xs
xsm
sm
md
lg

เอดีบีเตือนภัย ปท.เอเชีย ผลพวงน้ำมันดันเงินเฟ้อพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- วิกฤตน้ำมันลุกลามกดดันเงินเฟ้อทั่วโลก ล่าสุดทะยานใกล้แตะ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ประเทศในภูมิภาคเอเชีย กำลังถูกท้าทายด้วยการเร่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในรอบหลายๆปี "ไอเอ็มเอฟ-เอดีบี" แนะควรใช้มาตรการการคลังอัดฉีดโดยตรง ด้านตลาดในไทยปตท.-บางจากขยับดีเซลอีกระลอก 50 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันนี้(24เม.ย.) หลังน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่ง จับตากระทรวงพลังงานเล็งลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 1 บาทต่อลิตรอุ้มขนส่ง

แนวโน้มการปรับขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก ยังไม่มีสัญญาณที่จะปรับเปลี่ยนเข้าสู่ปัจจัยบวก แต่กำลังซ้ำเติมต่อเศรษฐกิจของโลก โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตที่เข้าไปกดดันให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น

ล่าสุดสำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก เพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคม มีราคาทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 119.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ระหว่างการซื้อขายช่วงหนึ่งที่นิวยอร์กวันอังคาร(22) ก่อนที่จะถอยลงมาปิดตลาดวันนั้น ณ 119.37 ดอลลาร์ ซึ่งก็ถือเป็นนิวไฮสำหรับราคาปิดของน้ำมันดิบชนิดนี้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสัญญาเพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคมของไลต์สวีตครูด ครบกำหนดชำระบัญชีกันในวันอังคาร หลังจากการซื้อขายของตลาดไนเม็กซ์ปิดในวันนั้น จึงไม่มีการซื้อขายกันอีก และราคาสัญญาเพื่อการส่งมอบเดือนถัดไปคือเดือนมิถุนายน ก็จะถูกใช้ในการอ้างอิงราคาตัวหลักของไลต์สวีตครูด โดยปรากฏว่า ในแถบเอเชียวานนี้(23) สัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายนนี้อยู่แถวๆ 118.16 ดอลลาร์ สูงขึ้นจากราคาปิดวันอังคาร 9 เซ็นต์ ต่อมาเมื่อถึงช่วงซื้อขายตอนใกล้เที่ยงของแถบยุโรป ราคาได้ไหลลงมาที่ 117.74 ดอลลาร์

ทางด้านการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ เพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายน ของตลาดลอนดอน ราคาปิดวันอังคารอยู่ที่ 115.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลซึ่งถือเป็นนิวไฮสำหรับราคาปิด โดยก่อนหน้านั้น ก็ได้ทำสถิติสูงสุดระหว่างวัน ณ 116.75 ดอลลาร์ สำหรับช่วงใกล้เที่ยงวานนี้ เบรนต์ถอยลงมาอยู่ที่ 115.53 ดอลลาร์

พวกเทรดเดอร์บอกว่า สาเหตุที่ขับดันให้ราคาน้ำมันพุ่งลิ่ว ยังคงเป็นเรื่องเดิมๆ อาทิ เงินดอลลาร์ที่อ่อนตัว โดยในวันอังคารเป็นครั้งแรกที่เงิน 1 ยูโรสามารถแลกได้มากกว่า 1.6 ดอลลาร์แล้ว

นอกจากนั้น ตลาดยังคงกังวลเรื่องสถานการณ์ในประเทศไนจีเรีย ซึ่งพวกกบฏระเบิดท่อส่งน้ำมัน จนกระทบยอดส่งออกของประเทศนั้น ตลอดจนเรื่องคนงานในโรงกลั่นน้ำมันสกอตแลนด์นัดหยุดงาน

ในกรุงโรมวันอังคาร บรรดารัฐมนตรีจาก 74 ประเทศที่เข้าร่วมการ "เวทีประชุมพลังงานระหว่างประเทศ" ได้ร่วมกันแถลงว่า ราคาน้ำมันควรจะอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ของทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค เพื่อเป็นหลักประกันการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา

ขณะที่ รัฐมนตรีน้ำมันซาอุดีอาระเบีย อาลี อัลไนมี ซึ่งเข้าร่วมประชุมที่กรุงโรมด้วย เรียกร้องให้ตั้งสติในขณะที่ราคาน้ำมันพุ่งลิ่ว โดยเขายืนยันว่าเวลานี้ โลกไม่ได้ขาดแคลนน้ำมัน

