คาร์ฟูร์เลือดขึ้นหน้า อัดยับข่าวลือมั่วๆขายกิจการในไทย กางบัญชีย้ำ ปีที่แล้วรายได้ 23,700 ล้านบาท เติบโต 6% กำไร 430 ล้านบาท ทุ่มงบ 4,000 เปิดสาขาด้วยสปีดเร็วขึ้น 3 เท่า
นายฟิลิปป์ โบรยานิโกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหารคาร์ฟูร์ไฮเปอร์มาร์เก็ต เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่าคาร์ฟูร์ประสบปัญหาจะขายกิจการในไทยให้กับคู่แข่งคือ บิ๊กซี นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ข่าวดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับบริษัทฯอย่างมาก ซึ่งล่าสุดเพิ่งลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สร้างออฟฟิศใหญ่แห่งใหม่ที่รังสิต
โดยผลประกอบการที่ผ่านมายอมรับว่าเมื่อปี 2548 ยังขาดทุนอยู่ แต่ปี 2549 มีกำไรแล้ว 130 ล้านบาท ส่วนปีที่แล้วมีรายได้รวม 23,700 ล้านบาท เติบโต 6% มีกำไรประมาณ 430 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากากรที่คาร์ฟูร์ปรับรูปแบบการทำงานและคอนเซ็ปท์ใหม่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโต 12% ตั้งเป้าอีก 2 ปีจะกำไรเกินพันล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯยังลงทุนต่อเนื่องในไทย โดยแผน 3 ปีจากนี้ จะใช้งบลงทุนรวม 4,000 ล้านบาท เปิดรวมกว่า 26 - 28 สาขา แหล่งเงินทุนมาจากบริษัทแม่ที่ฝรั่งเศสและเงินทุนหมุนเวียนในไทยเอง
แบ่งเป็น ปีนี้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท เปิด 6-8 สาขา ใช้งบตลาด 450 ล้านบาท ปีหน้า ตั้งงบ 1,700 ล้านบาท เปิดอีก 10 สาขา เทียบแล้วมีอัตราที่เติบโตด้านเปิดสาขามากกว่าในอดีตที่เปิดเพียง 2-3 สาขาต่อปีเท่านั้น ปีนี้เปิดแล้วที่สุขาภิบาล 1 และหนองจอก คาดสิ้นปีนี้จะมีรวม 33-34 สาขา จากสิ้นปีที่แล้วมี 22 สาขา
"ก่อนหน้านี้เราช้ากว่ารายอื่น มีปัญหาในองค์กรเราเอง แต่ตอนนี้เรากลับมาอยู่ในธุรกิจที่จริงจังอีกครั้ง มีการเติบโตที่ดี แนวทางธุรกิจที่ชัดเจน และผู้บริหารจากบริษัทแม่เพิ่งมาที่เมืองไทยไม่นานนี้ เห็นชอบกับแผนการดำเนินงานในไทยด้วย และคาร์ฟูร์ไทยก็มีผลงานดีติดท็อปเท็นของกลุ่มด้วย"
ส่วนรูปแบบสโตร์ในไทยยังเน้นไฮเปอร์มาร์เก็ต แต่มีขนาดยืดหยุ่น 3 ขนาดคือ ไฮเปอร์มินิ 2,000 ตร.ม. (จะเปิดเดือนหน้าที่อุดมสุขสวนหลวง ร. 9) และไฮเปอร์คอมแพ็ค ขนาด 4000 ตร.ม. (เช่น พระรามสองและหนองจอก) และไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ และต้นปีได้เปิดร้านไทยบูติก ที่สาขาพระรามสี่ เพื่อขายผลิตภัณฑ์โครงการหลวงอมก๋อย
ส่วนสินค้าเฮาส์แบรนด์ได้ปรับปรุงใหม่ โดยขณะนี้มีรวม 3,000 รายการ โดยมีสัดส่วนยอดขาย 5% จากยอดขายรวม ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมี 5,000 รายการ และสัดส่วนยอดขายเป็น 10% จากยอดขายรวม ตั้งงบตลาดไว้ 30 ล้านบาท
