คลังเตรียมหารือ ก.พลังงาน ใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลระยะสั้น หวังอุ้มเฉพาะ3 กลุ่ม ขนส่ง เกษตร และประมง เพื่อให้เกิดการบิดเบือนตลาด คาดรัฐสูญเสียรายได้ไม่มาก และเงินเฟ้อขึ้นในระดับที่คุมได้ ขณะที่เอกชนค้านเพราะจะทำให้ต้องไปเก็บภาษีจากกลุ่มอื่นมาช่วยแทน แนะให้หาวิธีอื่น เช่นติด NGV ให้ฟรี ยอมรับหากทำผู้ค้าจะปฏิบัติยากในการขอคืนภาษี ด้านปตท.-บางจาก ขึ้นน้ำมันทุกชนิด 50 สต.วันนี้ ขณะที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงกว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หวั่นศก.จีนชะลอตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปตท.และบางจากได้แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันขึ้นทุกชนิด 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันนี้(19 เม.ย.) ขณะที่เชลล์ไม่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินเท่ากันทุกรายแล้วที่ระดับ 35.09 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เป็น 34.49 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 31.59 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลของปตท.และบางจากอยู่ที่ 32.44 บาทต่อลิตร ต่ำกว่าผู้ค้าน้ำมันค่ายอื่นๆอยู่ 50 สตางค์ต่อลิตร
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจนแตะระดับสูงสุด ทุกชนิดในวันที่
18 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ค่าการตลาดติดลบ 1.02บาทต่อลิตร จึงจำเป็นต้องมีการขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในวันนี้อีกลิตรละ 50 สตางค์
รายงานข่าวจากบริษัทไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)แจ้งว่า ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวันที่ 17 เม.ย. เวสต์เท็กซัสลดลง 0.07 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปิดที่ 114 .86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยระหว่างซื้อขายขึ้นไปแตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 115.54 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเนื่องค่าเงินดอลลาร์ผันผวน ดูไบขึ้น 1.76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปิดที่สถิติใหม่ 106.34 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลตามเวสต์เท็กซัส ส่วนสำเร็จรูปสิงคโปร์เบนซิน 95 ขึ้น 2.35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปิดที่สถิติใหม่ 120.33 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดีเซลขึ้น 2.12 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปิดที่สถิติใหม่ 143.69 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งสาเหตุเนื่องจากความต้องการจีนสูงขึ้นมาก ประกอบกับโรงกลั่นในจีนปิดซ่อมกระทันหัน ทำให้จีนต้องนำเข้าน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นประมาณ 20% หรืออยู่ที่ระดับ 450,000 บาร์เรล ขณะที่ IES รายงานว่าปริมาณสำรองน้ำมันของประเทศสิงคโปร์ ลดลงถึง 552,000 บาร์เรล
คลังแบะท่าลดภาษีน้ำมัน