เงินเฟ้อหลายชาติเอเชียพุ่งลิ่ว

ราคาน้ำมันตลอดจนราคาอาหารซึ่งทะยานขึ้นลิบลิ่ว กำลังทำให้บรรดาชาติเอเชียประสบปัญหาเงินเฟ้อขยับขึ้นแรง เป็นต้นว่า สิงคโปร์เจอเงินเฟ้อเดือนมีนาคมสูงกว่าระยะเดียวกันของปีก่อนอยู่ 6.7% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 26 ปี ส่วนมาเลเซียเดือนเดียวกันก็สูงขึ้น 2.8% อันเป็นอัตราขึ้นไปมากสุดในรอบ 13 เดือน

ด้านออสเตรเลียบอกว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังเร่งฝีเท้าเร็วสุดในรอบ 17 ปี ขณะที่อินโดนีเซียและเวียดนามก็เพิ่มตัวเลขทำนายเงินเฟ้อ

ทางการผู้รับผิดชอบของประเทศเอเชีย ซึ่งเศรษฐกิจพึ่งพาการส่งออกเป็นอย่างมาก ต่างไม่ค่อยอยากจะต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ ด้วยการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่จะต้องส่งผลให้ค่าเงินของประเทศเหล่านี้แข็งขึ้นตามไปด้วย

ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) และ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ก็ออกมาเรียกร้องในสัปดาห์นี้ว่า ชาติเอเชียควรใช้มาตรการทางการคลังโดยตรง เพื่อรองรับผลกระทบของระดับราคาซึ่งพุ่งสูง ที่กำลังทำให้เกิดการประท้วงต่อต้านในหลายๆ ประเทศตั้งแต่ฟิลิปปินส์ไปจนถึงบังกลาเทศ

ขณะเดียวกัน ตลาดการเงินก็กำลังวางเดิมพันว่า ทางการจะต้องประกาศใช้มาตรการอันดุเดือด และสกุลเงินตราทั่วทั้งเอเชียวานนี้ก็เพิ่มค่าขึ้นทั่วหน้า ส่วนหนึ่งเนื่องจากตลาดคาดการณ์กันว่า หากทางการไม่ขึ้นดอกเบี้ย ก็ต้องยอมให้ค่าเงินตราปรับตัวสูงขึ้น เพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อให้อยู่หมัด

ปตท.-บางจากขึ้นราคาดีเซลอีก 50 ส.ต./ลิตร

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. เปิดเผยว่า ปตท.ได้ตัดสินใจปรับขึ้นราคาดีเซลอีก 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันนี้(24เม.ย.) เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกยังมีทิศทางที่สูงขึ้น โดยล่าสุดน้ำมันดิบสหรัฐฯขยับสูงถึง 119.37 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลและแม้ว่าปตท.จะขึ้นราคาดีเซลแล้วก็ยังต่ำกว่ารายอื่นๆ อยู่ 50 สตางค์ต่อลิตรโดยดีเซลปตท.อยู่ที่ 32.94 บาทต่อลิตร

“แม้ว่าจะมีการปรับขึ้น ก็ยังราคาต่ำและยังรับภาระขาดทุนอยู่ เพราะค่าการตลาดติดลบ 1.60 บาทต่อลิตร และเมื่อรวมกับการรับภาระตั้งแต่ต้นปีทำให้ปตท.ต้องขาดทุนไปแล้วประมาณ 2,300 ล้านบาท และราคาตลาดโลกยังไม่รู้ว่าจะไปหยุดที่ใด จึงถือว่าเป็นภาวะวิกฤตราคาน้ำมันแล้วทางออกที่ดีคือทุกคนคงจะต้องร่วมกันประหยัด”นายชัยวัฒน์กล่าว

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า บางจากตัดสินใจปรับราคาดีเซล 50 สตางค์ต่อลิตรตามปตท.แต่ราคาดีเซลบางจากและปตท.ก็ยังต่ำกว่ารายอื่นๆ 50 สตางค์ต่อลิตรจากเดิมที่ต่ำกว่า 1 บาทต่อลิตรซึ่งทำให้บริษัทฯ ต้องแบกรับภาระขาดทุนเพิ่มขึ้น

