ทุกข์ซ้ำเติมคนไทย หมูเนื้อแดงจ่อขึ้นราคาเป็นโลละ 130 บาท หลังสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติไม่ไว้หน้า “มิ่งขวัญ” ส่งสัญญาณปรับขึ้นราคาหมูเป็นอีกกิโลละ 3 บาท “พาณิชย์” แฉราคาหมูเป็นตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ขึ้นราคาไปแล้วถึงกิโลละ 15-16 บาท และยังจะขึ้นอีกทั้งๆ ที่ต้นทุนเริ่มคงที่ ฟุ้งดัดหลังวิเคราะห์โครงสร้างหมูทั้งระบบ หวังแก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จ ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหารสวดรัฐแก้ปัญหาหมูแพงไม่ได้
เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้ประกาศปรับขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์มอีกกิโลกรัมละ 3 บาท โดยเป็นการส่งสัญญาณให้กับสมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ส่งผลให้ราคาหมูเป็นปรับเพิ่มจากกิโลกรัมละ 60 บาทเป็นกิโลกรัมละ 63 บาท ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องทำให้ราคาหมูเนื้อแดงต้องปรับราคาขึ้นตามไปด้วย จากสูตรในการคำนวณราคาคูณสองบวก 2 โดยราคาหมูเนื้อแดงจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 125-130 บาท
นายกิตติวงค์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาหมูเป็นดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณโดยนายกสมาคมฯ ถึงสมาชิกทั่วประเทศ ซึ่งเหตุผลของการปรับขึ้นราคา เนื่องจากวัตถุดิบต่างๆ ยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้น แม้บางตัวจะลดลง แต่โดยเฉลี่ยสูงขึ้น ขณะที่อาหารสัตว์ก็จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงหมูเป็นสูงขึ้น โดยการปรับขึ้นราคาดังกล่าวทำให้ราคาหมูเป็นอยู่ที่กิโลกรัมละ 63 บาท ต้นทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงปัจจุบันอยู่ที่ 56-57 บาท
“วันนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูยังมีปัญหาสภาพคล่องทางด้านการเงิน วัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ในการเลี้ยงก็ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาที่ขึ้นเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งจากราคาดังกล่าว จะทำให้หมูเนื้อแดงมีราคาอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 125 บาท และถ้าขึ้นไปแล้ว มันขายไม่ได้ ต่อไปราคาก็จะลงเอง มันจะเป็นไปตามกลไกตลาด”นายกิตติวงค์กล่าว
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า นโยบายของกระทรวงพาณิชย์จะไม่เข้าไปแตะต้องราคาหมูเป็น แต่ก็ได้มีการติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด และมีข้อสังเกตว่าทำไมราคาถึงได้มีการปรับขึ้นมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ต้นทุนต่างๆ เริ่มอยู่ในภาวะคงที่ โดยราคาหมูเป็นในวันที่ 2 ม.ค. ราคากิโลกรัมละ 44-45 บาท วันที่ 15 ม.ค. ราคา 46-47 บาท วันที่ 30 ม.ค. ราคา 57-58 บาท วันที่ 14 ก.พ. ราคา 59-60 บาท และยืนราคาจนถึงขณะนี้ ซึ่งจากช่วงต้นปีปรับขึ้นมาแล้วถึงกิโลกรัมละ 15-16 บาท และกำลังจะปรับขึ้นอีก 3 บาท
“การปรับขึ้นราคาหมูเป็น เราไม่เคยเข้าไปแตะต้อง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง เขาบอกว่าปรับราคาแล้วได้กำไรแค่กิโลละ 2-3 บาท แต่จริงๆ น่าจะได้มากกว่านั้น โดยต้นทุนที่กรมฯ คิดแล้วอยู่ที่กิโลละ 52 บาทเท่านั้น ซึ่งจากนี้ไป จะเข้าไปดูโครงสร้างหมูทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยกำลังรวบรวมข้อมูลและทำการวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้”นายยรรยงกล่าว
สำหรับราคาหมูเนื้อแดงที่จะปรับขึ้นตามราคาหมูเป็นนั้น ก็ต้องติดตามดูว่าราคาจะเป็นเท่าไร เพราะหากแพงไป คนก็จะเลิกกินหมู แล้วหันไปบริโภคโปรตีนชนิดอื่นๆ ทดแทน แต่กระทรวงพาณิชย์ ก็มีทางเลือกให้กับประชาชน โดยนำหมูพาณิชย์ราคากิโลกรัมละ 98 บาทออกมาจำหน่าย ซึ่งล่าสุดสามารถหาซื้อได้ในร้านค้าปลีก 4 แห่ง คือ บิ๊กซี คาร์ฟูร์ เทสโก้ โลตัส และแมคโคร จำนวน 233 สาขาทั่วประเทศ และที่ตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ค้าภายในจังหวัดอีก 204 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนไม่ต้องบริโภคหมูในราคาแพงเกินไป
ก่อนหน้านี้ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้เข้าแก้ไขปัญหาหมูมีราคาแพง โดยได้ติดต่อให้มีการนำหมูพาณิชย์ราคาถูกมาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคากิโลกรัมละ 98 บาท ในสถานที่ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแตะต้องราคาหมูเป็น เพราะเป็นรายได้ส่วนของเกษตรกร และได้มาบริหารจัดการในส่วนของโรงชำแหละและเขียงหมู ทำให้ขายหมูในราคาดังกล่าวได้ แต่ล่าสุดสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ประกาศปรับขึ้นราคาหมูเป็นอีกกิโลกรัมละ 3 บาท ถือเป็นการปรับขึ้นราคาที่อาจจะทำให้นายมิ่งขวัญต้องปรับแนวนโยบายในการดูแลหมูใหม่หรือไม่
ผู้บริโภคสวดยับรัฐแก้หมูแพงไม่ได้
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการร้านอาหาร กล่าวถึงการจะปรับขึ้นราคาเนื้อสุกรว่าไม่กรมการค้าภายในไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าจะมีหมูราคาถูกจำหน่ายถึง 2 เดือน แต่ยังไม่ถึง 2 เดือนผู้เลี้ยงหมูก็จ่อปรับขึ้นราคาอีกระลอก โดยที่กรมการค้าภายในไม่สามารถจะเข้าไปควบคุมราคาอะไรได้ ทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อหมูในราคาที่แพงขึ้น ถึงแม้จะมีทางเลือกให้ผู้บริโภคเลือกซื้อหมูราคาถูก แต่ผู้บริโภคก็ไม่สามารถซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปจะมีเฉพาะที่กำหนดไว้เท่านั้น
“ผู้ค้าอาหารที่จำเป็นต้องใช้หมูเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารก็จำเป็นจะต้องปรับขึ้นราคาอาหาร หากหมูมีราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาร้านอาหารหลายแห่งยังไม่ปรับราคาแต่ใช้วิธีการลดปริมาณอาหารลง เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบกับลูกค้า แต่ถ้าคราวนี้ราคาหมูปรับขึ้นก็จำเป็นจะต้องขึ้นราคาอย่างแน่นอนผู้ประกอบการร้านอาหารรายหนึ่งกล่าว
ผู้ประกอบการร้านอาหารกล่าวถึงมีผู้อ้างว่าราคาต้นทุนหรืออาหารสัตว์ที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เนื้อสุกรมีราคาเพิ่มสูงขึ้นนั้น ความจริงแล้วเป็นเพียงสาเหตุเสริมที่พ่อค้าคนกลางยกขึ้นมาอ้างเท่านั้น ไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่กระทรวงพาณิชย์ กลับบอกว่าเป็นปัจจัยหลัก ทำให้แก้ปัญหาไม่ถูกทาง แสดงให้เห็นว่ากรมการค้าภายในไม่เคยมีแผนระยะยาว ไม่เคยมองภาพรวมของการค้าทั้งระบบ สนใจเฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อหวังประชาสัมพันธ์ว่าได้เข้าไปแก้ปัญหาราคาหมูแล้วเท่านั้น
เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้ประกาศปรับขึ้นราคาหมูหน้าฟาร์มอีกกิโลกรัมละ 3 บาท โดยเป็นการส่งสัญญาณให้กับสมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศ ส่งผลให้ราคาหมูเป็นปรับเพิ่มจากกิโลกรัมละ 60 บาทเป็นกิโลกรัมละ 63 บาท ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องทำให้ราคาหมูเนื้อแดงต้องปรับราคาขึ้นตามไปด้วย จากสูตรในการคำนวณราคาคูณสองบวก 2 โดยราคาหมูเนื้อแดงจะอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 125-130 บาท
นายกิตติวงค์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาหมูเป็นดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณโดยนายกสมาคมฯ ถึงสมาชิกทั่วประเทศ ซึ่งเหตุผลของการปรับขึ้นราคา เนื่องจากวัตถุดิบต่างๆ ยังคงมีการปรับตัวสูงขึ้น แม้บางตัวจะลดลง แต่โดยเฉลี่ยสูงขึ้น ขณะที่อาหารสัตว์ก็จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงหมูเป็นสูงขึ้น โดยการปรับขึ้นราคาดังกล่าวทำให้ราคาหมูเป็นอยู่ที่กิโลกรัมละ 63 บาท ต้นทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงปัจจุบันอยู่ที่ 56-57 บาท
“วันนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูยังมีปัญหาสภาพคล่องทางด้านการเงิน วัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ในการเลี้ยงก็ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาที่ขึ้นเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งจากราคาดังกล่าว จะทำให้หมูเนื้อแดงมีราคาอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 125 บาท และถ้าขึ้นไปแล้ว มันขายไม่ได้ ต่อไปราคาก็จะลงเอง มันจะเป็นไปตามกลไกตลาด”นายกิตติวงค์กล่าว
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า นโยบายของกระทรวงพาณิชย์จะไม่เข้าไปแตะต้องราคาหมูเป็น แต่ก็ได้มีการติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด และมีข้อสังเกตว่าทำไมราคาถึงได้มีการปรับขึ้นมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ต้นทุนต่างๆ เริ่มอยู่ในภาวะคงที่ โดยราคาหมูเป็นในวันที่ 2 ม.ค. ราคากิโลกรัมละ 44-45 บาท วันที่ 15 ม.ค. ราคา 46-47 บาท วันที่ 30 ม.ค. ราคา 57-58 บาท วันที่ 14 ก.พ. ราคา 59-60 บาท และยืนราคาจนถึงขณะนี้ ซึ่งจากช่วงต้นปีปรับขึ้นมาแล้วถึงกิโลกรัมละ 15-16 บาท และกำลังจะปรับขึ้นอีก 3 บาท
“การปรับขึ้นราคาหมูเป็น เราไม่เคยเข้าไปแตะต้อง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ มีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง เขาบอกว่าปรับราคาแล้วได้กำไรแค่กิโลละ 2-3 บาท แต่จริงๆ น่าจะได้มากกว่านั้น โดยต้นทุนที่กรมฯ คิดแล้วอยู่ที่กิโลละ 52 บาทเท่านั้น ซึ่งจากนี้ไป จะเข้าไปดูโครงสร้างหมูทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยกำลังรวบรวมข้อมูลและทำการวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้”นายยรรยงกล่าว
สำหรับราคาหมูเนื้อแดงที่จะปรับขึ้นตามราคาหมูเป็นนั้น ก็ต้องติดตามดูว่าราคาจะเป็นเท่าไร เพราะหากแพงไป คนก็จะเลิกกินหมู แล้วหันไปบริโภคโปรตีนชนิดอื่นๆ ทดแทน แต่กระทรวงพาณิชย์ ก็มีทางเลือกให้กับประชาชน โดยนำหมูพาณิชย์ราคากิโลกรัมละ 98 บาทออกมาจำหน่าย ซึ่งล่าสุดสามารถหาซื้อได้ในร้านค้าปลีก 4 แห่ง คือ บิ๊กซี คาร์ฟูร์ เทสโก้ โลตัส และแมคโคร จำนวน 233 สาขาทั่วประเทศ และที่ตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ค้าภายในจังหวัดอีก 204 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนไม่ต้องบริโภคหมูในราคาแพงเกินไป
ก่อนหน้านี้ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้เข้าแก้ไขปัญหาหมูมีราคาแพง โดยได้ติดต่อให้มีการนำหมูพาณิชย์ราคาถูกมาจำหน่ายให้กับประชาชนในราคากิโลกรัมละ 98 บาท ในสถานที่ที่เข้าร่วมโครงการ เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแตะต้องราคาหมูเป็น เพราะเป็นรายได้ส่วนของเกษตรกร และได้มาบริหารจัดการในส่วนของโรงชำแหละและเขียงหมู ทำให้ขายหมูในราคาดังกล่าวได้ แต่ล่าสุดสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้ประกาศปรับขึ้นราคาหมูเป็นอีกกิโลกรัมละ 3 บาท ถือเป็นการปรับขึ้นราคาที่อาจจะทำให้นายมิ่งขวัญต้องปรับแนวนโยบายในการดูแลหมูใหม่หรือไม่
ผู้บริโภคสวดยับรัฐแก้หมูแพงไม่ได้
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการร้านอาหาร กล่าวถึงการจะปรับขึ้นราคาเนื้อสุกรว่าไม่กรมการค้าภายในไม่ได้เข้ามาแก้ปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าจะมีหมูราคาถูกจำหน่ายถึง 2 เดือน แต่ยังไม่ถึง 2 เดือนผู้เลี้ยงหมูก็จ่อปรับขึ้นราคาอีกระลอก โดยที่กรมการค้าภายในไม่สามารถจะเข้าไปควบคุมราคาอะไรได้ ทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อหมูในราคาที่แพงขึ้น ถึงแม้จะมีทางเลือกให้ผู้บริโภคเลือกซื้อหมูราคาถูก แต่ผู้บริโภคก็ไม่สามารถซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปจะมีเฉพาะที่กำหนดไว้เท่านั้น
“ผู้ค้าอาหารที่จำเป็นต้องใช้หมูเป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารก็จำเป็นจะต้องปรับขึ้นราคาอาหาร หากหมูมีราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาร้านอาหารหลายแห่งยังไม่ปรับราคาแต่ใช้วิธีการลดปริมาณอาหารลง เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบกับลูกค้า แต่ถ้าคราวนี้ราคาหมูปรับขึ้นก็จำเป็นจะต้องขึ้นราคาอย่างแน่นอนผู้ประกอบการร้านอาหารรายหนึ่งกล่าว
ผู้ประกอบการร้านอาหารกล่าวถึงมีผู้อ้างว่าราคาต้นทุนหรืออาหารสัตว์ที่สูงขึ้นตามราคาน้ำมันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เนื้อสุกรมีราคาเพิ่มสูงขึ้นนั้น ความจริงแล้วเป็นเพียงสาเหตุเสริมที่พ่อค้าคนกลางยกขึ้นมาอ้างเท่านั้น ไม่ใช่สาเหตุหลัก แต่กระทรวงพาณิชย์ กลับบอกว่าเป็นปัจจัยหลัก ทำให้แก้ปัญหาไม่ถูกทาง แสดงให้เห็นว่ากรมการค้าภายในไม่เคยมีแผนระยะยาว ไม่เคยมองภาพรวมของการค้าทั้งระบบ สนใจเฉพาะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อหวังประชาสัมพันธ์ว่าได้เข้าไปแก้ปัญหาราคาหมูแล้วเท่านั้น