ผู้จัดการรายวัน – โรบินสันปิดสาขาสีลม ทั้งที่เหลือสัญญาเช่าอีก 3 ปี อ้างพื้นที่เล็กเกินไปไม่เหมาะสมกับโฉมใหม่ที่จะรีโนเวต ผนวกกับเจ้าของที่ดินเดิมต้องการเอาคืนไปทำศูนย์ความงามและสุขภาพ ลั่นไม่กระทบรายได้รวมแน่ เตรียมผุดอีก 3 สาขาใหม่
นางอุสรา ยงปิยะกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ภายในเดือนพฤษภาคมนี้บริษัทฯจะปิดบริการห้างสรรพสินค้าโรบินสันสาขาสีลม ซึ่งปิดก่อนที่จะหมดสัญญาเช่าพื้นที่ที่จะหมดภายในปี 2554 จากระยะเวลาการเช่ารวม 24 ปี ซึ่งเหลืออีกประมาณ 3 ปี โดยจะหมดสัญญาในปี 2554
เหตุผลที่ปิดโรบินสันสาขาสีลมนี้ เพราะว่า พื้นที่ของสาขาสีลมนี้มีขนาดเล็กเกินไป ไม่เหมาะสมกับแผนการรีโนเวตปรับโฉมใหม่ของโรบินสัน เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค และขยายสู่กลุ่มเป้าหมายระดับบนมากขึ้นด้วย ประกอบกับ ทางเจ้าของพื้นที่มีแผนที่จะนำเอาพื้นที่ดังกล่าวคืนเพื่อลงทุนทางด้านศูนย์บริการสุขภาพและความงาม จึงทำให้ต้องปิดสาขานี้ลง
ทั้งนี้บริษัทฯได้จัดกิจกรรมโปรโมชั่นลดราคาครั้งใหญ่ส่งท้ายก่อนปิดสาขาอย่างถาวร โดยให้ส่วนลดสูงสุดที่ 70-90% ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. – 23 พ.ค. ซึ่งจากการเริ่มโปรโมชั่นดังกล่าวในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีลูกค้าให้ความสนใจอย่างมากมาย
อย่างไรก็ตาม การปิดสาขาสีลมในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้คงจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้รวมของบริษัทฯในปีนี้ เนื่องจากบริษัทฯมีแผนการตลาดต่อเนื่องรวมทั้งยังมีแผนลงทุนขยายสาขาเพิ่มขึ้นในปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 3 สาขา ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการได้ภายในปี 2552 ในต่างจังหวัดคือ ชลบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น และแผนเพิ่มขึ้นอีก 6 สาขา ภายในปี 2553
สำหรับการทำตลาดในช่วงไตรมาส 2 นี้ แนวโน้มยังคงไม่สดใสเท่าใดนัก บริษัทฯยังคงต้องทำตลาดอย่างใช้ความระมัดระวังเช่นกัน เพราะว่ายังมีอีกหลายปัจจัยลบที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอด รวมทั้งราคาข้าวแพง ซึ่งเท่ากับว่าค่าครองชีพของผู้บริโภคมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อที่ลดลงด้วย
ดังนั้นในไตรมาสที่สองนี้ บริษัทฯจึงได้เตรียมจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องหลักๆรวม 5 กิจกรรม ประกอบด้วย 1.Back to School , 2.ถึงก่อน มีสิทธิ์ก่อน, 3.เซอร์ไพร้ส์ เซลส์ , 4.บิวตี้ พาราไดซ์ และ 5. I AM A MAN เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนยอดขายของไตรมาสแรกปีนี้ทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
เมื่อช่วงต้นปีนี้ ผู้บริหารของโรบินสันคือนายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เคยกล่าวไว้ว่า กลยุทธ์การดำเนินงานของปีนี้คือ “โรบินสันเรฟโวลูชั่น” ประกอบด้วย 5 แนวคิดหลัก ซึ่ง 1 ในนั้นคือ การปรับภาพลักษณ์ใหม่ของโรบินสันชูความเป็นไลฟ์สไตล์ ซึ่งเริ่มไปแล้วที่เชียงใหม่ ส่งผลยอขายเพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน และเตรียมที่จะเผยโฉมอีก 3 สาขาในรูปแบบใหม่นี้ที่เรียกว่าแฟล็กชิฟ สโตร์ ที่ รัชดาภิเษก อุดรธานี และภูเก็ต ใช้งบลงทุนรวม 400 ล้านบาท
นอกจากการพัฒนารูปแบบแฟล็กชิฟ สโตร์ รวมถึงการปรับปรุงสาขาเดิมแล้ว ปีนี้บริษัทฯยังได้จัดสรรงบประมาณอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณจากการดำเนินงานที่มีอยู่ มาใช้ในการขยายสาขาเพิ่มอีก 6 สาขา ใน 2 ปีหลังจากนี้ เฉลี่ยลงทุน 500 ล้านบาทต่อสาขา โดยขณะนี้ 3 สาขา คือ ชลบุรี ขอนแก่น (เป็นโครงการร่วมของกลุ่มซีพีเอ็น) และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นโครงการของการบริหารส่วนท้องถิ่น อยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าในปีหน้าจะเปิดให้บริการได้ ส่วนอีก 3 สาขาที่เหลือ อยู่ในระหว่างการเจรจาสรุปโครงการ คาดว่าจะเปิดทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยในปี 2553 น่าจะเปิดให้บริการได้เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้โรบินสันมีจำนวนถึง 27 สาขา
นางอุสรา ยงปิยะกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ภายในเดือนพฤษภาคมนี้บริษัทฯจะปิดบริการห้างสรรพสินค้าโรบินสันสาขาสีลม ซึ่งปิดก่อนที่จะหมดสัญญาเช่าพื้นที่ที่จะหมดภายในปี 2554 จากระยะเวลาการเช่ารวม 24 ปี ซึ่งเหลืออีกประมาณ 3 ปี โดยจะหมดสัญญาในปี 2554
เหตุผลที่ปิดโรบินสันสาขาสีลมนี้ เพราะว่า พื้นที่ของสาขาสีลมนี้มีขนาดเล็กเกินไป ไม่เหมาะสมกับแผนการรีโนเวตปรับโฉมใหม่ของโรบินสัน เพื่อที่จะให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค และขยายสู่กลุ่มเป้าหมายระดับบนมากขึ้นด้วย ประกอบกับ ทางเจ้าของพื้นที่มีแผนที่จะนำเอาพื้นที่ดังกล่าวคืนเพื่อลงทุนทางด้านศูนย์บริการสุขภาพและความงาม จึงทำให้ต้องปิดสาขานี้ลง
ทั้งนี้บริษัทฯได้จัดกิจกรรมโปรโมชั่นลดราคาครั้งใหญ่ส่งท้ายก่อนปิดสาขาอย่างถาวร โดยให้ส่วนลดสูงสุดที่ 70-90% ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 25 เม.ย. – 23 พ.ค. ซึ่งจากการเริ่มโปรโมชั่นดังกล่าวในปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีลูกค้าให้ความสนใจอย่างมากมาย
อย่างไรก็ตาม การปิดสาขาสีลมในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้คงจะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้รวมของบริษัทฯในปีนี้ เนื่องจากบริษัทฯมีแผนการตลาดต่อเนื่องรวมทั้งยังมีแผนลงทุนขยายสาขาเพิ่มขึ้นในปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 3 สาขา ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการได้ภายในปี 2552 ในต่างจังหวัดคือ ชลบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น และแผนเพิ่มขึ้นอีก 6 สาขา ภายในปี 2553
สำหรับการทำตลาดในช่วงไตรมาส 2 นี้ แนวโน้มยังคงไม่สดใสเท่าใดนัก บริษัทฯยังคงต้องทำตลาดอย่างใช้ความระมัดระวังเช่นกัน เพราะว่ายังมีอีกหลายปัจจัยลบที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอด รวมทั้งราคาข้าวแพง ซึ่งเท่ากับว่าค่าครองชีพของผู้บริโภคมีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อที่ลดลงด้วย
ดังนั้นในไตรมาสที่สองนี้ บริษัทฯจึงได้เตรียมจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องหลักๆรวม 5 กิจกรรม ประกอบด้วย 1.Back to School , 2.ถึงก่อน มีสิทธิ์ก่อน, 3.เซอร์ไพร้ส์ เซลส์ , 4.บิวตี้ พาราไดซ์ และ 5. I AM A MAN เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนยอดขายของไตรมาสแรกปีนี้ทำยอดขายได้เกินเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
เมื่อช่วงต้นปีนี้ ผู้บริหารของโรบินสันคือนายปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน เคยกล่าวไว้ว่า กลยุทธ์การดำเนินงานของปีนี้คือ “โรบินสันเรฟโวลูชั่น” ประกอบด้วย 5 แนวคิดหลัก ซึ่ง 1 ในนั้นคือ การปรับภาพลักษณ์ใหม่ของโรบินสันชูความเป็นไลฟ์สไตล์ ซึ่งเริ่มไปแล้วที่เชียงใหม่ ส่งผลยอขายเพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน และเตรียมที่จะเผยโฉมอีก 3 สาขาในรูปแบบใหม่นี้ที่เรียกว่าแฟล็กชิฟ สโตร์ ที่ รัชดาภิเษก อุดรธานี และภูเก็ต ใช้งบลงทุนรวม 400 ล้านบาท
นอกจากการพัฒนารูปแบบแฟล็กชิฟ สโตร์ รวมถึงการปรับปรุงสาขาเดิมแล้ว ปีนี้บริษัทฯยังได้จัดสรรงบประมาณอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณจากการดำเนินงานที่มีอยู่ มาใช้ในการขยายสาขาเพิ่มอีก 6 สาขา ใน 2 ปีหลังจากนี้ เฉลี่ยลงทุน 500 ล้านบาทต่อสาขา โดยขณะนี้ 3 สาขา คือ ชลบุรี ขอนแก่น (เป็นโครงการร่วมของกลุ่มซีพีเอ็น) และอุบลราชธานี ซึ่งเป็นโครงการของการบริหารส่วนท้องถิ่น อยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าในปีหน้าจะเปิดให้บริการได้ ส่วนอีก 3 สาขาที่เหลือ อยู่ในระหว่างการเจรจาสรุปโครงการ คาดว่าจะเปิดทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยในปี 2553 น่าจะเปิดให้บริการได้เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้โรบินสันมีจำนวนถึง 27 สาขา