ผู้จัดการรายวัน - พปช.โล่งอกไปหนึ่งเปลาะ! กกต.ยกคำร้องนอมินี ทรท. หลังพบพฤติกรรมเข้าข่ายนอมินี แต่ไม่มีกฎหมายเอาผิด "สมชัย" ระบุกฎหมายมหาชนเอาผิดนอมินีไม่ได้ ด้าน"วีระ สมความคิด" ตอก กกต. ยึดติดคำ "นอมินี" ทั้งที่ควรดูพฤติกรรมที่ทำผิดมากกว่า ขู่เอาผิดอนุฯ ชุด "ไพฑูรย์" บิดเบือนน้ำหนักคำร้อง ด้าน "ประชา" ปูด รอง หน.ปชป. ส่อเจอใบแดง เย้ยถ้าถูกยุบพรรค จะแก้ รธน.หรือไม่
เมื่อเวลา 16.20 น. วานนี้ (1 พ.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังผลการประชุม กกต.เพื่อพิจารณาลงมติกรณีร้องเรียพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ว่า ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาในกรณีนายประสิทธิ์ ดอนโพธิ์งาม ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และนายวีระ สมความคิด ประธานอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้ยื่นคำร้องขอให้กกต.พิจารณาว่า พฤติกรรมของ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และพรรคพลังประชาชน มีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นตัวแทน หรือนอมีนี ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หรือไม่
โดยในส่วนคำร้องของนายประสิทธิ์นั้น กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 ให้ยกคำร้อง เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานเพียงพอที่ปรากฎชัดว่านายสมัคร มีการกระทำที่เป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย ส่วนเสียงข้างน้อยเห็นว่า ควรแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองให้ดำเนินการตรวจสอบตาม มาตรา 94 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
สำหรับคำร้องของนายวีระนั้น กกต. พิจารณาแล้วมีมติด้วยเสียง 3 : 1 : 1 โดย 3 เสียงเห็นว่า ปรากฏหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นการกระทำของพรรคพลังประชาชนว่า เข้าข่ายเป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย แต่เมื่อพิจารณาตามกฎหมายของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้ว ไม่พบว่าเข้าข่ายความผิดมาตราใด ซึ่งอีก 1 เสียงนั้น เห็นว่าไม่ปรากฎหลักฐานเพียงพอในการกระทำที่เข้าข่ายเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย จึงเห็นควรให้ยกคำร้อง และอีก 1 เสียง นั้นเห็นว่าควรแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมือง ดำเนินการตรวจสอบตาม มาตรา 94 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง
"มติที่ออกมานั้น กกต.ได้พิจารณาด้วยความรอบคอบ ยึดหลักกฎหมาย ซึ่งกกต.ก็ยืนอยู่ตรงกลาง ไม่ได้พิจารณาเพื่อเป็นการจับผิด หรือจะไปไล่บี้ใคร และไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเล่นไม่เลิก" เลขา กกต.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้หรือไม่ ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน 111 กรรมการบริหารพรรค ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ยังให้การสนับสนุนพรรคพลังประชาชน ทั้งเคยหาเสียงช่วยก่อนการเลือกตั้ง นายสุทธิพล กล่าวว่า กกต.พิจารณาตามที่มีการร้องเรียนเข้ามาถึงเท่านั้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังไม่มีใครร้องเรียนเข้ามา เป็นการร้องเรียนพฤติกรรมของพรรคพลังประชาชน และนายสมัคร เท่านั้น
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับกกต.อีก 3 คน คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ นายสุเมธ อุปนิสากร และนางสดศรี สัตยธรรม ที่เห็นว่า พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย แต่ในกฎหมายมหาชน ตนเห็นว่า คำว่านอมินีทางการเมืองไม่มีกฎหมายบังคับผิดได้ แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมายเอกชน ก็สามารถที่จะเอาผิดได้ เนื่องจากว่าในภาคเอกชนมีกฎหมายรองรับเอาไว้
