รอยเตอร์ - กระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นของสหรัฐฯที่ผ่านมา มักจะทำให้ผู้สนับสนุนพรรคเกิดการแบ่งออกเป็นฝักเป็นฝ่าย แต่สำหรับการต่อสู้ทื่ยืดเยื้อยาวนานระหว่างฮิลลารี คลินตัน กับบารัค โอบามาในคราวนี้ อาจทำให้ผู้สนับสนุนเดโมแครตรู้สึกลำบากใจยิ่งขึ้นที่จะรวมพลังกันเพื่อเอาชนะพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนนี้
จินเจอร์ สมิธ ช่างก่อสร้างชาวอินเดียนาวัย 48 ปี บอกว่าเธอสนับสนุนคลินตันมาตลอด และจะไม่มีทางไปลงคะแนนให้โอบามา
"ดิฉันเชื่อว่าถึงเวลาที่ผู้หญิงจะต้องเป็นประธานาธิบดีแล้ว" เธอบอก "โอบามาเรียบเฉยเกินไปและไม่มีประสบการณ์ ... ดิฉันไม่เชื่อในตัวเขา ความรู้สึกลึกๆ ข้างในมันบอก"
และหากโอบามาได้รับเลือกเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี สมิธบอกว่า "ดิฉันก็จะไปลงคะแนนให้แมคเคนน่ะซิ ... หรือบางทีดิฉันอาจจะไม่ไปลงคะแนนเลยก็ได้"
แม้ผู้นำพรรคเดโมแครตจะยืนยันว่าพรรคต้องหาทางประสานความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายในทันทีที่มีการเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งคงจะเป็นช่วงการประชุมใหญ่พรรคในเดือนสิงหาคม แต่การเยียวยาบาดแผลจากการต่อสู้กันอย่างหนักหนาสาหัสระหว่างโอบามากับคลินตันนั้นอาจทำได้ยากมากทีเดียว
เพราะจากผลสำรวจความคิดเห็นของเอ็นบีซี/วอลล์สตรีทเจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่า ผู้สนับสนุนคลินตันราว 30 เปอร์เซ็นต์จะไม่ลงคะแนนให้โอบามาหากเขาได้รับเลือกเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ส่วนผู้สนับสนุนโอบามา 22 เปอร์เซ็นต์ก็บอกว่าจะไม่ไปลงคะแนนให้คลินตันเช่นกัน
"ดิฉันรู้สึกข้องใจกับคลินตันมากขึ้นทุกวัน รวมทั้งกับท่าทีของเธอต่อโอบามา" จูดี เทรน คุณแม่ลูกสามวัย 41 ปี จากแคนซัส ให้ความเห็น
เธอบอกว่าความรู้สึกตื่นเต้นในช่วงแรกเกี่ยวกับผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตค่อยๆ ลดลงมาจนถึงขั้นจวนเจียนจะสิ้นหวังเต็มที และมีหลายคนที่คิดเหมือนเธอ คืออาจจะไม่ไปลงคะแนนให้ผู้สมัครที่ตนเองไม่สนับสนุน
นอกจากการต่อสู้กันภายในพรรคเดโมแครตจะไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่ายแล้ว การที่ทั้งสองต่างก็เป็นตัวแทนของความฝันของสหรัฐฯ กล่าวคือ คลินตันอาจจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก และโอบามาอาจจะเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก ก็ทำให้ปัญหาหนักหน่วงยิ่งขึ้นไปอีก
พรรคเดโมแครตนั้นกลัวว่าผู้ลงคะแนนที่เป็นคนผิวสีและเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคมาแต่เดิม อาจจะทิ้งพรรคหากคลินตันได้รับเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนโอบามา
แชนแทล เคอรี พยาบาลผิวสีในอินเดียนา วัย 40 ปี ซึ่งสนับสนุนโอบามา บอกว่าเธออาจจะไปลงคะแนนให้กับคลินตันหากจำเป็นจริงๆ แต่เธอรู้ว่าเพื่อนๆ และคนในครอบครัว จะไม่ไปลงคะแนนให้คลินตัน
สตีเฟน กรีน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา บอกว่า "คนจำนวนมากที่ไม่เลือกโอบามาก็เพราะประเด็นผิวสี ... ซึ่งเหมือนกับคนที่เกลียดอิลลารี คลินตันก็ไม่ลงคะแนนให้เธอ"
กรีนบอกว่าการเลือกตั้งขั้นต้นในอดีตที่ผ่านๆ พรรคเคยหาทางสมานข้อขัดแย้งได้สำเร็จมาแล้ว คราวนี้ก็ย่อมทำได้เช่นกัน และทั้ง โฮเวิร์ด ดีน ประธานกรรมาธิการระดับประเทศของพรรคเดโมแครต กับคลินตันเองก็เชื่อมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
"ดิฉันไม่กังวลกับเรื่องนี้เพราะไม่ว่าผู้สนับสนุนดิฉันหรือผู้สนับสนุนโอบามาจะรู้สึกต่อเราอย่างไร แต่พวกเขาก็มีความคิดเห็นคล้ายๆ กันเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการทำให้กับประเทศของเรา มากกว่าที่พวกเขาจะเห็นด้วยกับวุฒิสมาชิกแมคเคนจากพรรครีพับลิกัน" คลินตันกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่นอร์ทแคโรไลนา
ทว่า จูลี แมคคอร์แม็ค คนทำงานในร้านกาแฟในแอริโซนา บอกว่าการแข่งขันกันอย่างไม่จบสิ้นภายในพรรคเดโมแครต ทำให้เธอเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแมคเคนทางอินเทอร์เน็ต
"เขาสองคนเอาแต่ทะเลาะกัน ดิฉันทนดูโทรทัศน์ไม่ไหวอีกแล้ว มีแต่เรื่องน่ารำคาญและรบกวนจิตใจ" เธอบอก "ดิฉันเอนเอียงไปทางแมคเคนก็เพราะเขาดูสุภาพดี"
จินเจอร์ สมิธ ช่างก่อสร้างชาวอินเดียนาวัย 48 ปี บอกว่าเธอสนับสนุนคลินตันมาตลอด และจะไม่มีทางไปลงคะแนนให้โอบามา
"ดิฉันเชื่อว่าถึงเวลาที่ผู้หญิงจะต้องเป็นประธานาธิบดีแล้ว" เธอบอก "โอบามาเรียบเฉยเกินไปและไม่มีประสบการณ์ ... ดิฉันไม่เชื่อในตัวเขา ความรู้สึกลึกๆ ข้างในมันบอก"
และหากโอบามาได้รับเลือกเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี สมิธบอกว่า "ดิฉันก็จะไปลงคะแนนให้แมคเคนน่ะซิ ... หรือบางทีดิฉันอาจจะไม่ไปลงคะแนนเลยก็ได้"
แม้ผู้นำพรรคเดโมแครตจะยืนยันว่าพรรคต้องหาทางประสานความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายในทันทีที่มีการเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งคงจะเป็นช่วงการประชุมใหญ่พรรคในเดือนสิงหาคม แต่การเยียวยาบาดแผลจากการต่อสู้กันอย่างหนักหนาสาหัสระหว่างโอบามากับคลินตันนั้นอาจทำได้ยากมากทีเดียว
เพราะจากผลสำรวจความคิดเห็นของเอ็นบีซี/วอลล์สตรีทเจอร์นัล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบว่า ผู้สนับสนุนคลินตันราว 30 เปอร์เซ็นต์จะไม่ลงคะแนนให้โอบามาหากเขาได้รับเลือกเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ส่วนผู้สนับสนุนโอบามา 22 เปอร์เซ็นต์ก็บอกว่าจะไม่ไปลงคะแนนให้คลินตันเช่นกัน
"ดิฉันรู้สึกข้องใจกับคลินตันมากขึ้นทุกวัน รวมทั้งกับท่าทีของเธอต่อโอบามา" จูดี เทรน คุณแม่ลูกสามวัย 41 ปี จากแคนซัส ให้ความเห็น
เธอบอกว่าความรู้สึกตื่นเต้นในช่วงแรกเกี่ยวกับผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตค่อยๆ ลดลงมาจนถึงขั้นจวนเจียนจะสิ้นหวังเต็มที และมีหลายคนที่คิดเหมือนเธอ คืออาจจะไม่ไปลงคะแนนให้ผู้สมัครที่ตนเองไม่สนับสนุน
นอกจากการต่อสู้กันภายในพรรคเดโมแครตจะไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่ายแล้ว การที่ทั้งสองต่างก็เป็นตัวแทนของความฝันของสหรัฐฯ กล่าวคือ คลินตันอาจจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก และโอบามาอาจจะเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรก ก็ทำให้ปัญหาหนักหน่วงยิ่งขึ้นไปอีก
พรรคเดโมแครตนั้นกลัวว่าผู้ลงคะแนนที่เป็นคนผิวสีและเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคมาแต่เดิม อาจจะทิ้งพรรคหากคลินตันได้รับเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนโอบามา
แชนแทล เคอรี พยาบาลผิวสีในอินเดียนา วัย 40 ปี ซึ่งสนับสนุนโอบามา บอกว่าเธออาจจะไปลงคะแนนให้กับคลินตันหากจำเป็นจริงๆ แต่เธอรู้ว่าเพื่อนๆ และคนในครอบครัว จะไม่ไปลงคะแนนให้คลินตัน
สตีเฟน กรีน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา บอกว่า "คนจำนวนมากที่ไม่เลือกโอบามาก็เพราะประเด็นผิวสี ... ซึ่งเหมือนกับคนที่เกลียดอิลลารี คลินตันก็ไม่ลงคะแนนให้เธอ"
กรีนบอกว่าการเลือกตั้งขั้นต้นในอดีตที่ผ่านๆ พรรคเคยหาทางสมานข้อขัดแย้งได้สำเร็จมาแล้ว คราวนี้ก็ย่อมทำได้เช่นกัน และทั้ง โฮเวิร์ด ดีน ประธานกรรมาธิการระดับประเทศของพรรคเดโมแครต กับคลินตันเองก็เชื่อมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
"ดิฉันไม่กังวลกับเรื่องนี้เพราะไม่ว่าผู้สนับสนุนดิฉันหรือผู้สนับสนุนโอบามาจะรู้สึกต่อเราอย่างไร แต่พวกเขาก็มีความคิดเห็นคล้ายๆ กันเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการทำให้กับประเทศของเรา มากกว่าที่พวกเขาจะเห็นด้วยกับวุฒิสมาชิกแมคเคนจากพรรครีพับลิกัน" คลินตันกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่นอร์ทแคโรไลนา
ทว่า จูลี แมคคอร์แม็ค คนทำงานในร้านกาแฟในแอริโซนา บอกว่าการแข่งขันกันอย่างไม่จบสิ้นภายในพรรคเดโมแครต ทำให้เธอเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแมคเคนทางอินเทอร์เน็ต
"เขาสองคนเอาแต่ทะเลาะกัน ดิฉันทนดูโทรทัศน์ไม่ไหวอีกแล้ว มีแต่เรื่องน่ารำคาญและรบกวนจิตใจ" เธอบอก "ดิฉันเอนเอียงไปทางแมคเคนก็เพราะเขาดูสุภาพดี"