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังพร้อมจะใช้มาตรการภาษีเพื่อช่วยลดภาระต้นทุนราคาน้ำมันให้แก่ผู้ประกอบการบางกลุ่ม เช่น ภาคขนส่ง โดยอาจพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้เฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่ลดภาษีเป็นการทั่วไป เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบให้เกิดการบิดเบือนราคา อย่างไรก็ตาม ต้องขอหารือกับกระทรวงพลังงานก่อน เนื่องจากการอุดหนุนราคาจากภาครัฐเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ซึ่งในการประชุมธนาคารโลกที่ได้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมที่สหรัฐในช่วงที่ผ่านมาได้มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว โดยที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับแนวทางการอุดหนุนราคา เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ในระยะยาวอาจเกิดปัญหาตามมามาก
"ในระยะสั้นสามารถแก้ไขปัญหาได้ ขณะเดียวกันต้องไม่ทำให้รู้สึกว่าการลดภาษีแล้วจะทำให้ประชาชนไม่รู้สึกประหยัด ถ้ามีการลดภาษีจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้" นพ.สุรพงษ์ กล่าวและย้ำว่า การแก้ไขปัญหาในรูปแบบดังกล่าวจะเป็นเพียงการแก้ปัญหาในระยะสั้น โดยจะพิจารณาทิศทางราคาน้ำมันซึ่งในขณะนี้กลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้น
นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า แม้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยเร่งตัวขึ้นในระยะนี้ แต่ก็มองว่ายังไม่น่าเป็นห่วง เพราะยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งรัฐบาลได้เข้าไปดูแลแล้วทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านต้นทุนทั้งราคาน้ำมันและราคาพืชผลเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ รวมทั้งด้านรายได้ของประชาชนที่จะต้องเพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
"ติ้ง"ถกคลังสัปดาห์หน้าลดภาษีสรรพสามิต
ด้านพลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อดูในเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลว่า จะลดลงเพื่อมาดูแลเฉพาะภาคขนส่ง เกษตรและประมง โดยจะลดได้ระยะสั้นๆ 2-3 เดือนหากราคาน้ำมันไม่ได้แพงต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์น้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยยืนยันว่าจะพยายามไม่บิดเบือนกลไกราคาและจะต้องเร่งประหยัดพลังงานควบคู่กันไป
“ ก็ต้องหารือกับกรมสรรพสามิตโดยตรง แม้ว่าใจจริงอยากช่วยทั้งหมดก็ยาก เพราะคลังเองก็จะเสียรายได้แต่ถ้าช่วยเฉพาะกลุ่มคงไม่เท่าใดนัก โดยการช่วยเหลือจะดูเป็นรายสาขา ส่วนจะลดได้เท่าใดก็จะต้องมาหารือก่อน”รมว.พลังงานกล่าว
ค้านลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า หากรัฐจะดำเนินการลดภาษีสรรพสามิตก็สามารถทำได้แต่หากเลือกลดเฉพาะบางกลุ่มสาขา อาจจะต้องควบคุมให้ดี เนื่องจากจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากเพราะปกติการลดภาษีสรรพสามิตจะลดหน้าโรงกลั่นทันที แต่เมื่อเลือกช่วยเป็นบางสาขาก็จะต้องให้ผู้ค้าน้ำมันนั้นทำรายงานปริมาณการขายส่งให้รัฐแล้วพิจารณาลดภาษีตามจำนวนน้ำมันที่ขายออกไปโดยขั้นตอนจะยุ่งยากและจะตรวจสอบลำบาก แต่วิธีนี้จะทำให้รายได้รัฐหายไปน้อยกว่าการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลทั้งหมด
“ การปฏิบัติที่ง่ายก็คือการประกาศลดภาษีสรรพสามิตหน้าโรงกลั่นที่ขณะนี้รัฐเก็บอยู่ 2.30 บาทต่อลิตรก็อาจจะลดให้ 1 บาทต่อลิตรจะทำให้รัฐเสียรายได้ส่วนนี้ไปราว 50 ล้านบาทต่อวัน และกำหนดระเวลาการลดมาเลยว่า 3 เดือนหรือ 6 เดือนแต่วิธีนี้รัฐจะเสียรายได้มากกว่าซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นว่าการปล่อยให้สะท้อนต้นทุนแล้วเร่งรัดให้ประชาชนประหยัดจะเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด ”นายมนูญกล่าว