"ผมเห็นว่ามีหลักฐานที่ฟังได้ว่า พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินี แต่กฎหมายนอมินี เป็นเรื่องของกฎหมายเอกชน ระหว่างบุคคลกับบุคคลตกลงกันที่จะเป็นหุ่นเชิดให้กับอีกบุคคลหนึ่ง แต่กรณีนี้เป็นกฎหมายมหาชน ที่เกี่ยวกับการเมืองและการเลือกตั้ง จึงไม่ใช่กฎหมายเอกชน" นายสมชัย กล่าว
ด้านนายวีระ สมความคิด กล่าวว่า คิดอยู่นานแล้ว หลังจากที่คณะอนุกรรมการระบุว่าไม่มีกฎหมายที่จะเอาผิดได้ เท่ากับไปยึดประเด็นนอมีนี เป็นหลักแทนที่จะดูพฤติกรรมเป็นหลัก
ถ้าดูในคำร้องของตนก็จะเน้นคำว่า ตัวแทน ตัวการ ทำไม กกต. ไม่ปรับให้เข้าหลักตัวแทน ตัวการ ตามกฎหมายแพ่ง แต่กลับไปจับคำว่า นอมีนี ซึ่งถือว่าเป็นความพยายามที่จะบิดพลิ้ว
"คำว่าตัวแทน มันไม่มีในกฎหมายไทยเลยหรือ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม กกต. ถึงไปคิดว่า ผมไปให้ความสำคัญกับคำว่า นอมีนี" นายวีระกล่าว และว่า หลังจากนี้จะไปดูกฎหมาย ซึ่งอาจจะขอดำเนินคดีกับคณะอนุกรรมการชุด นายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ หากมีช่องทางพิสูจน์ได้ว่า คณะอนุกรรมการชุดนี้พยายามบิดเบือนน้ำหนักของคำร้องให้ไปผิดทาง รวมทั้งหาทางดำเนินการกับพรรคพลังประชาชนด้วย เพราะจะกลายเป็นบรรทัดฐานให้อีก 3-4 พรรค ที่กำลังจะถูกยุบไปวิ่งหาพรรคใหม่ ที่เป็นนอมินีแน่นอน
**ประชาปูดรอง หน.ปชป.จะเจอใบแดง
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ได้ส่งหนังสือถึง กกต.กลาง แจ้งว่ามีมติแจกใบแดงให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 จำนวน 2 คน คือนายวุฒิชัย นามบุตร นายศราวุธ ศรีหล้า รวมทั้ง นายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน โดย กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ลงมติให้ใบแดง 4 ท่าน งดออกเสียง 1 ท่าน หลังจากได้รับหลักฐานเป็นบันทึกเทปวีดีโอ ที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พาหัวคะแนนเข้าไปทำทีดูหนังในโรงภาพยนต์ เนวาด้า แล้วก็มีการสัญญาว่าจะให้ รวมทั้งแจกเงิน แจกสิ่งของ อย่างชัดเจน โดย กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ส่งเรื่องถึง กกต.กลาง เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา และเข้าใจว่า กกต.กลางอยู่ระหว่างเรียก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มาชี้แจง
**เย้ย ปชป.อาจถูกยุบเหมือนกัน
นายประชา กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นในความเที่ยงธรรมของ กกต. กรณีนี้ มีหลักฐานชัดเจนก็น่าจะตัดสินยืนตามความเห็นของ กกต.จังหวัด หวังว่าจะไม่ใช่แค่ใบเหลือง เหมือนที่ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนหน้านี้นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหาว่าแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง จนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนโต้ตอบว่า นายชวน ไม่โดนกับตัวเองจึงไม่รู้สึก อยากถามว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ รู้สึกอย่างไร โดนเหมือนๆ กันแล้ว รองหัวหน้าพรรคกำลังจะถูกใบแดง จะต้องโดนยุบพรรค จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าว มีการร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ที่ กกต.กลางส่งไปลงพื้นที่ในช่วงที่มีการเลือกตั้งและได้รับร้องเรียนมา ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าวหมดวาระลง ได้มีการส่งเรื่องไปให้ กกต.จังหวัด ซึ่งกกต.จังหวัดได้เรียกผู้ที่ถูกกล่าวหาไปชี้แจง เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง กกต.จังหวัดต้องสรุปเรื่องเพื่อส่งให้ กกต.กลางโดยไม่สามารถลงมติ ทั้งนี้ เมื่อ กกต.กลางรับเรื่องแล้ว จะต้องมีการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงอีกครั้ง ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม กกต.ชุดใหญ่ ซึ่งอาจจะมีมติออกมาว่าเป็น ใบขาว ใบเหลือง หรือใบแดงก็ได้
