ผู้จัดการรายวัน -จัดเสวนาอุ้ม"โชติศักดิ์" ขณะที่เจ้าตัวหายหัว ผู้จัดฯอ้างกลัวถูกทำร้าย อ.จุฬาฯ ยุคนดูหนังเข้าห้องน้ำช่วงเพลงสรรเสริญฯ ส่วน ส.ศิวรักษ์ ใส่เสื้อ"ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร" ร่วมวงเสวนา อัดสื่อเลวร้าย ไม่วิจารณ์สถาบันฯ "แม้ว" ผวากระแสต้านกรณีนำชื่อติดธงชาติ ต้องเลื่อนกลับไทย ขณะที่ผบ.ทบ.สั่งทหารจัดกิจกรรมเทิดทูนสถาบันฯ
วานนี้ (2 เม.ย.) สถาบันสันติประชาธรรม ร่วมกับนิตยสารฟ้าเดียวกัน ได้จัดเสวนาเรื่อง"สิทธิมนุษยนชน กับความเห็นที่แตกต่าง" ที่ห้อง 101 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ โดยมีนักคิด นักวิชาการ ร่วมเสวนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นมีการติดโปสเตอร์ภายในมหาวิทยาลัยว่า นอกจาก นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายประวิทย์ โรจนพฤกษ์ นักข่าว นสพ.เนชั่น จะเป็นผู้ร่วมเสวนาแล้ว ยังมีชื่อนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากกรณีไม่ยืนถวายความเคารพระหว่างที่มีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนต์ จะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสวนาด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มรายการ ผู้จัดได้ชี้แจงต่อผู้เข้าร่วมฟังว่า ได้มีการประสานไปยังนายโชติศักดิ์ว่า ขอให้งดไม่ให้เดินทางมา เนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย และอาจเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่กำลังมีความคุกรุ่น
อ.จุฬาฯยุเข้าห้องน้ำช่วงเพลงสรรเสริญฯ
จากนั้นนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเพลงสรรเสริญพระบารมีในอดีต โดยระบุว่า เป็นเพียงเพลงปลุกใจ และต่างประเทศในอดีตก็มีเพลงลักษณะนี้ โดยระบุว่าเป็นเพลงที่ใช้กันในลัทธิฟาสซิตส์ เช่น ในประเทศเยอรมัน ญี่ปุ่น และอิตาลี ขณะที่ประเทศไทย ก็นำเพลง "ก็อด เซฟ เดอะ ควีน" มาใช้ก่อนหน้านั้น แต่ปัจจุบันประเทศเหล่านี้ก็ได้ยกเลิกไปหมดแล้ว
นอกจากนั้น นายสุธาชัย ยังมองว่าประเทศไทยในอดีต มีการเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ ตามจารีตประเพณี ต้องมีการหมอบกราบ ไม่มีการยืน หากยืนก็อาจจะถูกประหารชีวิต ขณะเดียวกันเพลงสรรเสริญพระบารมีในอดีต ถือว่าเป็นการใช้ควบคู่กันในพระราชสำนักเท่านั้น หรือเป็นการถวายพระเกียรติ จะไม่เกี่ยวกับชนชั้นไพร่
ในช่วงสงครามโลก เพลงสรรเสริญพระบารมี มีการนำไปใช้เพื่อปิดท้ายการแสดง แต่ปรากฎว่าชนชั้นนำ กลับบีบบังคับ รวมทั้งไม่มีคนยืนเคารพ จึงเปลี่ยนมาเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนที่จะมีการแสดงในที่สุด
"ปัจจุบันมีการพยายามที่จะปลุกกระแสเพื่อมาเชื่อมโยงกับการเมือง เป็นเครื่องมือใส่ร้ายป้ายสี ใช้เป็นอาวุธทางเมืองโจมตีกัน นำมาโจมตีนายสมัคร โจมตีนายจักรภพ และทำตัวเหมือนกับหนังสือพิมพ์ดาวสยามในอดีต ที่ปลุกกระแสทำให้ประชาชนมีความชิงชังต่อนิสิตนักศึกษา และนำมาซึ่งความเกลียดชังนายโชติศักดิ์"
อาจารย์ผู้นี้ กล่าวอีกว่า การดำเนินการเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการบอกว่าไม่เคารพ แต่กลับทำให้หลายคนมองไปว่า เป็นการปลุกระดมเพื่อล้มล้างสถาบัน รวมทั้งทำให้เกิดกระแสตอบรับ และเกิดในช่วงที่มีการต่อต้านรัฐบาล ดังนั้น อาจจะมองไปว่าความนิยมจะไปตกอยู่กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
"ผมอยากบอกว่า การใช้แนวทางอย่างนี้ เป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะการนับถือใคร ไม่นับถือใคร เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่อาจไปบังคับใครให้ทำตาม เพราะจะเป็นการสร้างความคับแคบในสังคม ตรงนี้ถือเป็นปัญหาของสังคมไทย กรณีของนายโชติศักดิ์ถือว่าสะท้อนตรงนี้มากที่เป็นปัญหาทางสังคมไทย ผมเสนอว่า หากรำคาญจริงๆ ผมเสนอให้ลุกไปเข้าห้องน้ำในช่วงของโฆษณา แทนที่จะทำการท้าทาย เหมือนกับนายโชติศักดิ์" นายสุธาชัย กล่าว
