นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยกเลิกการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในวันอังคาร และวันศุกร์ เนื่องจากถูกสื่อมวลชนตำหนิการพูดจาว่า ตนคิดว่าการที่สื่อมลชนสอบถามนายสมัครนั้น สื่อมวลชนเองไม่ได้ต้องการที่จะให้นายสมัคร เป็นนิสัย หรือ รสนิยม ค่านิยมแต่อย่างใด ส่วนนายสมัคร จะชื่นชอบอย่างไรนั้น ถือเป็นเรื่องของนายสมัคร แต่การที่สื่อต้องสัมภาษณ์ ตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลนั้น เพื่อเป็นการให้ข้อมูลต่อประชาชน สนองต่อความต้องการข่าวสาร ตามสิทธิของประชาชน ดังนั้น สื่อจึงมีสิทธิ์ที่จะสอบถามหรือตรวจสอบ การดำเนินการต่างๆของ ตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล อย่างไรก็ตาม นายสมัคร เองก็มีสิทธิ์ที่จะตอบข้อซักถาม หรือไม่เช่นกัน แต่ประชาชนเองก็จะไม่ทราบถึงการทำงานของตัวนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐบาลด้วย ถือเป็นสิ่งที่นายสมัครเองจะต้องทบทวน
"ในฐานะที่เป็นประชาชนทั่วไป ผมคิดว่าประชาชนมีสิทธิ์ ที่จะรับรู้ข่าวสาร จึงอยากให้นายสมัคร ทบทวนท่าทีต่อ สื่อมวลชน ด้วยการดำเนินงานระหว่างภาครัฐและสื่อมวลชน ควบคู่ต่อไป" นายองอาจกล่าว
นอกจากนี้ นายองอาจ ยังกล่าวถึงรายการสนทนาประสาสมัครว่า เป็นสิทธิ์ของนายสมัคร ที่จะดำเนินรายการดังกล่าว แต่อยากฝากถึงนายสมัคร ว่า ควรใช้สื่อของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว เพราะเท่าที่ติดตามดูในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พบว่านายสมัคร ใช้สื่อของรัฐในทางที่ผิดหลายเรื่อง คือ
1. พบว่านายสมัครใช้รายการ เพื่อระบายความรู้สึกส่วนตัว ในเรื่องที่ตนเองชอบ และไม่ชอบ
2. นายสมัคร ใช้รายการเพื่อปกป้องคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ 3. นายสมัคร ใช้รายการเพื่อการด่าว่าสื่อมวลชน ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตนเอง และรัฐบาล ซึ่งหากนายสมัคร ต้องการจะชี้แจงอะไร ก็ไม่ควรใช้ถ้อยคำในลักษณะที่รุนแรง
4. หลายครั้งนายสมัคร ใช้วาจาที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นสิทธิ์ในการจัดรายการของ นายสมัคร แต่ตัวนายสมัคร ควรระวังข้อสังเกตทั้ง 4 ข้อดังกล่าวและสำนึกว่าจะต้องทำงานเพื่อประโยชน์ร่วมรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
**ท้าทำโพลความนิยมรายการหมัก
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุในรายการสนทนาประสาสมัครว่า จะไม่สนใจสื่อว่า เป็นสิทธิและคิดว่าสถานการณ์บ้านเมือง และสุขภาพจิตของคนในสังคมน่าจะดีขึ้น รวมทั้งยังยืนยันว่าจะจัดรายการสนทนาประสาสมัครต่อไป เพราะมีคนฟังเยอะ ตนอยากให้สถาบันใดก็ได้ไปทำผลสำรวจว่า มีคนต้องการฟังรายการของนายสมัคร ต่อไปหรือไม่ เพราะท่านยืนยันว่าจะพูดแบบนี้ต่อไป ไม่แก้ไข พูดตรงไปตรงมา และจะใช้สื่อตรงนี้แก้ต่างให้กับตัวเอง ตนเห็นว่ารายการนี้ ผิดตั้งแต่ชื่อแล้ว เพราะคำว่า สนทนา หมายถึง การพูดคุยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แต่นายสมัครใช้ชื่อนี้พูดอยู่คนเดียว ดังนั้น ก็ควรจะเปลี่ยนชื่อรายการเป็น “พูดจาประสาสมัคร” หรือ "ตรงไปตรงมาตามประสาสมัคร" น่าจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจทำให้คนเข้าใจภาษาที่ผิดๆ