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงานกล่าวว่า รัฐไม่ควรจะอุ้มราคาน้ำมันไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเพราะที่ผ่านมาก็ชี้ให้เห็นว่าไม่ได้ทำให้เกิดการประหยัดและสูญเงินไปโดยใช่เหตุ และหากลดภาษีสรรพสามิตท้ายสุดรัฐก็จะต้องไปเพิ่มภาษีฯส่วนอื่นๆ แทนประชาชนกลุ่มอื่นต้องมารับภาระจึงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง รัฐควรเลือกช่วยเฉพาะสาขาเช่น ขนส่งที่รัฐควบคุมราคา แต่ขนส่งสินค้าที่สามารถผลักภาระค่าขนส่งไปยังผู้บริโภคได้ก็ไม่ควรช่วย หรือหากจะช่วยก็เร่งให้ติดตั้ง NGV แบบฟรีไปเลยโดยรัฐนำเงินจากส่วนอื่นมาอุดหนุนแทนจะคุ้มค่ากว่ามาก
วางแผนแม่บทพลังงานทดแทน
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันที่ 21 เม.ย.กระทรวงจะจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งใหญ่ เพื่อระดมสมอง จากผู้ที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานทดแทน เพื่อจัดทำเป็นแผนแม่บทพลังงานทดแทนใน 15 ปีข้างหน้า (ปี’51 – 65) เพื่อให้เป็นทางเลือกที่สำคัญของประชาชน และบรรเทาวิกฤตราคาน้ำมันระยะยาว
น้ำมันตลาดโลกลดวูบกว่า 2 ดอลล์
สำหรับราคาน้ำมันในตลาดโลกวานนี้ (18) ดำดิ่งลงมากว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเพิ่งทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 3 วันซ้อนในสัปดาห์นี้ โดยที่ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้ราคากลับไหลรูดลงมาเช่นนี้ ก็คือความวิตกกังวลว่าอาจจะเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคพลังงานมากเป็นอันดับสองของโลก
สัญญาล่วงหน้าเพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคมสำหรับน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก หล่นลงมา 2.07 ดอลลาร์ เหลือ 112.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ระหว่างการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเวลาราวบ่ายโมงครึ่งของลอนดอนวานนี้
ก่อนหน้านี้ ไลต์สวีตครูดเพิ่งทำสถิติสูงสุดครั้งล่าสุดที่ 115.54 ดอลลาร์ ในการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ลอนดอนวันพฤหัสบดี(17) แล้วก็ไหลลงมาบ้าง โดยไปปิดที่ตลาดนิวยอร์กวันนั้น ณ ระดับ 114.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเป็นราคาซึ่งสูงกว่าตอนปิดวันพุธอยู่ 7 เซ็นต์
ทางด้านสัญญาล่วงหน้าเพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายนสำหรับน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของตลาดลอนดอน ราวบ่ายโมงครึ่งวานนี้ที่ลอนดอน ก็ได้ไหลรูดลงมา 1.62 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 110.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ไต่ขึ้นทำนิวไฮมาหมาดๆ ในช่วงการซื้อขายระหว่างวันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 113.38 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาปิดวันนั้นอยู่ที่ 112.43 ดอลลาร์ ต่ำลงจากราคาปิดวันก่อน 23 เซ็นต์
พวกนักวิเคราะห์บอกว่า การที่ตลาดหุ้นในจีนทรุดแรงเมื่อวานนี้ ทำให้เกิดความหวั่นผวากันว่าเศรษฐกิจแดนมังกรอาจจะเริ่มต้นชะลอตัว หลังจากที่การเติบโตอย่างรวดเร็วของจีนนี่เองเป็นปัจจัยหลักประการหนึ่ง ซึ่งขับดันให้ราคาน้ำมันโลกทำสถิติสูงสุดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าในปีนี้
