ส.ทุกคนอย่าให้สัมภาษณ์เรื่องตัวบุคคลอีก เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งและส่งผลเสียต่อพรรค
ภาคกลาง-เด็กเจ๊หน่อยต้านชัย
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวเกิดขึ้นภายในพรรคด้วยว่า กลุ่ม กทม.ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ได้หันมาจับมือกับกลุ่มของนายยงยุทธ เพื่อสนับสนุนนายสมศักดิ์ด้วย เนื่องจากคุณหญิงสุดารัตน์มองว่า หากนายชัยได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯจริง ความไม่โปร่งใสของนายชัย ในอดีต จะส่งผลกระทบต่อกระแสความนิยมของคนกรุงเทพฯได้ เนื่องจากคนกรุงเทพฯ มีความอ่อนไหวต่อความไม่โปร่งใสเป็นอย่างมากเชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมส.ส.พรรคพลงัประชาชนแยกตามภาคต่างๆนั้น ในส่วนของที่ประชุมภาคกลางซึ่งมีนายวิทยา บูรณสิริ ส.ส.อยุธยา เป็นประธานนั้น ได้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดถึงกรณีกระแสข่าวพรรคมีแนวโน้มให้นายชัย ชิดชอบ ส.ส.ระบบสัดส่วน บิดานายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย มาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
โดยระหว่างการประชุมนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี กลุ่ม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ได้ลุกขึ้นถามที่ประชุมว่า การที่พรรคจะให้นายชัย เป็นประธานได้มีใบสั่งจากผู้ใหญ่ในพรรคหรือไม่ แต่มองว่าเพื่อความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้วควรจะให้ส.ส.ในพรรคโหวตรับเลือกประธานสภาฯจะดีกว่า
ขณะที่นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี กล่าวว่า ถ้าหากพรรคเลือกให้นายชัย เป็นประธานสภา ฯ ตนจะขอให้มีรองประธานสภาเป็นผู้หญิง คอยถือถังออกซิเจนและยาดมคอยเดินตามให้นายชัยเพราะนายชัยมีความอาวุโสมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมภาคกลางไม่มีข้อยุติในเรื่องดังกล่าว โดยจะนำไปหารือ กับที่ประชุมใหญ่ของพรรคต่อไป
กลุ่มเนวินหนุนพ่อชัยเต็มที่
รายงานข่าวจากพรรคพลังประชาชนแจ้งว่า ก่อนการประชุมใหญ่พรรค ได้มีการประชุมเป็นการภายในของกลุ่มส.ส.อีสานจำนวน 20 คน นำโดยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม และนายธีรชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำกลุ่มนายเนวิน นอกรอบกับส.ส.อีสานถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ซึ่งภาคอีสาน ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า นายชัยเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่สุดในพรรคและไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องการชี้แจงกับสังคม
นายทรงศักดิ์ ทองศรี ในฐานะประธานภาคอีสาน พรรคพลังประชาชน กล่าว่ว่า ความคิดเห็นที่แตกต่างกันในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ในขณะนี้นั้นไม่ใช่ความขัดแย้งหรือความแตกแยก เพราะเรื่องยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมพรรค อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่าผู้ที่จะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้น ต้องเป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกทั้งสภาฯ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับสมาชิกจากพรรคฝ่ายค้านบางคนนั้นมีความเห็นตรงกันว่า นายชัย ชิดชอบ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาล มีความเหมาะสม อีกทั้งนายชัยก็อยู่ในสภาฯมานาน และไม่มีอะไรด่างพร้อย
ส.ส.เหนือแนะให้มีตัวเลือกมากกว่า2
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า กลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือมองว่า ตำแหน่งประธานสภาฯไม่จำเป็นต้องเป็นโควตาของภาคเหนือ เพียงภาคเดียว หากภาคอีสานมีบุคคลที่จำเป็นมากกว่าก็มีสิทธิ์ เพียงแต่ต้องเป็นคน ที่เป็นกลางเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติได้และเป็นบุคคลที่ยอมรับของทุกฝ่าย แต่กรณีที่มีกระแสข่าวว่านายชัยจะได้รับเลือกจากพรรคให้เป็นประธานนั้น ทั้งนายชัยและนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาฯ เป็นคนที่เหมาะสมทั้งคู่ แต่ส่วนตัวตนมองว่าไม่อยากให้จำกัดเฉพาะสองคนนี้ อยากให้หาตัวเลือกอื่นมาเพิ่มอีก 3-4 คน ไม่ใช่มองอยู่แค่นี้ เพื่อให้ได้บุคคลที่เหมาะสมที่สุด และน่าจะยังไม่ยุติทั้งนี้ ส.ส.ภาคเหนือเองก็ได้ทาบทามบุคคลที่เหมาะสมคนอื่นอีกด้วย
ส.ส.ใต้สนับสนุนสมศักดิ์
นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มวาดะห์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมส.ส.พรรค ถึงการสรรหา ผู้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯคนใหม่ว่าจะสนับสนุนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ให้เป็นประธานสภาฯ ขอให้ทุกคนคำนึงถึง ความชอบธรรม เนื่องจากสัดส่วนตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯนั้นเป็นของภาคเหนือ จึงต้องให้เกียรติภาคเหนือเป็นผู้เสนอรายชื่อผู้ที่จะเป็นประธานสภาฯ ถึงจะเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังไม่มั่นใจว่าในการประชุมนั้นจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้หรือไม่ แต่อยากให้มีการเสนอรายชื่อประธานสภาฯก่อนที่จะปิดสมัยประชุมในสัปดาห์หน้า
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ คงไม่ถือเป็นสัดส่วนของภาคเหนือ เพราะต้องพิจารณาตามคุณสมบัติและความเหมาะสม ส่วนจะเสนอชื่อใครนั้นขึ้นอยู่กับที่ประชุมที่จะหารือกัน