นายเทพไท กล่าวว่า อยากให้นายสมัคร กลับไปดูปัญหาบ้านเมือง เพราะวันนี้โพลออกมาระบุว่า ปัญหาที่ประชาชนทั้งประเทศต้องการให้รัฐบาลแก้ไข คือ ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องปากท้องตนคิดว่า 3 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสอบตก ไม่ทำเรื่องนี้เลย ส่วนเรื่องความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เหตุการณ์ที่มีคนร้ายลอบวางเพลิง บริษัท สยามนิสสัน ปัตตานี (2000) จำกัด ที่ จ.ปัตตานี ซึ่งตนคิดว่าเป็นการท้าทายอำนาจรัฐสูง รัฐบาลยังนิ่งเฉยทั้งผู้รับผิดชอบโดยตรงคือ นายกฯ รมว.มหาดไทย ตนไม่อยากให้รัฐบาลที่เป็นฝ่ายการเมือง ปฏิเสธความรับผิดชอบโยนความผิดไปให้ข้าราชการประจำ สังคมเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบโดยตรง ลงพื้นที่ไปดูสถานการณ์ด้วยตนเอง ตอนนี้สถานการณ์รุนแรงทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ เพราะการที่จะมีผู้ก่อการร้ายไปเผาโชว์รูมในใจกลางเมือง ทำให้กระทบต่อขวัญและกำลังใจของนักธุรกิจค่อนข้างมาก
**"หมัก"ออกทีวี "ถามจริงตอบตรง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (5พ.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที หรือ ช่อง 11 เพื่อบันทึกเทปรายการ "ถามจริงตอบตรง" ที่ออกอากาศในเวลา 20.30 น. โดยนายสมัคร มีสีหน้าตึงเครียด พร้อมกับกล่าวต่อว่าผู้สื่อข่าวที่มาติดตามทำข่าวว่า "พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะมา" ก่อนเข้าห้องบันทึกเทปรายการดังกล่าว จนกระทั่ง 16.00 น. นายสมัคร เดินออกจากห้องโดยไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่เฝ้ารอทำข่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ "ถามจริงตอบตรง" ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าฟัง หรือทำข่าว โดยให้เหตุผลว่า ถ้าเอาออกไปเผยแพร่เป็นข่าว ก็จะทำให้รายการไม่น่าสนใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจนายกรัฐมนตรีในช่วงเย็น เวลา 19.30 น. นายกรัฐมนตรี กล่าวถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในงานสโมสรสันนิบาต วันฉัตรมงคล ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ด้านนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ใช้ถ้อยคำหยาบคาย และคุกคามสื่อ ว่า ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้คุกคาม แต่เป็นคนพูดตรง และเสียงดัง และพูดคำภาษาไทยโบราณ สื่ออาจมองว่าเป็นคำหยาบคาย แต่จริงๆ ไม่มีอะไร ต่างชาติทราบดีว่า สื่อในประเทศไทยถือเป็นเสาหลักในประชาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลนี้จะไม่ยอมให้เสรีภาพสื่อกระทบกระเทือน แต่สื่อก็ต้องเสนอข่าวตามความเป็นจริง
"ในฐานะที่เป็นประชาชนทั่วไป ผมคิดว่าประชาชนมีสิทธิ์ ที่จะรับรู้ข่าวสาร จึงอยากให้นายสมัคร ทบทวนท่าทีต่อ สื่อมวลชน ด้วยการดำเนินงานระหว่างภาครัฐและสื่อมวลชน ควบคู่ต่อไป" นายองอาจกล่าว
นอกจากนี้ นายองอาจ ยังกล่าวถึงรายการสนทนาประสาสมัครว่า เป็นสิทธิ์ของนายสมัคร ที่จะดำเนินรายการดังกล่าว แต่อยากฝากถึงนายสมัคร ว่า ควรใช้สื่อของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว เพราะเท่าที่ติดตามดูในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พบว่านายสมัคร ใช้สื่อของรัฐในทางที่ผิดหลายเรื่อง คือ
1. พบว่านายสมัครใช้รายการ เพื่อระบายความรู้สึกส่วนตัว ในเรื่องที่ตนเองชอบ และไม่ชอบ
2. นายสมัคร ใช้รายการเพื่อปกป้องคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ 3. นายสมัคร ใช้รายการเพื่อการด่าว่าสื่อมวลชน ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตนเอง และรัฐบาล ซึ่งหากนายสมัคร ต้องการจะชี้แจงอะไร ก็ไม่ควรใช้ถ้อยคำในลักษณะที่รุนแรง
4. หลายครั้งนายสมัคร ใช้วาจาที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นสิทธิ์ในการจัดรายการของ นายสมัคร แต่ตัวนายสมัคร ควรระวังข้อสังเกตทั้ง 4 ข้อดังกล่าวและสำนึกว่าจะต้องทำงานเพื่อประโยชน์ร่วมรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