อันที่จริง ตลาดหลักทรัพย์ของจีนอยู่ในแนวโน้มขาลงเรื่อยมาตลอดช่วง 6 เดือนมานี้ เนื่องจากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อสูง ตลอดจนความกังวลที่คาใจว่า เศรษฐกิจแดนมังกรน่าจะโตช้าลงในระยะต่อไปของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้วานนี้ดำดิ่งลงมา 3.97% สู่ระดับราคาปิดต่ำสุดในรอบ 12 เดือน โดยที่หุ้น ปิโตรไชน่า ซึ่งเป็นหุ้นตัวใหญ่ที่สุดของตลาด ได้ตกลงมาจนเป็นครั้งแรกที่อยู่ในระดับต่ำกว่าราคาเสนอขายต่อประชาชนครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปตท.และบางจากได้แจ้งปรับราคาขายปลีกน้ำมันขึ้นทุกชนิด 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันนี้(19 เม.ย.) ขณะที่เชลล์ไม่เปลี่ยนแปลงส่งผลให้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินเท่ากันทุกรายแล้วที่ระดับ 35.09 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 เป็น 34.49 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เป็น 31.59 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลของปตท.และบางจากอยู่ที่ 32.44 บาทต่อลิตร ต่ำกว่าผู้ค้าน้ำมันค่ายอื่นๆอยู่ 50 สตางค์ต่อลิตร
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจนแตะระดับสูงสุด ทุกชนิดในวันที่
18 เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ค่าการตลาดติดลบ 1.02บาทต่อลิตร จึงจำเป็นต้องมีการขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันในวันนี้อีกลิตรละ 50 สตางค์
รายงานข่าวจากบริษัทไทยออยล์ จำกัด(มหาชน)แจ้งว่า ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดวันที่ 17 เม.ย. เวสต์เท็กซัสลดลง 0.07 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปิดที่ 114 .86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยระหว่างซื้อขายขึ้นไปแตะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 115.54 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเนื่องค่าเงินดอลลาร์ผันผวน ดูไบขึ้น 1.76 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปิดที่สถิติใหม่ 106.34 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลตามเวสต์เท็กซัส ส่วนสำเร็จรูปสิงคโปร์เบนซิน 95 ขึ้น 2.35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปิดที่สถิติใหม่ 120.33 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดีเซลขึ้น 2.12 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปิดที่สถิติใหม่ 143.69 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งสาเหตุเนื่องจากความต้องการจีนสูงขึ้นมาก ประกอบกับโรงกลั่นในจีนปิดซ่อมกระทันหัน ทำให้จีนต้องนำเข้าน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นประมาณ 20% หรืออยู่ที่ระดับ 450,000 บาร์เรล ขณะที่ IES รายงานว่าปริมาณสำรองน้ำมันของประเทศสิงคโปร์ ลดลงถึง 552,000 บาร์เรล
คลังแบะท่าลดภาษีน้ำมัน
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังพร้อมจะใช้มาตรการภาษีเพื่อช่วยลดภาระต้นทุนราคาน้ำมันให้แก่ผู้ประกอบการบางกลุ่ม เช่น ภาคขนส่ง โดยอาจพิจารณาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันให้เฉพาะกลุ่ม ไม่ใช่ลดภาษีเป็นการทั่วไป เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบให้เกิดการบิดเบือนราคา อย่างไรก็ตาม ต้องขอหารือกับกระทรวงพลังงานก่อน เนื่องจากการอุดหนุนราคาจากภาครัฐเป็นประเด็นที่อ่อนไหว ซึ่งในการประชุมธนาคารโลกที่ได้เดินทางไปเข้าร่วมประชุมที่สหรัฐในช่วงที่ผ่านมาได้มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว โดยที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับแนวทางการอุดหนุนราคา เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ในระยะยาวอาจเกิดปัญหาตามมามาก