ส.ศิวรักษ์ ใส่เสื้อ"ไม่ยืนฯ"
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งใส่เสื้อสีดำ สกรีนข้อความว่า"ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร" ขึ้นเวที พร้อมกล่าวว่า ปัญหานี้เกิดจากความเลวร้ายของสื่อกระแสหลัก และสื่อก็ไม่มีจุดยืนทุกสำนัก นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า หากจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ได้เหมือนสถาบันอื่นๆ ต้องมีการเปิดเผย และให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ที่ผ่านมา สื่อทุกสำนักมีความหวาดกลัว และไม่มีใครที่จะกล้าพูดความจริง
"ถ้าเรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ควรจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ที่โปร่งใส อย่างไรก็ตาม ระบบศักดินา ได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อยากขอบคุณ คุณโชติศักดิ์ และคุณชุติมา ที่ทำให้สังคมตื่นตัว แต่ขอตำหนิสื่อที่ทำหน้าที่ไม่มีจุดยืนด้านสิทธิมนุษยชน ไม่มีคุณธรรม หากให้สถาบันหนังสือพิมพ์อยู่ได้ ต้องมีความตรงไปตรงมา ไม่มีสื่อฉบับใดที่กล้าพูดความจริง มีแต่ตอแหล หากินกับโฆษณาไปวันๆ ถ้าหากรักสถาบันกษัตริย์ ต้องกล้าวิพากษ์วิจารณ์ แต่กลับไปใส่ร้าย ที่ผ่านมาไปใส่ร้าย อ.ปรีดี พนมยงค์ นายเตียง ศิริขันธ์ ดังนั้นอยากเรียกร้องให้สังคมไทยได้ตื่นตัว"
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนการเสวนา นายใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ใส่เสื้อ "ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร" เดินแจกเอกสาร "ถึงเวลาเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ในห้องประชุมด้วย โดยในเอกสาร เสนอให้เลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นการด่วน เพราะถือว่าเป็นกฏหมายประเภทเผด็จการ ประเภทสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดย เฉพาะประเด็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
หนุนนายกฯ ประท้วงแมนฯ ซิตี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธฺปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเขียนชื่อ "THAKSIN" ลงบนธงชาติไทย และนำไปติดไว้ในสนามฟุตบอลทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ ว่า การที่นายกรัฐมนตรี จะทำหนังสือทักท้วงไปยังสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง จึงต้องรอดูคำชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้องอีกครั้งว่า เรื่องดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร ทีแรกยังคิดว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไร ซึ่งทางพรรคจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนนายกฯจะพูดแบบปักใจไปแล้วว่าคนไทยไม่ได้ทำ แต่ ทางพรรคก็ชี้ให้เห็นในตอนถามกระทู้สดแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ต้องหนักแน่นมากกว่านี้ เพราะมีหน้าที่ปกป้องประเทศ ไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องอดีตหัวหน้าพรรคตัวเอง การให้สัมภาษณ์ของนายนพดล ชี้ว่าไม่ได้ปกป้องคนไทยเลย แต่เป็นการปกป้อง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
"แม้ว" ผวากระแสต้านเลื่อนกลับไทย
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ว่าที่ประธานมูลนิธิ บ้านเลขที่ 111 พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้กลับมาร่วมงานในพิธีเปิดมูลนิธิฯ ในวันนี้ว่า เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ติดภารกิจที่ต่างประเทศ แต่ในต้นสัปดาห์หน้าจะกลับมาประเทศไทย เพราะต้องต้อนรับนักธุรกิจที่เชิญมา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีธงชาติ และคาดว่าจะมีการแถลงชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวด้วยตนเองหลังจากที่กลับมาประเทศไทยแล้ว
