เนื้อหมูแดงจ่อปรับราคาเป็น 125 บาท/กก.หลังหมูฟาร์ม เตรียมขึ้นอีก 3 บาท “พาณิชย์” รับสภาพหมดปัญญาแก้ปัญหา ชี้ ราคาหมูตั้งแต่ต้นปีนี้ ปรับขึ้นไปแล้ว 15-16 บาท พร้อมระบุ ต้นทุนเริ่มนิ่งแล้ว
วันนี้ (27 มี.ค.) นายกิตติวงค์ สมบุญธรรม เลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมได้ประกาศขึ้นราคาขายหมูเป็นหน้าฟาร์มอีกกิโลกรัมละ 3 บาท จากเดิมกิโลกรัมละ 60 บาท มาอยู่ที่ 63 บาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น แม้บางตัวจะลดลง แต่โดยเฉลี่ยสูงขึ้น ขณะที่อาหารสัตว์ก็จะปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ต้นทุนในการเลี้ยงหมูเป็นสูงขึ้นมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 56-57 บาท จากเดิมประมาณ 51 บาท
“วันนี้ผู้เลี้ยงหมูยังมีปัญหาสภาพคล่องทางด้านการเงิน วัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ในการเลี้ยงก็ปรับราคาสูงขึ้น โดยราคาขายหมูเป็นที่ปรับขึ้นเป็นราคาที่สมเหตุสมผล และจะทำให้หมูเนื้อแดงมีราคาอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 125 บาท แต่ถ้าราคาขึ้นไปแล้วขายไม่ได้ ต่อไปราคาก็จะลงเอง มันจะเป็นไปตามกลไกตลาด” นายกิตติวงค์ กล่าว
ด้าน นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะไม่แตะราคาหมูเป็น แต่ได้ติดตามสถานการณ์ราคาอย่างใกล้ชิด และมีข้อสังเกตว่าทำไมราคาถึงปรับขึ้นมาโดยตลอด ทั้งที่ต้นทุนต่างๆ เริ่มอยู่ในภาวะคงที่ โดยราคาหมูเป็นเมื่อวันที่ 2 ม.ค.2551 อยู่ที่กิโลกรัมละ 44-45 บาท, วันที่ 15 ม.ค.อยู่ที่กิโลกรัมละ 46-47 บาท, วันที่ 30 ม.ค.ขึ้นมาที่กิโลกรัมละ 57-58 บาท และวันที่ 14 ก.พ.ขึ้นมาสูงถึงกิโลกรัมละ 59-60 บาท และยืนราคาจนถึงขณะนี้ ซึ่งจากช่วงต้นปีปรับขึ้นมาแล้วถึงกิโลกรัมละ 15-16 บาท และกำลังจะปรับขึ้นอีก 3 บาท
“การปรับขึ้นราคาหมูเป็น เราไม่เคยเข้าไปแตะต้อง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง เขาบอกว่าปรับราคาแล้วได้กำไรแค่กิโลละ 2-3 บาท แต่จริงๆ น่าจะได้มากกว่านั้น โดยต้นทุนที่กรมฯ คิดแล้วอยู่ที่กิโลละ 52 บาทเท่านั้น ซึ่งจากนี้ไปจะเข้าไปดูโครงสร้างหมูทั้งระบบตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยกำลังรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้” นายยรรยง กล่าว
สำหรับราคาหมูเนื้อแดงที่จะปรับขึ้นตามราคาหมูเป็นนั้น ต้องติดตามดูว่าราคาจะเป็นเท่าไร เพราะหากแพงไปคนก็จะเลิกกินหมู แล้วหันไปบริโภคโปรตีนชนิดอื่นแทน แต่กระทรวงพาณิชย์ก็มีทางเลือกให้กับประชาชน โดยนำหมูพาณิชย์ราคากิโลกรัมละ 98 บาท ออกมาจำหน่าย ซึ่งสามารถหาซื้อได้ในร้านค้าปลีก 4 แห่ง คือ บิ๊กซี, คาร์ฟูร์, เทสโก้ โลตัส และแม็คโคร 233 สาขาทั่วประเทศ และตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ค้าภายในจังหวัดอีก 204 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนได้