"ในระยะสั้นสามารถแก้ไขปัญหาได้ ขณะเดียวกันต้องไม่ทำให้รู้สึกว่าการลดภาษีแล้วจะทำให้ประชาชนไม่รู้สึกประหยัด ถ้ามีการลดภาษีจะทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้" นพ.สุรพงษ์ กล่าวและย้ำว่า การแก้ไขปัญหาในรูปแบบดังกล่าวจะเป็นเพียงการแก้ปัญหาในระยะสั้น โดยจะพิจารณาทิศทางราคาน้ำมันซึ่งในขณะนี้กลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้น
นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า แม้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของไทยเร่งตัวขึ้นในระยะนี้ แต่ก็มองว่ายังไม่น่าเป็นห่วง เพราะยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ ซึ่งรัฐบาลได้เข้าไปดูแลแล้วทั้ง 2 ด้าน คือ ด้านต้นทุนทั้งราคาน้ำมันและราคาพืชผลเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ รวมทั้งด้านรายได้ของประชาชนที่จะต้องเพิ่มขึ้นเพื่อให้สามารถรองรับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย
"ติ้ง"ถกคลังสัปดาห์หน้าลดภาษีสรรพสามิต
ด้านพลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อดูในเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลว่า จะลดลงเพื่อมาดูแลเฉพาะภาคขนส่ง เกษตรและประมง โดยจะลดได้ระยะสั้นๆ 2-3 เดือนหากราคาน้ำมันไม่ได้แพงต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์น้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยยืนยันว่าจะพยายามไม่บิดเบือนกลไกราคาและจะต้องเร่งประหยัดพลังงานควบคู่กันไป
“ ก็ต้องหารือกับกรมสรรพสามิตโดยตรง แม้ว่าใจจริงอยากช่วยทั้งหมดก็ยาก เพราะคลังเองก็จะเสียรายได้แต่ถ้าช่วยเฉพาะกลุ่มคงไม่เท่าใดนัก โดยการช่วยเหลือจะดูเป็นรายสาขา ส่วนจะลดได้เท่าใดก็จะต้องมาหารือก่อน”รมว.พลังงานกล่าว
ค้านลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า หากรัฐจะดำเนินการลดภาษีสรรพสามิตก็สามารถทำได้แต่หากเลือกลดเฉพาะบางกลุ่มสาขา อาจจะต้องควบคุมให้ดี เนื่องจากจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากเพราะปกติการลดภาษีสรรพสามิตจะลดหน้าโรงกลั่นทันที แต่เมื่อเลือกช่วยเป็นบางสาขาก็จะต้องให้ผู้ค้าน้ำมันนั้นทำรายงานปริมาณการขายส่งให้รัฐแล้วพิจารณาลดภาษีตามจำนวนน้ำมันที่ขายออกไปโดยขั้นตอนจะยุ่งยากและจะตรวจสอบลำบาก แต่วิธีนี้จะทำให้รายได้รัฐหายไปน้อยกว่าการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลทั้งหมด
“ การปฏิบัติที่ง่ายก็คือการประกาศลดภาษีสรรพสามิตหน้าโรงกลั่นที่ขณะนี้รัฐเก็บอยู่ 2.30 บาทต่อลิตรก็อาจจะลดให้ 1 บาทต่อลิตรจะทำให้รัฐเสียรายได้ส่วนนี้ไปราว 50 ล้านบาทต่อวัน และกำหนดระเวลาการลดมาเลยว่า 3 เดือนหรือ 6 เดือนแต่วิธีนี้รัฐจะเสียรายได้มากกว่าซึ่งส่วนตัวแล้วเห็นว่าการปล่อยให้สะท้อนต้นทุนแล้วเร่งรัดให้ประชาชนประหยัดจะเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด ”นายมนูญกล่าว
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงานกล่าวว่า รัฐไม่ควรจะอุ้มราคาน้ำมันไม่ว่าจะด้วยวิธีใดเพราะที่ผ่านมาก็ชี้ให้เห็นว่าไม่ได้ทำให้เกิดการประหยัดและสูญเงินไปโดยใช่เหตุ และหากลดภาษีสรรพสามิตท้ายสุดรัฐก็จะต้องไปเพิ่มภาษีฯส่วนอื่นๆ แทนประชาชนกลุ่มอื่นต้องมารับภาระจึงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง รัฐควรเลือกช่วยเฉพาะสาขาเช่น ขนส่งที่รัฐควบคุมราคา แต่ขนส่งสินค้าที่สามารถผลักภาระค่าขนส่งไปยังผู้บริโภคได้ก็ไม่ควรช่วย หรือหากจะช่วยก็เร่งให้ติดตั้ง NGV แบบฟรีไปเลยโดยรัฐนำเงินจากส่วนอื่นมาอุดหนุนแทนจะคุ้มค่ากว่ามาก