เมื่อเวลา 16.20 น. วานนี้ (1 พ.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงภายหลังผลการประชุม กกต.เพื่อพิจารณาลงมติกรณีร้องเรียพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ว่า ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาในกรณีนายประสิทธิ์ ดอนโพธิ์งาม ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และนายวีระ สมความคิด ประธานอำนวยการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้ยื่นคำร้องขอให้กกต.พิจารณาว่า พฤติกรรมของ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน และพรรคพลังประชาชน มีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นตัวแทน หรือนอมีนี ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย หรือไม่
โดยในส่วนคำร้องของนายประสิทธิ์นั้น กกต.มีมติ 4 ต่อ 1 ให้ยกคำร้อง เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานเพียงพอที่ปรากฎชัดว่านายสมัคร มีการกระทำที่เป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย ส่วนเสียงข้างน้อยเห็นว่า ควรแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองให้ดำเนินการตรวจสอบตาม มาตรา 94 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
สำหรับคำร้องของนายวีระนั้น กกต. พิจารณาแล้วมีมติด้วยเสียง 3 : 1 : 1 โดย 3 เสียงเห็นว่า ปรากฏหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นการกระทำของพรรคพลังประชาชนว่า เข้าข่ายเป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย แต่เมื่อพิจารณาตามกฎหมายของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้ว ไม่พบว่าเข้าข่ายความผิดมาตราใด ซึ่งอีก 1 เสียงนั้น เห็นว่าไม่ปรากฎหลักฐานเพียงพอในการกระทำที่เข้าข่ายเป็นนอมินีของพรรคไทยรักไทย จึงเห็นควรให้ยกคำร้อง และอีก 1 เสียง นั้นเห็นว่าควรแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมือง ดำเนินการตรวจสอบตาม มาตรา 94 ของพ.ร.บ.พรรคการเมือง
"มติที่ออกมานั้น กกต.ได้พิจารณาด้วยความรอบคอบ ยึดหลักกฎหมาย ซึ่งกกต.ก็ยืนอยู่ตรงกลาง ไม่ได้พิจารณาเพื่อเป็นการจับผิด หรือจะไปไล่บี้ใคร และไม่อยากถูกกล่าวหาว่าเล่นไม่เลิก" เลขา กกต.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะเอาผิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณได้หรือไม่ ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน 111 กรรมการบริหารพรรค ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ยังให้การสนับสนุนพรรคพลังประชาชน ทั้งเคยหาเสียงช่วยก่อนการเลือกตั้ง นายสุทธิพล กล่าวว่า กกต.พิจารณาตามที่มีการร้องเรียนเข้ามาถึงเท่านั้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวยังไม่มีใครร้องเรียนเข้ามา เป็นการร้องเรียนพฤติกรรมของพรรคพลังประชาชน และนายสมัคร เท่านั้น
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับกกต.อีก 3 คน คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ นายสุเมธ อุปนิสากร และนางสดศรี สัตยธรรม ที่เห็นว่า พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย แต่ในกฎหมายมหาชน ตนเห็นว่า คำว่านอมินีทางการเมืองไม่มีกฎหมายบังคับผิดได้ แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องของกฎหมายเอกชน ก็สามารถที่จะเอาผิดได้ เนื่องจากว่าในภาคเอกชนมีกฎหมายรองรับเอาไว้