ทั้งนี้ ตามกำหนดการเดิม พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 2 พ.ค. ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี บอกว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทยแล้วให้สอบถามเรื่องธง THAKSIN ด้วยตัวเอง
ผบ.ทบ.จัดกิจกรรมเทิดทูนสถาบันฯ
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อ"ทักษิณ" อยู่บนธงชาติไทย ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีพูดไปแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้มองว่ากฎหมายของไทยอ่อนไป เพราะนอกเหนือจากกฎหมายแล้ว ยังมีมาตรการทางสังคม และการแสดงออกทางสังคม เรื่องบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องไปตัดสินกันทางกฎหมาย แค่สังคมให้ความเห็นก็ทำให้ผู้เกี่ยวข้องต้องนำไปคิดให้ถี่ถ้วน
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. มอบนโยบายสำคัญเร่งด่วนให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพบก จัดกิจกรรม เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันฯ ในทุกโอกาส แม้ความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ จะเป็นหน้าที่หลักของทหาร ทุกคนต้องยึดถือปฎิบัติ โดย ผบ.ทบ.ขอให้ผู้บังคับหน่วยเพิ่มความสำคัญให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อให้กำลังพลรวมถึงครอบครัว เยาวชนตระหนักว่า บรรพบุรุษได้ทุ่มเทเสียสละเพื่อประเทศชาติ
"สถานีวิทยุกระจายเสียงในเครือกองทัพบก จะเผยแพร่บทเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงเฉลิมพระเกียรติ รวมถึงการจัดรายการที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีในทุกโอกาสที่เหมาะสม เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนสังคมไทยให้มีความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์"พ.อ.ศิริจันทร์ กล่าว
วานนี้ (2 เม.ย.) สถาบันสันติประชาธรรม ร่วมกับนิตยสารฟ้าเดียวกัน ได้จัดเสวนาเรื่อง"สิทธิมนุษยนชน กับความเห็นที่แตกต่าง" ที่ห้อง 101 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ โดยมีนักคิด นักวิชาการ ร่วมเสวนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นมีการติดโปสเตอร์ภายในมหาวิทยาลัยว่า นอกจาก นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายประวิทย์ โรจนพฤกษ์ นักข่าว นสพ.เนชั่น จะเป็นผู้ร่วมเสวนาแล้ว ยังมีชื่อนายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากกรณีไม่ยืนถวายความเคารพระหว่างที่มีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนต์ จะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสวนาด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มรายการ ผู้จัดได้ชี้แจงต่อผู้เข้าร่วมฟังว่า ได้มีการประสานไปยังนายโชติศักดิ์ว่า ขอให้งดไม่ให้เดินทางมา เนื่องจากเกรงว่าจะถูกทำร้ายร่างกาย และอาจเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่กำลังมีความคุกรุ่น
อ.จุฬาฯยุเข้าห้องน้ำช่วงเพลงสรรเสริญฯ
จากนั้นนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเพลงสรรเสริญพระบารมีในอดีต โดยระบุว่า เป็นเพียงเพลงปลุกใจ และต่างประเทศในอดีตก็มีเพลงลักษณะนี้ โดยระบุว่าเป็นเพลงที่ใช้กันในลัทธิฟาสซิตส์ เช่น ในประเทศเยอรมัน ญี่ปุ่น และอิตาลี ขณะที่ประเทศไทย ก็นำเพลง "ก็อด เซฟ เดอะ ควีน" มาใช้ก่อนหน้านั้น แต่ปัจจุบันประเทศเหล่านี้ก็ได้ยกเลิกไปหมดแล้ว
