"พจมาน"เบิกความจำเลยซุกหุ้นชินฯยันโอนหุ้นให้“บรรณพจน์”พี่ชายโดยเสน่หา ไม่ได้จงใจหลีกเลี่ยงภาษี พร้อมขอศาลสืบคดีลับ ป้องกันโยงการเมือง ด้านทนาย ระบุ ประเด็นนำสืบเน้นข้อเท็จจริง-เจตนาการโอนหุ้น เผย "บรรณพจน์-กาญจนาภา"จำเลยร่วมรอคิวเบิกความนัดสุดท้าย พ.ค.นี้
วานนี้(18 เม.ย.)เวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลสืบพยานจำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.1149/2550 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบรรณพจน์ ดามาพงษ์ อายุ 59 ปี อดีตประธานกรรมการบริหารชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)พี่ชายต่างมารดาคุณหญิงพจมาน,คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อายุ 51 ปี ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน อายุ 51 ปี เลขานุการส่วนตัว คุณหญิงพจมานเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่าหุ้น 738 ล้านบาท และภาษีที่หลีกเลี่ยงจำนวน 546 ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 91
โดย คุณหญิงพจมาน เดินทางมาศาลโดยหลบกองทัพผู้สื่อข่าวขึ้นทางลิฟท์ด้านข้าง ก่อนขึ้นเบิกความเป็นพยานปากแรก ซึ่งศาลมีคำสั่งให้พิจารณาลับ ห้ามบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่คู่ความ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังการสืบพยาน
ทั้งนี้ภายหลังใช้เวลาสืบพยานประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ คุณหญิงพจมาน เดินทางกลับโดยทันที ซึ่งขณะออกจากห้องพิจารณาคดีคุณหญิงพจมาน สีหน้ายิ้มแย้มแต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ โดยคุณหญิงพจมาน เดินทางมาพร้อมนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ และคณะผู้ติดตามประมาณ 20 คน
นายเมธา ธรรมวิหาร ทนายความนายบรรณพจน์ จำเลยที่ 1 กล่าวว่า การสืบพยานปากคุณหญิงพจมาน เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งคุณหญิงพจมาน ไม่ต้องเดินทางมาศาลอีกจนกว่าจะถึงวันฟังคำพิพากษา โดยประเด็นที่นำสืบเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเจตนาที่จะให้หุ้นดังกล่าวกับนายบรรณพจน์ ว่าคุณหญิงมีเจตนาอย่างไร แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้เนื่องจากการสืบพยานศาลสั่งให้พิจารณาลับ
อย่างไรก็ตามการเบิกความต่อศาลในประเด็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการโอนหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)ให้แก่นายบรรณพจน์ มีรายงานว่าจำเลยเบิกความว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และไม่ได้จงใจที่จะหลีกเลี่ยงภาษี
ส่วนพยานจำเลยที่ได้นำสืบไปก่อนหน้านี้แล้วมากกว่า 10 ปาก โดยฝ่ายจำเลยนั้นเหลือพยานที่จะต้องนำสืบอีก 3 ปาก คือ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำเลยที่ 1 , นางกาญจนาภา หงษ์เหิน จำเลยที่ 3 ซึ่งจะนำสืบประเด็นข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับคุณหญิงพจมาน และน.ส.สุจินดา แสงชมพู อดีตนิติกร 9 ชช. สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ตั้งข้อกล่าวหาการละเว้นการเรียกเก็บภาษีหุ้น (จำเลยร่วมนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร และอดีตเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร รวม 5 คน ที่อัยการยื่นฟ้องฐาน กระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 และ 157 ที่ร่วมกันละเว้นเรียกเก็บภาษีหุ้น บมจ.ชินวัตรคอมพิวเตอร์ ฯ ) ซึ่งตนจะนำ น.ส.สุจินดา ขึ้นเบิกความช่วงบ่าย เกี่ยวกับประเด็นการยื่นอุทธรณ์ของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่ถูกให้ออกจากราชการเมื่อถูกป.ป.ช. ไต่สวนและชี้มูลความผิด
ด้าน นายพิศิษฐ์ เดชไชยาศักดิ์ ทนายความนางกาญจนาภา จำเลยที่ 3 กล่าวถึงการยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับ ว่าที่ทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลก็เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปโดยสะดวกและไม่ต้องการให้การสืบพยานเป็นประเด็นที่นำไปเชื่อมโยงกับการเมือง ซึ่งการยื่นคำร้องก็เป็นไปตามหลักประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ส่วนการสืบพยานปากนายบรรณพจน์ และนางกาญจนาภา จะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาลับด้วยหรือไม่ทีมทนายความจะหารืออีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันนัดสืบพยานจำเลยเหลือกำหนดอีก 2 นัดคือวันที่ 2 และ 30 พ.ค.นี้ โดยหลังจากสืบพยานปากสุดท้ายแล้ว คู่ความสองฝ่ายจะทำคำแถลงปิดคดีภายใน 30 วัน ก่อนที่ศาลจะกำหนดวันฟังคำพิพากษาต่อไป
สำหรับพยานโจทก์ที่อัยการนำสืบนั้นจำนวนกว่า 30 ปาก ส่วนใหญ่เป็นจ้าหน้าที่กรมสรรพากร อาทิ นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อดีตปลัดกระทรวงการคลังและอดีตอธิบดีกรมสรรพากร , น.ส.ปนัดดา พ่วงพลับ คณะกรรมการพิจารณาวินัย กระทรวงคลัง และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) อาทิ นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ดีคดีนี้ในชั้นสอบคำให้การนายบรรณพจน์ , คุณหญิงพจมานและ นางกาญจนาภา ต่างยืนกรานให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