"ผมเห็นว่ามีหลักฐานที่ฟังได้ว่า พรรคพลังประชาชนเป็นนอมินี แต่กฎหมายนอมินี เป็นเรื่องของกฎหมายเอกชน ระหว่างบุคคลกับบุคคลตกลงกันที่จะเป็นหุ่นเชิดให้กับอีกบุคคลหนึ่ง แต่กรณีนี้เป็นกฎหมายมหาชน ที่เกี่ยวกับการเมืองและการเลือกตั้ง จึงไม่ใช่กฎหมายเอกชน" นายสมชัย กล่าว
ด้านนายวีระ สมความคิด กล่าวว่า คิดอยู่นานแล้ว หลังจากที่คณะอนุกรรมการระบุว่าไม่มีกฎหมายที่จะเอาผิดได้ เท่ากับไปยึดประเด็นนอมีนี เป็นหลักแทนที่จะดูพฤติกรรมเป็นหลัก
ถ้าดูในคำร้องของตนก็จะเน้นคำว่า ตัวแทน ตัวการ ทำไม กกต. ไม่ปรับให้เข้าหลักตัวแทน ตัวการ ตามกฎหมายแพ่ง แต่กลับไปจับคำว่า นอมีนี ซึ่งถือว่าเป็นความพยายามที่จะบิดพลิ้ว
"คำว่าตัวแทน มันไม่มีในกฎหมายไทยเลยหรือ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม กกต. ถึงไปคิดว่า ผมไปให้ความสำคัญกับคำว่า นอมีนี" นายวีระกล่าว และว่า หลังจากนี้จะไปดูกฎหมาย ซึ่งอาจจะขอดำเนินคดีกับคณะอนุกรรมการชุด นายไพฑูรย์ เนติโพธิ์ หากมีช่องทางพิสูจน์ได้ว่า คณะอนุกรรมการชุดนี้พยายามบิดเบือนน้ำหนักของคำร้องให้ไปผิดทาง รวมทั้งหาทางดำเนินการกับพรรคพลังประชาชนด้วย เพราะจะกลายเป็นบรรทัดฐานให้อีก 3-4 พรรค ที่กำลังจะถูกยุบไปวิ่งหาพรรคใหม่ ที่เป็นนอมินีแน่นอน
**ประชาปูดรอง หน.ปชป.จะเจอใบแดง
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ได้ส่งหนังสือถึง กกต.กลาง แจ้งว่ามีมติแจกใบแดงให้ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 จำนวน 2 คน คือนายวุฒิชัย นามบุตร นายศราวุธ ศรีหล้า รวมทั้ง นายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน โดย กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ลงมติให้ใบแดง 4 ท่าน งดออกเสียง 1 ท่าน หลังจากได้รับหลักฐานเป็นบันทึกเทปวีดีโอ ที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ พาหัวคะแนนเข้าไปทำทีดูหนังในโรงภาพยนต์ เนวาด้า แล้วก็มีการสัญญาว่าจะให้ รวมทั้งแจกเงิน แจกสิ่งของ อย่างชัดเจน โดย กกต.จังหวัดอุบลราชธานี ส่งเรื่องถึง กกต.กลาง เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา และเข้าใจว่า กกต.กลางอยู่ระหว่างเรียก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มาชี้แจง
**เย้ย ปชป.อาจถูกยุบเหมือนกัน
นายประชา กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นในความเที่ยงธรรมของ กกต. กรณีนี้ มีหลักฐานชัดเจนก็น่าจะตัดสินยืนตามความเห็นของ กกต.จังหวัด หวังว่าจะไม่ใช่แค่ใบเหลือง เหมือนที่ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนหน้านี้นาย ชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหาว่าแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง จนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชนโต้ตอบว่า นายชวน ไม่โดนกับตัวเองจึงไม่รู้สึก อยากถามว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ รู้สึกอย่างไร โดนเหมือนๆ กันแล้ว รองหัวหน้าพรรคกำลังจะถูกใบแดง จะต้องโดนยุบพรรค จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเองหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าว มีการร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ที่ กกต.กลางส่งไปลงพื้นที่ในช่วงที่มีการเลือกตั้งและได้รับร้องเรียนมา ต่อมาเมื่อเจ้าหน้าที่ดังกล่าวหมดวาระลง ได้มีการส่งเรื่องไปให้ กกต.จังหวัด ซึ่งกกต.จังหวัดได้เรียกผู้ที่ถูกกล่าวหาไปชี้แจง เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง กกต.จังหวัดต้องสรุปเรื่องเพื่อส่งให้ กกต.กลางโดยไม่สามารถลงมติ ทั้งนี้ เมื่อ กกต.กลางรับเรื่องแล้ว จะต้องมีการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงอีกครั้ง ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม กกต.ชุดใหญ่ ซึ่งอาจจะมีมติออกมาว่าเป็น ใบขาว ใบเหลือง หรือใบแดงก็ได้