นายฟิลิปป์ โบรยานิโกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหารคาร์ฟูร์ไฮเปอร์มาร์เก็ต เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่าคาร์ฟูร์ประสบปัญหาจะขายกิจการในไทยให้กับคู่แข่งคือ บิ๊กซี นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ข่าวดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับบริษัทฯอย่างมาก ซึ่งล่าสุดเพิ่งลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สร้างออฟฟิศใหญ่แห่งใหม่ที่รังสิต
โดยผลประกอบการที่ผ่านมายอมรับว่าเมื่อปี 2548 ยังขาดทุนอยู่ แต่ปี 2549 มีกำไรแล้ว 130 ล้านบาท ส่วนปีที่แล้วมีรายได้รวม 23,700 ล้านบาท เติบโต 6% มีกำไรประมาณ 430 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากากรที่คาร์ฟูร์ปรับรูปแบบการทำงานและคอนเซ็ปท์ใหม่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าปีนี้รายได้จะเติบโต 12% ตั้งเป้าอีก 2 ปีจะกำไรเกินพันล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทฯยังลงทุนต่อเนื่องในไทย โดยแผน 3 ปีจากนี้ จะใช้งบลงทุนรวม 4,000 ล้านบาท เปิดรวมกว่า 26 - 28 สาขา แหล่งเงินทุนมาจากบริษัทแม่ที่ฝรั่งเศสและเงินทุนหมุนเวียนในไทยเอง
แบ่งเป็น ปีนี้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท เปิด 6-8 สาขา ใช้งบตลาด 450 ล้านบาท ปีหน้า ตั้งงบ 1,700 ล้านบาท เปิดอีก 10 สาขา เทียบแล้วมีอัตราที่เติบโตด้านเปิดสาขามากกว่าในอดีตที่เปิดเพียง 2-3 สาขาต่อปีเท่านั้น ปีนี้เปิดแล้วที่สุขาภิบาล 1 และหนองจอก คาดสิ้นปีนี้จะมีรวม 33-34 สาขา จากสิ้นปีที่แล้วมี 22 สาขา
"ก่อนหน้านี้เราช้ากว่ารายอื่น มีปัญหาในองค์กรเราเอง แต่ตอนนี้เรากลับมาอยู่ในธุรกิจที่จริงจังอีกครั้ง มีการเติบโตที่ดี แนวทางธุรกิจที่ชัดเจน และผู้บริหารจากบริษัทแม่เพิ่งมาที่เมืองไทยไม่นานนี้ เห็นชอบกับแผนการดำเนินงานในไทยด้วย และคาร์ฟูร์ไทยก็มีผลงานดีติดท็อปเท็นของกลุ่มด้วย"
ส่วนรูปแบบสโตร์ในไทยยังเน้นไฮเปอร์มาร์เก็ต แต่มีขนาดยืดหยุ่น 3 ขนาดคือ ไฮเปอร์มินิ 2,000 ตร.ม. (จะเปิดเดือนหน้าที่อุดมสุขสวนหลวง ร. 9) และไฮเปอร์คอมแพ็ค ขนาด 4000 ตร.ม. (เช่น พระรามสองและหนองจอก) และไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ และต้นปีได้เปิดร้านไทยบูติก ที่สาขาพระรามสี่ เพื่อขายผลิตภัณฑ์โครงการหลวงอมก๋อย
ส่วนสินค้าเฮาส์แบรนด์ได้ปรับปรุงใหม่ โดยขณะนี้มีรวม 3,000 รายการ โดยมีสัดส่วนยอดขาย 5% จากยอดขายรวม ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมี 5,000 รายการ และสัดส่วนยอดขายเป็น 10% จากยอดขายรวม ตั้งงบตลาดไว้ 30 ล้านบาท