วานนี้(18 เม.ย.)เวลา 09.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลสืบพยานจำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.1149/2550 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบรรณพจน์ ดามาพงษ์ อายุ 59 ปี อดีตประธานกรรมการบริหารชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)พี่ชายต่างมารดาคุณหญิงพจมาน,คุณหญิงพจมาน ชินวัตร อายุ 51 ปี ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน อายุ 51 ปี เลขานุการส่วนตัว คุณหญิงพจมานเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่าหุ้น 738 ล้านบาท และภาษีที่หลีกเลี่ยงจำนวน 546 ล้านบาท โดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (1) (2) และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และ 91
โดย คุณหญิงพจมาน เดินทางมาศาลโดยหลบกองทัพผู้สื่อข่าวขึ้นทางลิฟท์ด้านข้าง ก่อนขึ้นเบิกความเป็นพยานปากแรก ซึ่งศาลมีคำสั่งให้พิจารณาลับ ห้ามบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่คู่ความ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังการสืบพยาน
ทั้งนี้ภายหลังใช้เวลาสืบพยานประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีจึงแล้วเสร็จ คุณหญิงพจมาน เดินทางกลับโดยทันที ซึ่งขณะออกจากห้องพิจารณาคดีคุณหญิงพจมาน สีหน้ายิ้มแย้มแต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ โดยคุณหญิงพจมาน เดินทางมาพร้อมนายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนสนิท พ.ต.ท.ทักษิณ และคณะผู้ติดตามประมาณ 20 คน
นายเมธา ธรรมวิหาร ทนายความนายบรรณพจน์ จำเลยที่ 1 กล่าวว่า การสืบพยานปากคุณหญิงพจมาน เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งคุณหญิงพจมาน ไม่ต้องเดินทางมาศาลอีกจนกว่าจะถึงวันฟังคำพิพากษา โดยประเด็นที่นำสืบเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเจตนาที่จะให้หุ้นดังกล่าวกับนายบรรณพจน์ ว่าคุณหญิงมีเจตนาอย่างไร แต่ตนไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้เนื่องจากการสืบพยานศาลสั่งให้พิจารณาลับ
อย่างไรก็ตามการเบิกความต่อศาลในประเด็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการโอนหุ้นบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)ให้แก่นายบรรณพจน์ มีรายงานว่าจำเลยเบิกความว่าเป็นการให้โดยเสน่หา และไม่ได้จงใจที่จะหลีกเลี่ยงภาษี
ส่วนพยานจำเลยที่ได้นำสืบไปก่อนหน้านี้แล้วมากกว่า 10 ปาก โดยฝ่ายจำเลยนั้นเหลือพยานที่จะต้องนำสืบอีก 3 ปาก คือ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ จำเลยที่ 1 , นางกาญจนาภา หงษ์เหิน จำเลยที่ 3 ซึ่งจะนำสืบประเด็นข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับคุณหญิงพจมาน และน.ส.สุจินดา แสงชมพู อดีตนิติกร 9 ชช. สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ตั้งข้อกล่าวหาการละเว้นการเรียกเก็บภาษีหุ้น (จำเลยร่วมนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร และอดีตเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร รวม 5 คน ที่อัยการยื่นฟ้องฐาน กระทำผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 154 และ 157 ที่ร่วมกันละเว้นเรียกเก็บภาษีหุ้น บมจ.ชินวัตรคอมพิวเตอร์ ฯ ) ซึ่งตนจะนำ น.ส.สุจินดา ขึ้นเบิกความช่วงบ่าย เกี่ยวกับประเด็นการยื่นอุทธรณ์ของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรต่อคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ที่ถูกให้ออกจากราชการเมื่อถูกป.ป.ช. ไต่สวนและชี้มูลความผิด
ด้าน นายพิศิษฐ์ เดชไชยาศักดิ์ ทนายความนางกาญจนาภา จำเลยที่ 3 กล่าวถึงการยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับ ว่าที่ทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลก็เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปโดยสะดวกและไม่ต้องการให้การสืบพยานเป็นประเด็นที่นำไปเชื่อมโยงกับการเมือง ซึ่งการยื่นคำร้องก็เป็นไปตามหลักประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ส่วนการสืบพยานปากนายบรรณพจน์ และนางกาญจนาภา จะยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาลับด้วยหรือไม่ทีมทนายความจะหารืออีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวันนัดสืบพยานจำเลยเหลือกำหนดอีก 2 นัดคือวันที่ 2 และ 30 พ.ค.นี้ โดยหลังจากสืบพยานปากสุดท้ายแล้ว คู่ความสองฝ่ายจะทำคำแถลงปิดคดีภายใน 30 วัน ก่อนที่ศาลจะกำหนดวันฟังคำพิพากษาต่อไป
สำหรับพยานโจทก์ที่อัยการนำสืบนั้นจำนวนกว่า 30 ปาก ส่วนใหญ่เป็นจ้าหน้าที่กรมสรรพากร อาทิ นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อดีตปลัดกระทรวงการคลังและอดีตอธิบดีกรมสรรพากร , น.ส.ปนัดดา พ่วงพลับ คณะกรรมการพิจารณาวินัย กระทรวงคลัง และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.) อาทิ นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนการชำระภาษีอากรหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) อย่างไรก็ดีคดีนี้ในชั้นสอบคำให้การนายบรรณพจน์ , คุณหญิงพจมานและ นางกาญจนาภา ต่างยืนกรานให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