**ท้าทำโพลความนิยมรายการหมัก
นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุในรายการสนทนาประสาสมัครว่า จะไม่สนใจสื่อว่า เป็นสิทธิและคิดว่าสถานการณ์บ้านเมือง และสุขภาพจิตของคนในสังคมน่าจะดีขึ้น รวมทั้งยังยืนยันว่าจะจัดรายการสนทนาประสาสมัครต่อไป เพราะมีคนฟังเยอะ ตนอยากให้สถาบันใดก็ได้ไปทำผลสำรวจว่า มีคนต้องการฟังรายการของนายสมัคร ต่อไปหรือไม่ เพราะท่านยืนยันว่าจะพูดแบบนี้ต่อไป ไม่แก้ไข พูดตรงไปตรงมา และจะใช้สื่อตรงนี้แก้ต่างให้กับตัวเอง ตนเห็นว่ารายการนี้ ผิดตั้งแต่ชื่อแล้ว เพราะคำว่า สนทนา หมายถึง การพูดคุยตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป แต่นายสมัครใช้ชื่อนี้พูดอยู่คนเดียว ดังนั้น ก็ควรจะเปลี่ยนชื่อรายการเป็น “พูดจาประสาสมัคร” หรือ "ตรงไปตรงมาตามประสาสมัคร" น่าจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจทำให้คนเข้าใจภาษาที่ผิดๆ
นายเทพไท กล่าวว่า อยากให้นายสมัคร กลับไปดูปัญหาบ้านเมือง เพราะวันนี้โพลออกมาระบุว่า ปัญหาที่ประชาชนทั้งประเทศต้องการให้รัฐบาลแก้ไข คือ ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องปากท้องตนคิดว่า 3 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสอบตก ไม่ทำเรื่องนี้เลย ส่วนเรื่องความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เหตุการณ์ที่มีคนร้ายลอบวางเพลิง บริษัท สยามนิสสัน ปัตตานี (2000) จำกัด ที่ จ.ปัตตานี ซึ่งตนคิดว่าเป็นการท้าทายอำนาจรัฐสูง รัฐบาลยังนิ่งเฉยทั้งผู้รับผิดชอบโดยตรงคือ นายกฯ รมว.มหาดไทย ตนไม่อยากให้รัฐบาลที่เป็นฝ่ายการเมือง ปฏิเสธความรับผิดชอบโยนความผิดไปให้ข้าราชการประจำ สังคมเรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบโดยตรง ลงพื้นที่ไปดูสถานการณ์ด้วยตนเอง ตอนนี้สถานการณ์รุนแรงทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ เพราะการที่จะมีผู้ก่อการร้ายไปเผาโชว์รูมในใจกลางเมือง ทำให้กระทบต่อขวัญและกำลังใจของนักธุรกิจค่อนข้างมาก
**"หมัก"ออกทีวี "ถามจริงตอบตรง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (5พ.ค.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที หรือ ช่อง 11 เพื่อบันทึกเทปรายการ "ถามจริงตอบตรง" ที่ออกอากาศในเวลา 20.30 น. โดยนายสมัคร มีสีหน้าตึงเครียด พร้อมกับกล่าวต่อว่าผู้สื่อข่าวที่มาติดตามทำข่าวว่า "พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะมา" ก่อนเข้าห้องบันทึกเทปรายการดังกล่าว จนกระทั่ง 16.00 น. นายสมัคร เดินออกจากห้องโดยไม่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่เฝ้ารอทำข่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตรายการ "ถามจริงตอบตรง" ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าฟัง หรือทำข่าว โดยให้เหตุผลว่า ถ้าเอาออกไปเผยแพร่เป็นข่าว ก็จะทำให้รายการไม่น่าสนใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจนายกรัฐมนตรีในช่วงเย็น เวลา 19.30 น. นายกรัฐมนตรี กล่าวถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในงานสโมสรสันนิบาต วันฉัตรมงคล ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ด้านนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ใช้ถ้อยคำหยาบคาย และคุกคามสื่อ ว่า ตนคิดว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้คุกคาม แต่เป็นคนพูดตรง และเสียงดัง และพูดคำภาษาไทยโบราณ สื่ออาจมองว่าเป็นคำหยาบคาย แต่จริงๆ ไม่มีอะไร ต่างชาติทราบดีว่า สื่อในประเทศไทยถือเป็นเสาหลักในประชาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลนี้จะไม่ยอมให้เสรีภาพสื่อกระทบกระเทือน แต่สื่อก็ต้องเสนอข่าวตามความเป็นจริง