นอกจากนั้น นายสุธาชัย ยังมองว่าประเทศไทยในอดีต มีการเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ ตามจารีตประเพณี ต้องมีการหมอบกราบ ไม่มีการยืน หากยืนก็อาจจะถูกประหารชีวิต ขณะเดียวกันเพลงสรรเสริญพระบารมีในอดีต ถือว่าเป็นการใช้ควบคู่กันในพระราชสำนักเท่านั้น หรือเป็นการถวายพระเกียรติ จะไม่เกี่ยวกับชนชั้นไพร่
ในช่วงสงครามโลก เพลงสรรเสริญพระบารมี มีการนำไปใช้เพื่อปิดท้ายการแสดง แต่ปรากฎว่าชนชั้นนำ กลับบีบบังคับ รวมทั้งไม่มีคนยืนเคารพ จึงเปลี่ยนมาเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนที่จะมีการแสดงในที่สุด
"ปัจจุบันมีการพยายามที่จะปลุกกระแสเพื่อมาเชื่อมโยงกับการเมือง เป็นเครื่องมือใส่ร้ายป้ายสี ใช้เป็นอาวุธทางเมืองโจมตีกัน นำมาโจมตีนายสมัคร โจมตีนายจักรภพ และทำตัวเหมือนกับหนังสือพิมพ์ดาวสยามในอดีต ที่ปลุกกระแสทำให้ประชาชนมีความชิงชังต่อนิสิตนักศึกษา และนำมาซึ่งความเกลียดชังนายโชติศักดิ์"
อาจารย์ผู้นี้ กล่าวอีกว่า การดำเนินการเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการบอกว่าไม่เคารพ แต่กลับทำให้หลายคนมองไปว่า เป็นการปลุกระดมเพื่อล้มล้างสถาบัน รวมทั้งทำให้เกิดกระแสตอบรับ และเกิดในช่วงที่มีการต่อต้านรัฐบาล ดังนั้น อาจจะมองไปว่าความนิยมจะไปตกอยู่กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
"ผมอยากบอกว่า การใช้แนวทางอย่างนี้ เป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะการนับถือใคร ไม่นับถือใคร เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่อาจไปบังคับใครให้ทำตาม เพราะจะเป็นการสร้างความคับแคบในสังคม ตรงนี้ถือเป็นปัญหาของสังคมไทย กรณีของนายโชติศักดิ์ถือว่าสะท้อนตรงนี้มากที่เป็นปัญหาทางสังคมไทย ผมเสนอว่า หากรำคาญจริงๆ ผมเสนอให้ลุกไปเข้าห้องน้ำในช่วงของโฆษณา แทนที่จะทำการท้าทาย เหมือนกับนายโชติศักดิ์" นายสุธาชัย กล่าว
ส.ศิวรักษ์ ใส่เสื้อ"ไม่ยืนฯ"
นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ ซึ่งใส่เสื้อสีดำ สกรีนข้อความว่า"ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร" ขึ้นเวที พร้อมกล่าวว่า ปัญหานี้เกิดจากความเลวร้ายของสื่อกระแสหลัก และสื่อก็ไม่มีจุดยืนทุกสำนัก นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า หากจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ได้เหมือนสถาบันอื่นๆ ต้องมีการเปิดเผย และให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ที่ผ่านมา สื่อทุกสำนักมีความหวาดกลัว และไม่มีใครที่จะกล้าพูดความจริง
"ถ้าเรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ควรจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ที่โปร่งใส อย่างไรก็ตาม ระบบศักดินา ได้มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อยากขอบคุณ คุณโชติศักดิ์ และคุณชุติมา ที่ทำให้สังคมตื่นตัว แต่ขอตำหนิสื่อที่ทำหน้าที่ไม่มีจุดยืนด้านสิทธิมนุษยชน ไม่มีคุณธรรม หากให้สถาบันหนังสือพิมพ์อยู่ได้ ต้องมีความตรงไปตรงมา ไม่มีสื่อฉบับใดที่กล้าพูดความจริง มีแต่ตอแหล หากินกับโฆษณาไปวันๆ ถ้าหากรักสถาบันกษัตริย์ ต้องกล้าวิพากษ์วิจารณ์ แต่กลับไปใส่ร้าย ที่ผ่านมาไปใส่ร้าย อ.ปรีดี พนมยงค์ นายเตียง ศิริขันธ์ ดังนั้นอยากเรียกร้องให้สังคมไทยได้ตื่นตัว"
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนการเสวนา นายใจ อึ๊งภากรณ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้ใส่เสื้อ "ไม่ยืน ไม่ใช่อาชญากร" เดินแจกเอกสาร "ถึงเวลาเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ในห้องประชุมด้วย โดยในเอกสาร เสนอให้เลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นการด่วน เพราะถือว่าเป็นกฏหมายประเภทเผด็จการ ประเภทสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดย เฉพาะประเด็นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