วางแผนแม่บทพลังงานทดแทน
นายคุรุจิต นาครทรรพ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วันที่ 21 เม.ย.กระทรวงจะจัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งใหญ่ เพื่อระดมสมอง จากผู้ที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานทดแทน เพื่อจัดทำเป็นแผนแม่บทพลังงานทดแทนใน 15 ปีข้างหน้า (ปี’51 – 65) เพื่อให้เป็นทางเลือกที่สำคัญของประชาชน และบรรเทาวิกฤตราคาน้ำมันระยะยาว
น้ำมันตลาดโลกลดวูบกว่า 2 ดอลล์
สำหรับราคาน้ำมันในตลาดโลกวานนี้ (18) ดำดิ่งลงมากว่า 2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเพิ่งทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 3 วันซ้อนในสัปดาห์นี้ โดยที่ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้ราคากลับไหลรูดลงมาเช่นนี้ ก็คือความวิตกกังวลว่าอาจจะเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคพลังงานมากเป็นอันดับสองของโลก
สัญญาล่วงหน้าเพื่อการส่งมอบเดือนพฤษภาคมสำหรับน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก หล่นลงมา 2.07 ดอลลาร์ เหลือ 112.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ระหว่างการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เมื่อเวลาราวบ่ายโมงครึ่งของลอนดอนวานนี้
ก่อนหน้านี้ ไลต์สวีตครูดเพิ่งทำสถิติสูงสุดครั้งล่าสุดที่ 115.54 ดอลลาร์ ในการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ลอนดอนวันพฤหัสบดี(17) แล้วก็ไหลลงมาบ้าง โดยไปปิดที่ตลาดนิวยอร์กวันนั้น ณ ระดับ 114.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเป็นราคาซึ่งสูงกว่าตอนปิดวันพุธอยู่ 7 เซ็นต์
ทางด้านสัญญาล่วงหน้าเพื่อการส่งมอบเดือนมิถุนายนสำหรับน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของตลาดลอนดอน ราวบ่ายโมงครึ่งวานนี้ที่ลอนดอน ก็ได้ไหลรูดลงมา 1.62 ดอลลาร์ ยืนอยู่ที่ 110.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ไต่ขึ้นทำนิวไฮมาหมาดๆ ในช่วงการซื้อขายระหว่างวันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 113.38 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาปิดวันนั้นอยู่ที่ 112.43 ดอลลาร์ ต่ำลงจากราคาปิดวันก่อน 23 เซ็นต์
พวกนักวิเคราะห์บอกว่า การที่ตลาดหุ้นในจีนทรุดแรงเมื่อวานนี้ ทำให้เกิดความหวั่นผวากันว่าเศรษฐกิจแดนมังกรอาจจะเริ่มต้นชะลอตัว หลังจากที่การเติบโตอย่างรวดเร็วของจีนนี่เองเป็นปัจจัยหลักประการหนึ่ง ซึ่งขับดันให้ราคาน้ำมันโลกทำสถิติสูงสุดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าในปีนี้
อันที่จริง ตลาดหลักทรัพย์ของจีนอยู่ในแนวโน้มขาลงเรื่อยมาตลอดช่วง 6 เดือนมานี้ เนื่องจากความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อสูง ตลอดจนความกังวลที่คาใจว่า เศรษฐกิจแดนมังกรน่าจะโตช้าลงในระยะต่อไปของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้วานนี้ดำดิ่งลงมา 3.97% สู่ระดับราคาปิดต่ำสุดในรอบ 12 เดือน โดยที่หุ้น ปิโตรไชน่า ซึ่งเป็นหุ้นตัวใหญ่ที่สุดของตลาด ได้ตกลงมาจนเป็นครั้งแรกที่อยู่ในระดับต่ำกว่าราคาเสนอขายต่อประชาชนครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว