รอยเตอร์/เอเอฟพี – กลุ่มนักเขียนชื่อดังของอังกฤษ ออกมาเรียกร้อง “เทสโก้” ถอนฟ้องเรียกค่าเสียหายก้อนมหึมา ต่อบรรดานักวิจารณ์ในเมืองไทย ที่ตั้งข้อกังขาเกี่ยวกับการขยายเครือข่ายห้างค้าปลีกในประเทศไทย ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการด้านการแข่งขันที่เป็นธรรมของแดนผู้ดี ก็ประกาศผลการสอบสวน ซึ่งระบุพวกซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่เฉกเช่นเทสโก้ ไม่ได้ทำความผิดอะไรชัดเจน แต่ก็แนะให้มีการตรวจสอบเข้มงวดยิ่งขึ้น
เทสโก้ในประเทศไทยได้ฟ้องร้อง ว่าที่ร้อยเอก จิต ศิรธรานนท์ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคอลัมนิสต์อีก 2 คน ด้วยข้อหาหมิ่นประมาท โดยเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง 16.4 ล้านปอนด์ ซึ่งจดหมายเปิดผนึกที่นักเขียนดังของอังกฤษเหล่านี้ส่งถึง เทอร์รี เลียฮีห์ บิ๊กบอสของเทสโก้ บอกว่า เป็นความพยายาม “อย่างไม่ได้สัดส่วนเหตุผลโดยสิ้นเชิง” ด้วยความประสงค์ที่จะปิดปากพวกนักวิจารณ์
“การเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1.6 ล้านปอนด์ และ 16.4 ล้านปอนด์ จากพวกนักธุรกิจและปัจเจกบุคคลชาวไทยเช่นนี้ เราเชื่อว่าคือการส่งสารอันชวนให้หนาวยะเยือกต่อคนอื่นๆ ผู้ซึ่งหาทางอย่างถูกต้องตามกฎหมายยิ่ง ที่จะถกเถียงกันเรื่องผลกระทบของเทสโต้ที่มีต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นของพวกเขา” จดหมายเปิดผนึกกล่าว
“นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดผิดจากความเข้าใจของพวกเราในเรื่องกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งยอมรับความจำเป็นสำหรับการที่ปัจเจกบุคคลและองค์การ ในการปกป้องสิทธิและชื่อเสียงของพวกเขา ตราบเท่าที่การกระทำเพื่อพิทักษ์ปกป้องนั้นๆ เชื่อได้ว่ามีความจำเป็นและได้สัดส่วนของเหตุผล”
นักเขียนที่ร่วมลงชื่อในจดหมายนี้มีอาทิ นิค ฮอร์นบี ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “ไฮ ฟิเดลิตี้” และ “อะเบาต์ อะ บอย”, โจแอนน์ แฮร์ริส ผู้เขียนเรื่อง “ช็อกโกแลต”, และ มารินา เลวีกคา ผู้เขียนหนังสือเบสต์เซลเลอร์เรื่อง “อะ ชอร์ต ฮิสทอรี ออฟ แทร็กเตอร์ส อิน ยูเครเนียน”
ทางด้าน คณะกรรมาธิการเพื่อการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมของอังกฤษ วานนี้(30)ได้เผยผลการสอบสวนเป็นเวลาสองปี เกี่ยวกับการแข่งขันทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในภาคค้าปลีกออกมา โดยสรุปว่าไม่พบความผิดปกติในด้านการแข่งขันระหว่างธุรกิจยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ รวมทั้งได้ปฏิเสธเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายที่อยากเห็น เทสโก ซึ่งเป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ขายคลังสินค้าและที่ดินที่ซื้อเอาเก็บไว้จำนวนมาก
เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่ตกเป็นเป้าของการร้องเรียน มีสี่แห่งด้วยกันคือ เทสโก้, อัลด้า ที่วอลมาร์ทเป็นเจ้าของ, เซนสบิวรี่ และวิลเลี่ยม มอริสสัน ทั้งสี่รายครองตลาดค้าปลีก 65% ของอังกฤษที่มีมูลค่ารวมสูงถึง 120,000 ล้านปอนด์ โดยมีเทสโก้ครอบครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่ารายอื่น ๆมาก