หนุนนายกฯ ประท้วงแมนฯ ซิตี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธฺปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเขียนชื่อ "THAKSIN" ลงบนธงชาติไทย และนำไปติดไว้ในสนามฟุตบอลทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ ว่า การที่นายกรัฐมนตรี จะทำหนังสือทักท้วงไปยังสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง จึงต้องรอดูคำชี้แจงของผู้ที่เกี่ยวข้องอีกครั้งว่า เรื่องดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร ทีแรกยังคิดว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไร ซึ่งทางพรรคจะติดตามเรื่องนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนนายกฯจะพูดแบบปักใจไปแล้วว่าคนไทยไม่ได้ทำ แต่ ทางพรรคก็ชี้ให้เห็นในตอนถามกระทู้สดแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ต้องหนักแน่นมากกว่านี้ เพราะมีหน้าที่ปกป้องประเทศ ไม่ได้มีหน้าที่ปกป้องอดีตหัวหน้าพรรคตัวเอง การให้สัมภาษณ์ของนายนพดล ชี้ว่าไม่ได้ปกป้องคนไทยเลย แต่เป็นการปกป้อง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ
"แม้ว" ผวากระแสต้านเลื่อนกลับไทย
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ว่าที่ประธานมูลนิธิ บ้านเลขที่ 111 พรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้กลับมาร่วมงานในพิธีเปิดมูลนิธิฯ ในวันนี้ว่า เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ ติดภารกิจที่ต่างประเทศ แต่ในต้นสัปดาห์หน้าจะกลับมาประเทศไทย เพราะต้องต้อนรับนักธุรกิจที่เชิญมา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีธงชาติ และคาดว่าจะมีการแถลงชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวด้วยตนเองหลังจากที่กลับมาประเทศไทยแล้ว
ทั้งนี้ ตามกำหนดการเดิม พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 2 พ.ค. ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี บอกว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไทยแล้วให้สอบถามเรื่องธง THAKSIN ด้วยตัวเอง
ผบ.ทบ.จัดกิจกรรมเทิดทูนสถาบันฯ
พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อ"ทักษิณ" อยู่บนธงชาติไทย ว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีพูดไปแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ได้มองว่ากฎหมายของไทยอ่อนไป เพราะนอกเหนือจากกฎหมายแล้ว ยังมีมาตรการทางสังคม และการแสดงออกทางสังคม เรื่องบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องไปตัดสินกันทางกฎหมาย แค่สังคมให้ความเห็นก็ทำให้ผู้เกี่ยวข้องต้องนำไปคิดให้ถี่ถ้วน
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. มอบนโยบายสำคัญเร่งด่วนให้หน่วยต่างๆ ของกองทัพบก จัดกิจกรรม เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันฯ ในทุกโอกาส แม้ความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ จะเป็นหน้าที่หลักของทหาร ทุกคนต้องยึดถือปฎิบัติ โดย ผบ.ทบ.ขอให้ผู้บังคับหน่วยเพิ่มความสำคัญให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อให้กำลังพลรวมถึงครอบครัว เยาวชนตระหนักว่า บรรพบุรุษได้ทุ่มเทเสียสละเพื่อประเทศชาติ
"สถานีวิทยุกระจายเสียงในเครือกองทัพบก จะเผยแพร่บทเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงเฉลิมพระเกียรติ รวมถึงการจัดรายการที่แสดงออกถึงความจงรักภักดีในทุกโอกาสที่เหมาะสม เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนสังคมไทยให้มีความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์"พ.อ.ศิริจันทร์ กล่าว