xs
xsm
sm
md
lg

แผนโอบล้อม ยึดเบ็ดเสร็จ !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เป็นอันว่ารับรู้กันในวงกว้างแล้วว่า การผลักดันแก้ไขรัฐ-ธรรมนูญเที่ยวนี้ของพรรคพลังประชาชนเป็นการดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องแต่เพียงฝ่ายเดียว ที่ทำคัญทำเพื่อ “แม้ว”กับครอบครัวเท่านั้น ชาวบ้านชาวช่องไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

นับวันสังคมได้มองเห็นธาตุแท้ได้ทะลุปรุโปร่งมากขึ้นเรื่อยๆ แม้พยายามปิดบังใช้วิธี ลับ-ลวง-พราง กันแค่ไหนก็ตาม เช่นล่าสุดเปลี่ยนมาใช้วิธีแก้ไขทั้งฉบับ อ้างหน้ากากประชาธิปไตย ตอกย้ำที่มาเผด็จการมาเป็นจุดขาย

ทั้งที่เป้าหมายหลักเพื่อหนีคดียุบพรรค และหนีคดีทุจริตในชั้นศาล เมื่อคดีค้างคาอยู่ในศาลแล้วควบคุมไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีเหนือกว่า คือ แก้รัฐธรรมนูญล้มล้างคำสั่งตั้งองค์กรตรวจสอบอย่าง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ( คตส.) มันเสียเลย

ล่าสุดยังลามปามไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) กับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กันแล้ว รวมทั้งร่ำๆ จะโละ ส.ว.สรรหา ให้กลับไปเป็นสภาผัวสภาเมียเต็มรูปแบบเหมือนในยุคประธาน “สุชิน” ยังไงยังงั้น

แม้จะมีการปิดกันให้แซด แต่ก็มีเสียงแว่วๆ ดังมาได้ยินว่าถึงอย่างไรต้องเร่งทำให้เสร็จโดยเร็ว รอไม่ได้แม้แต่นาทีเดียว เพราะหลายคดีที่ “นายใหญ่” ตกเป็นจำเลยไปค้างอยู่ที่ศาลแล้ว และศาลที่ว่านี้ก็ไม่ใช่ธรรมดา เพราะเป็นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเสียด้วย ใช้เวลาพิจารณาตัดสินคดีแค่ 4-5 เดือนก็รู้ผล

ว่ารอด-ไม่รอด คุกหรือไม่คุก !!

แต่ที่สำคัญก็คือไม่อยากให้เอาคอไปพาดเขียง รอลุ้นให้เสียว เสียราคาเศรษฐีแสนล้านให้โง่

ที่ผ่านมาแม้จะมีเสียงคัดค้านทัดทานทั้งในพรรคและนอกพรรคดังระงมว่าเงื่อนไขด้านเวลายังไม่เหมาะ เพราะรัฐธรรมนูญเพิ่งใช้มาเพียงไม่กี่เดือน แถมยังมองไม่เห็นว่ามันมีอุปสรรคขัดขวางการบริหารงานตรงไหน แต่ก็อย่างว่าในเมื่อใจมันร้อนรน รอไม่ได้ ก็ต้องเดินหน้าไม่ต้องไปสนใจให้เสียสมาธิ

ย้อนกลับไปโฟกัสถึงสาเหตุที่ต้องโละ รื้อ ป.ป.ช. มันก็มีพิมพ์เขียวอยู่ในใจมาตั้งนานแล้ว เพราะถ้าติดตามสถานการณ์ และเข้าใจเรื่องราวมาตั้งแต่ต้น ก็ต้องร้องอ๋อทันทีว่า ทำไมต้องโละป.ป.ช. ชุดนี้ทิ้ง เพราะตามขั้นตอนกฎหมายรู้กันอยู่แล้วว่า หลังจาก คตส. ต้องหมดสภาพไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คดีโกงของ“นายใหญ่” กับเมีย ก็จะถูกโอนมาให้ป.ป.ช. ทำต่อ

นี่แหละคือคำตอบว่าทำไมต้องเร่งทำ เพราะหากพิจารณาตามร่างพิมพ์เขียวที่เพิ่งคลอดกันออกมาก็คือ จะมีการสรรหาใหม่ภายใน 180 วัน โดยใช้วิธีการตามรัฐธรรมนูญปี 2540

หมายความว่า เปิดทางให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซง หรือ “จะล้วงจะควัก” กันได้ตามใจชอบ และไม่ต้องแปลกใจหากต่อไปจะได้ ป.ป.ช.ที่ผ่านการสรรหามาจากเครือข่ายครอบครัว และธุรกิจของ “นายใหญ่” หรือสายตรง “นายหญิง”

ส่วนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่า “ลุงหมัก” จะเคยเอ่ยปากชมไม่ขาดปากมาก่อนหน้าที่จะให้ใบแดง “ยุทธ ตู้เย็น” ก็ตาม โดยเชื่อมั่นยกย่องในความสุจริต เที่ยงธรรม ออกโรงให้เครดิตกันเต็มที่ แต่มาวันนี้ เมื่อทุกอย่างกลับตาลปัตร ว่ากันตามข้อเท็จจริง ชมกันซึ่งหน้าแล้วก็ยังไม่เกรงใจ ไม่ไว้หน้า แถมส่อเค้าว่าจะส่งให้ตุลาการรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเสียอีก

ถ้ายังออกรูปนี้มันก็ต้อง “ตัดตอน” เสียก่อนตามถนัด ส่วนสาเหตุที่ยกเรื่องที่มาเผด็จการ หรือประชาธิปไตย ก็น่าจะเป็นเพียงแค่บังหน้าแบบลับ ลวง พราง

เพราะถ้าทำสำเร็จมีการนำเนื้อหาในรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 มาใช้ก็หมายความว่า ต่อไปจะมีการสรรหา กกต.แบบ “ยุค 3 หนา” หรือ ป.ป.ช.แบบในยุคที่แอบขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองนั่นแหละ

ขณะเดียวกันเมื่อมองไปอีกมุมหนึ่ง หากใช้พวกมากลากไปแบบ “ประชาธิปไตยติดหนวด” สำเร็จเมื่อใด นั่นย่อมหมายความว่าถึงเวลาของ “ลุงหมัก” ต้องลาโรง ลงจากเก้าอี้ ต้องยุบสภาเปิดทางให้ “เฮียแม้ว” กลับมาอีกรอบ

ส่วนจะลาโรงแบบไหน แบบบังคับ หรือยินยอมพร้อมใจแล้วแต่จะเลือกทางเดินเอาเอง ต้องเก็บฉากกลับไปเลี้ยงแม้วที่บ้านวันยังค่ำ หุ่นเชิดยังไงก็เป็นหุ่นเชิดอยู่ดี ดังนั้นเมื่อคนเชิดจะลงมาเล่นเอง ก็ต้องหลีกทาง

เพราะจะว่าไปแล้ว ถ้าเกมการเมืองยังเดินไปแบบนี้ นายกฯสมัคร ไม่มีทางเลือกอื่น ต้องเดินลงจากเก้าอี้ จะดื้อดึงอยู่ต่อก็ไม่ได้ เพราะในพรรคถือว่า “หัวเดียวกระเทียมลีบ” จะใช้วิธียุบสภาดัดหลังก็ไม่ได้ผลอีก เพราะจะไปเข้าทางพอดี เนื่องจากสิ่งที่ “เฮียแม้ว” ต้องการคือ หวนคืนสู่อำนาจโดยผ่านการเลือกตั้ง ชูภาพประชาธิปไตยเต็มร้อย

เป็นฮีโร่ทั้งในและนอกประเทศ

นอกจากนั้น ถ้าพิจารณาในส่วนประกอบอื่นๆ ก็มีการปูทางตีโอบฟื้นฟู “ระบอบทักษิณ” ไปเรื่อยๆ ล่าสุดรัฐตำรวจก็ทำท่าจะมีการสถาปนากลับคืนมาอีกรอบ

เริ่มตั้งแต่รับโอน “พี่เมีย” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ มาขึ้นแท่น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รอจังหวะขยับอีกรอบเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนต่อไป พร้อมๆกับดัน “เพื่อนพ้องน้องพี่” เข้ามาจ่อคิวทำงานใหญ่กันเต็มพรึดไปทั้งกรมปทุมวัน ของแบบนี้ถ้าใครยังมองไม่ออกก็ควรไปกินแกลบ กินรำ แทนข้าวได้แล้ว

ส่วนเป้าหมายต่อไปก็จะมีการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการในทุกกระทรวง ทบวง กรม อีกล็อตใหญ่ในเดือนตุลาคมนี้ หรือเร็วกว่านั้น ไล่ไปตั้งแต่ ผู้ว่าราชการจังหวัดยันนายอำเภอ รวมไปถึงการกระชับอำนาจในกองทัพที่กะเก็งกันว่า เตรียมทหาร รุ่น 10 จะทยอยเข้ามากุมตำแหน่งสำคัญกันเป็นกอบเป็นกำกันมากขึ้น

แม้อาจจะไม่ใช่ระดับ 5 เสือ แต่เชื่อว่าต้องมีความหมายแน่นอน

เมื่อทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยเดิม ปูทางไปสู่การกุมทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ ปูทางให้นายใหญ่กลับคืนสู่อำนาจอย่างวีรบุรุษ เกมกำลังเดินหน้าเต็มพิกัด

อย่างไรก็ดี บางครั้งคนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต เกมอาจพลิกได้เหมือนกัน และประวัติศาสตร์ ก็อาจซ้ำรอยอีกรอบ เพราะก่อนหน้านี้ในยุคที่ “เฮียเหลี่ยม” รุ่งเรื่องอำนาจถึงขีดสุด กำทุกอย่างอยู่ในมือ ไม่เห็นใครอยู่สายตา

ยังต้องตกจากเก้าอี้แทบไม่รู้ตัว

แม้มีเสียงแย้งว่าหากจะกลับมาคราวนี้อาจเตรียมการมาดี ปิดช่องโหว่จุดอ่อนเอาไว้พร้อมสรรพแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ประมาทไม่ได้เป็นอันขาดก็คือ “คนรู้ทัน” แผ่กระจายไปทั่วหัวระแหง และเริ่มเกิดความรู้สึกรับไม่ได้กับความพยายามหลบหนีไม่ยอมต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม

จ้องแต่เอาเปรียบคนอื่นอยู่ร่ำไป

ขณะที่อีกมุมหนึ่งเวลาผ่านมาเกือบ 3 เดือน รัฐบาลที่มีพรรคพลังประชาชนเป็นหัวเรือใหญ่กลับไม่ได้สร้างความชื่นใจให้ชาวบ้านแม้แต่นาทีเดียว ชาวบ้านยังต้องปากกัดตีนถีบ ข้าวยากหมากแพง แต่ฝ่ายรัฐบาลมัวแต่คิดเอาใจ นายใหญ่ ทำอย่างไรจะให้ไม่ต้องรับโทษ หรือไม่ต้องถูกดำเนินคดีในชั้นศาล

ระวังหากเกิดอารมณ์แบบนี้ก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อันตราย เพราะสังเกตจากโพลล์หลายสำนักเริ่มส่งสัญญาณตรงกันแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น