ด้วยส่วนแบ่งตลาดเช่นนี้ทำให้บรรดาธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก ๆ ร่วมกันเรียกร้องให้ทางการเข้าควบคุมการสยายอำนาจทางธุรกิจของกลุ่มบิ๊กโฟร์ และมุ่งเป้าไปที่เทสโก้เป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการประกาศว่า การสอบสวนไม่พบว่าการทำธุรกิจของเทสโก้ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันเสรีในตลาดอังกฤษแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลร้ายที่ร้านค้าปลีกเล็ก ๆอ้างว่าตนเองได้รับ
กระนั้น คณะกรรมาธิการก็พบว่าในบางท้องที่นั้นไม่เกิดการแข่งขันในด้านค้าปลีกกันเท่าที่ควร และได้แนะนำให้รัฐบาลเข้าประเมินสถานการณ์การแข่งขันในตลาดค้าปลีกให้ชัดเจนขึ้น เพื่อจะทำให้ตัดสินใจได้ว่าพวกซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่เหล่านี้สมควรได้รับอนุมัติให้สร้างร้านค้าใหม่ต่อไปหรือไม่ รวมทั้งควรจะมีระเบียบป้องกันเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตมิให้ทำสัญญากับเจ้าของที่ดินในแบบสกัดดาวรุ่งมิให้คู่แข่งซื้อดินและตั้งร้านมาแย่งชิงยอดขายได้
นอกจากนี้คณะกรรมาธิการก็ยังได้เสนอให้กำหนดข้อปฏิบัติความสัมพันธ์ระหว่างร้านค้ากับพวกซัปพลายเออร์เสียใหม่ รวมทั้งยังได้แนะนำว่าควรมีคณะกรรมการอิสระขึ้นมาดูแลประเด็นนี้
การประกาศผลการสอบสวนครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ธุรกิจค้าปลีกขนาดยักษ์ในอังกฤษโล่งใจขึ้น เพราะว่าตอนนี้คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคกำลังสอบสวนเรื่องการฮั้วราคาในผลิตภัณฑ์นมและบุหรี่ในหมู่ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะกรรมาธิการชุดนี้ก็ยังได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆด้วยส่อเค้าว่าอาจจะมีการขยายการสอบสวนออกไปอีก
เทสโก้ในประเทศไทยได้ฟ้องร้อง ว่าที่ร้อยเอก จิต ศิรธรานนท์ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคอลัมนิสต์อีก 2 คน ด้วยข้อหาหมิ่นประมาท โดยเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง 16.4 ล้านปอนด์ ซึ่งจดหมายเปิดผนึกที่นักเขียนดังของอังกฤษเหล่านี้ส่งถึง เทอร์รี เลียฮีห์ บิ๊กบอสของเทสโก้ บอกว่า เป็นความพยายาม “อย่างไม่ได้สัดส่วนเหตุผลโดยสิ้นเชิง” ด้วยความประสงค์ที่จะปิดปากพวกนักวิจารณ์
“การเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 1.6 ล้านปอนด์ และ 16.4 ล้านปอนด์ จากพวกนักธุรกิจและปัจเจกบุคคลชาวไทยเช่นนี้ เราเชื่อว่าคือการส่งสารอันชวนให้หนาวยะเยือกต่อคนอื่นๆ ผู้ซึ่งหาทางอย่างถูกต้องตามกฎหมายยิ่ง ที่จะถกเถียงกันเรื่องผลกระทบของเทสโต้ที่มีต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นของพวกเขา” จดหมายเปิดผนึกกล่าว
“นี่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดผิดจากความเข้าใจของพวกเราในเรื่องกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งยอมรับความจำเป็นสำหรับการที่ปัจเจกบุคคลและองค์การ ในการปกป้องสิทธิและชื่อเสียงของพวกเขา ตราบเท่าที่การกระทำเพื่อพิทักษ์ปกป้องนั้นๆ เชื่อได้ว่ามีความจำเป็นและได้สัดส่วนของเหตุผล”