วิกฤติน้ำมันโลก

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ถือเป็นวิกฤติน้ำมันของโลกเพราะ 6 ปีราคาน้ำมันตลาดโลกเฉลี่ยเพิ่มขึ้นแล้ว 5 เท่าตัวหรือปรับขึ้น 500% และปีนี้ราคาน้ำมันดิบสหรัฐคาดว่าจะปรับฐานอยู่ระดับ 110 เหรียญต่อบาร์เรล จากเดิมมองไว้แค่ระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าสูงกว่าที่คาด อย่างไรก็ตามระยะสั้น น้ำมันยังผันผวนทิศทางที่สูงขึ้น แต่อาจจะมีการเทขายทำกำไรบ้างแต่คงไม่มากเพราะยังมีความต้องการอยู่

“น้ำมันดิบตลาดโลกมีโอกาสเห็น 125-130 เหรียญต่อบาร์เรลแต่ระดับ 150 เหรียญต่อบาร์เรลจะเกิดขึ้นได้ต้องมีปัจจัยที่ผิดปกติซึ่งต้องติดตามหากเกิดปัญหาฟองสบู่แตกราคาก็อาจจะลดลงมาได้อีกคงต้องดูกันใกล้ชิดยากที่จะเดาได้แต่ระยะสั้นยังไม่เห็นวี่แววว่าจะลดลงและ 6 เดือนนี้หากยังไม่มีการปรับตัวลดปีนี้ก็หวังยากที่จะเห็นน้ำมันดิบสหรัฐต่ำกว่า 100 เหรียญต่อบาร์เรล”นายมนูญ กล่าว

เล็งลดภาษีฯ ดีเซล 1 บ./ลิตร

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือภาคขนส่งตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งจะมีการดูทั้งข้อดีและข้อเสียเปรียบเทียบกับโดยพบว่า แนวทางที่เหมาะสมสุดคือการลดภาษีอัตรา 1 บาทต่อลิตร จากอัตราปัจจุบันที่เก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีเทศบาลที่ 2.5355 บาท/ลิตร โดยจะช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มประมงและภาคขนส่ง ซึ่งจะต้องกำหนดกรอบไม่ให้เกิดการรั่วไหลไปสู่ภาคอื่นๆ

“การใช้ดีเซลภาพรวม 50 ล้านลิตรต่อวันโดยภาคขนส่งจะใช้มากสุด ซึ่งจะต้องมีการประสานกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อที่จะกำหนดแนวทางให้ชัดเจนว่าจะจำหน่ายเพื่อลดภาษีให้กลุ่มนี้อย่างไร เช่น การกำหนดจัดทำฟลีทการ์ด เฉพาะเจาะจงต่อรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ เป็นต้น”

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการประสานงานกับคลังเพื่อกำหนดกรอบการพิจารณาทำงานร่วมกันถึงแนวทางการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลตามนโยบายรัฐบาลเพื่อให้สามารถสรุปได้ในสัปดาห์นี้ โดยจะมีการทำข้อดีและข้อเสียให้เป็นทางเลือกที่ดีสุด ส่วนการหารือร่วมกับคลังจะได้มีการประสานอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากล่าสุดปลัดกระทรวงการคลังติดภารกิจจึงยังไม่ได้หารือร่วมกัน

"คลัง-พลังงาน" ถกลดภาษีวันนี้

นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า วันนี้ (24 เม.ย.) กระทรวงการคลัง โดยนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานการประชุม จะหารือร่วมกับนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน และนายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เพื่อหาแนวทางในการลดหย่อนการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ให้กับภาคขนส่งตามนโยบายรัฐบาล เพราะภาคการขนส่งถือเป็นต้นทุนของอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด

ทั้งนี้ นายศุภรัตน์กล่าวว่า แต่ละฝ่ายจะหยิบยกเอาข้อเสนอของตนเองขึ้นมาพิจารณาร่วมกัน ส่วนนางพรรณียอมรับว่า การลดภาษีเฉพาะกลุ่มไม่ค่อยเป็นธรรม แต่หากพิจารณาแล้วได้ประโยชน์มากกว่าคงต้องเร่งดำเนินการให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว ส่วนมาตรการช่วยเหลือภาคการขนส่งโดยการลดภาษีสรรพสามิตจะเป็นมาตรการช่วยเหลือระยะยาวหรือระยะสั้นนั้น ยังต้องหารือกันก่อน