นักเขียนที่ร่วมลงชื่อในจดหมายนี้มีอาทิ นิค ฮอร์นบี ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “ไฮ ฟิเดลิตี้” และ “อะเบาต์ อะ บอย”, โจแอนน์ แฮร์ริส ผู้เขียนเรื่อง “ช็อกโกแลต”, และ มารินา เลวีกคา ผู้เขียนหนังสือเบสต์เซลเลอร์เรื่อง “อะ ชอร์ต ฮิสทอรี ออฟ แทร็กเตอร์ส อิน ยูเครเนียน”
ทางด้าน คณะกรรมาธิการเพื่อการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมของอังกฤษ วานนี้(30)ได้เผยผลการสอบสวนเป็นเวลาสองปี เกี่ยวกับการแข่งขันทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในภาคค้าปลีกออกมา โดยสรุปว่าไม่พบความผิดปกติในด้านการแข่งขันระหว่างธุรกิจยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ รวมทั้งได้ปฏิเสธเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายที่อยากเห็น เทสโก ซึ่งเป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ขายคลังสินค้าและที่ดินที่ซื้อเอาเก็บไว้จำนวนมาก
เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่ตกเป็นเป้าของการร้องเรียน มีสี่แห่งด้วยกันคือ เทสโก้, อัลด้า ที่วอลมาร์ทเป็นเจ้าของ, เซนสบิวรี่ และวิลเลี่ยม มอริสสัน ทั้งสี่รายครองตลาดค้าปลีก 65% ของอังกฤษที่มีมูลค่ารวมสูงถึง 120,000 ล้านปอนด์ โดยมีเทสโก้ครอบครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่ารายอื่น ๆมาก
ด้วยส่วนแบ่งตลาดเช่นนี้ทำให้บรรดาธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็ก ๆ ร่วมกันเรียกร้องให้ทางการเข้าควบคุมการสยายอำนาจทางธุรกิจของกลุ่มบิ๊กโฟร์ และมุ่งเป้าไปที่เทสโก้เป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการประกาศว่า การสอบสวนไม่พบว่าการทำธุรกิจของเทสโก้ส่งผลกระทบต่อการแข่งขันเสรีในตลาดอังกฤษแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลร้ายที่ร้านค้าปลีกเล็ก ๆอ้างว่าตนเองได้รับ
กระนั้น คณะกรรมาธิการก็พบว่าในบางท้องที่นั้นไม่เกิดการแข่งขันในด้านค้าปลีกกันเท่าที่ควร และได้แนะนำให้รัฐบาลเข้าประเมินสถานการณ์การแข่งขันในตลาดค้าปลีกให้ชัดเจนขึ้น เพื่อจะทำให้ตัดสินใจได้ว่าพวกซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่เหล่านี้สมควรได้รับอนุมัติให้สร้างร้านค้าใหม่ต่อไปหรือไม่ รวมทั้งควรจะมีระเบียบป้องกันเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตมิให้ทำสัญญากับเจ้าของที่ดินในแบบสกัดดาวรุ่งมิให้คู่แข่งซื้อดินและตั้งร้านมาแย่งชิงยอดขายได้
นอกจากนี้คณะกรรมาธิการก็ยังได้เสนอให้กำหนดข้อปฏิบัติความสัมพันธ์ระหว่างร้านค้ากับพวกซัปพลายเออร์เสียใหม่ รวมทั้งยังได้แนะนำว่าควรมีคณะกรรมการอิสระขึ้นมาดูแลประเด็นนี้
การประกาศผลการสอบสวนครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ธุรกิจค้าปลีกขนาดยักษ์ในอังกฤษโล่งใจขึ้น เพราะว่าตอนนี้คณะกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภคกำลังสอบสวนเรื่องการฮั้วราคาในผลิตภัณฑ์นมและบุหรี่ในหมู่ยักษ์ใหญ่เหล่านี้ และเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคณะกรรมาธิการชุดนี้ก็ยังได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆด้วยส่อเค้าว่าอาจจะมีการขยายการสอบสวนออกไปอีก