ราคาน้ำมันหน้าปั๊มยังต่ำกว่าหน้าโรงกลั่น

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากราคาน้ำมันดิบที่สร้างสถิติใกล้ 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะมีผลทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการค้าน้ำมันได้แบกรับภาระค่าน้ำมันบางส่วนไว้ ทำให้ราคาดีเซลหน้าปั๊มขายต่ำกว่าราคาหน้าโรงกลั่นถึงลิตรละเกือบ 2 บาท ทั้งๆที่ความจริงราคาดีเซลหน้าปั๊มน้ำมันควรจะสูงกว่าราคาหน้าโรงกลั่นลิตรละ 1 บาทเศษ หากราคาขายปลีกน้ำมันสะท้อนตามต้นทุนน้ำมันที่แท้จริง ราคาขายปลีกเบนซินจะต้องปรับขึ้นอีกลิตรละ 1 บาท อยู่ที่ลิตรละ 37 บาท และดีเซลจะปรับขึ้นอีกลิตรละ 2-3 บาท หรือไปอยู่ที่ลิตรละ 35-36 บาทจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาดีเซลอีกลิตรละ 50 ส.ต.ต่อลิตร

ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาร่วมกับกระทรวงพลังงานเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มขนส่งและประมงโดยจะปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง 1บาท/ลิตร นายประเสริฐ กล่าววว่า หากรัฐตัดสินใจลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงเพื่อช่วยเหลือกลุ่มภาคขนส่งหรือไม่นั้น ไม่มีผลกระทบต่อผู้ค้าน้ำมัน เพียงแต่ภาครัฐจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการเท่านั้น จึงถือเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ประกอบการ ทางปตท.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการร่วมหาแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลของน้ำมันที่ลดภาษีไปใช้ในกลุ่มภาคธุรกิจอื่นๆนอกเหนือจากที่กำหนด

นายประเสริฐ กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก ถึงจุดหนึ่งก็คงมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก แต่ตราบใดที่เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวต่อไปได้ ก็จะเห็นความต้องการใช้น้ำมันโลกยังเติบโตขึ้นปีละ 1-2% โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศอินเดียและจีนยังเติบโตสูงทำให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้น แต่เมื่อราคาน้ำมันปรับขึ้นไปสูงมากจนมีผลทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และการใช้น้ำมันลดลง เชื่อว่าสุดท้ายราคาน้ำมันก็คงต้องปรับลดลงมา แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐว่าจะสิ้นสุดการอ่อนค่าลงเมื่อใด

ปตท.สผ.ไตรมาสแรกยอดขายพลาดเป้า

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวภายหลังการลงนามสัญญาแต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดจำหน่ายตั๋วแลกเงินระยะสั้น(บี/อี)วงเงิน 2,000 ล้านบาทวานนี้ (23เม.ย.)ว่า ขณะนี้แหล่งอาทิตย์ได้ดำเนินการผลิตและส่งก๊าซฯได้เพิ่มขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 330 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันแล้ว หลังจากเมื่อ 16 มี.คที่ผ่านมา ป้อนก๊าซฯเข้าระบบเพียง 200 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน จากความล่าช้าในการส่งป้อนก๊าซฯจากเดิมเดือนก.พ.มาเป็นกลางมี.ค.นี้ ทำให้ผลการดำเนินงานของปตท.สผ.ในไตรมาส1/2551 มียอดขายปิโตรเลียมต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิมว่าจะมียอดขายอยู่ที่ 223,334 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ/วัน

แต่เชื่อว่าทั้งปี บริษัทฯน่าจะทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้เพราะแหล่งปิโตรเลียมที่เวียดนามจะเริ่มผลิตน้ำมันได้ 2 หมื่นบาร์เรล/วันในไตรมาส 3นี้ รวมทั้งรักษาระดับการผลิตน้ำมันที่แหล่งสิริกิติต์ไว้ที่ 2 หมื่นบาร์เรล/วันด้วย แม้ว่าแหล่งอาทิตย์จะดีเลย์การผลิตก๊าซฯป้อนเข้าระบบเป็นเวลา 1เดือน แต่ล่าสุดพบว่ามีปริมาณคอนเดนเสทที่ผลิตได้สูงกว่าเดิมที่กำหนดไว้ ทำให้มีรายได้เข้ามาช่วยทดแทนรายได้ที่สูญหายไปจากการล่าช้าของโครงการ

ดังนั้นรายได้ของปตท.สผ.ในปีนี้น่าจะปรับเพิ่มสูงกว่าที่ตั้งเป้าหมายเดิมไว้ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นทำให้ราคาน้ำมันดิบที่เคยประมาณการณ์ว่าจะขายที่ระดับราคา 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ได้ขยับเพิ่มเป็น 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้ราคาก๊าซฯงวดใหม่จะปรับราคาเพิ่มขึ้นด้วย โดยล่าสุดราคาขายก๊าซฯเฉลี่ยอยู่ที่ 5.4 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู

นายอนนต์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทฯได้จัดโครงการกู้เงินระยะสั้น โดยออกตั๋วแลกเงิน (บี/อี)ขึ้นเป็นครั้งแรก และเป็นการสร้างทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุนและเพิ่มช่องทางการระดมมทุนระยะสั้นของบริษัทฯ โดยจะเสนอขายแบบหมุนเวียนเป็นประจำทุกเดือนให้แก่นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน จะใช้วิธีการจัดประมูลเพื่อคัดเลือกสถาบันการเงินให้เป็นผู้จัดจำหน่ายเริ่มตั้งแต่เม.ย.เป็นต้นไป โดยครั้งแรกได้คัดเลือกธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ชนะประมูลในวงเงินออกตั๋วบี/อี 2,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.08%ต่อปี อายุ 91 วัน จะจัดจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 28 เม.ย.นี้ มูลค่าขั้นต่ำฉบับละ 10 ล้านบาท สำหรับการออกตั๋วบี/อีในเดือนถัดไปจะจัดประมูลทุกวันพุธที่ 3 ของเดือน

ทั้งนี้ บริษัทฯมีแผนจะออกตั๋วบี/อี 3 ครั้งๆละ 2,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอที่จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยช่วงนี้บริษัทฯจะต้องใช้เงินในการจ่ายภาษี 2 หมื่นล้านบาทและเงินปันผลอีก 5 พันล้านบาท รวมทั้งต้องการกันสำรองเงินไว้ประมาณ 5 พันล้านบาทด้วย ซึ่งการออกตั๋วบี/อีจะพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้เงิน

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทไม่มีแผนจะออกหุ้นกู้ระยะยาว เว้นแต่มีการตัดสินใจลงทุนโครงการใหม่ๆที่นอกเหนือจากแผนเดิมและอัตราดอกเบี้ยต่ำลงกว่านี้ โดยปีนี้บริษัทฯมีแผนจะลงทุนโครงการต่างๆเป็นเงิน 8 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งบริษัทฯมีเงินสดในมืออยู่ 2.4 หมื่นล้านบาท กระแสเงินจากการดำเนินงาน และเงินจากตั๋วบี/อี และเงินกู้ที่ออกมาเมื่อปีที่แล้วอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาททำให้เพียงพอต่อการลงทุนในปีนี้

อสังหาฯ ปรับตัวรับน้ำมันแพง

นายพงษ์พิษณุ ภัทรประสิทธิ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ฐากรกิจ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวของราคาน้ำมันและราคาวัสดุก่อสร้างในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อต้นุทนการก่อสร้างบ้านในโครงการของบริษัทค่อนข้างมาก โดยนับจากช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมาราคาวัสดุก่อสร้างทยอยปรับราคาขายขึ้นไปแล้วกว่า 7% ซึ่งบริษัทต้องแก้ปัญหาต้นทุนการก่อสร้างดังกล่าว โดยการลดเกรดวัสดุก่อสร้างภายในบ้านลงจากเดิมใช้วัสดุก่อสร้างเกรดพรีเมียมลงมาใช้วัสดุเกรดเอแทน

ทั้งนี้ การปรับมาใช้วัสดุก่อสร้างเกรดเอแทนวัสดุพรีเมียม ช่วยให้บริษัทลดต้นทุนจากการก่อสร้างลงมาได้ 4-5% ส่วนต้นทุนส่วนเกิน 2-3% นั้นบริษัทต้องยอมขาดทุนกำไร แบกรับต้นทุนก่อสร้างบ้านในส่วนที่เหลือเอาไว้ เนื่องจากต้องการยืนราคาขายบ้านราคาเดิมเอาไว้ เพื่อรองรับกำลังซื้อของลูกค้าที่ลดลงจากปัญหาเงินเฟ้อและการปรับตัวของค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าราคาวัสดุก่อสร้างจะปรับตัวขึ้นตามต้ทุนน้ำมัน ทั้งนี้ ปัญหาซับไพรม์ในสหรัฐฯ เป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก หากอเมริกาฯยังไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ เชื่อว่าจะทำให้แนวโน้มการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้างแตะระดับ 20%
กำลังโหลดความคิดเห็น