รมว.คลังเผยผลการประชุมธนาคารโลกมีมติเดินหน้าสนับสนุนทางการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในประเทศกลุ่มยากจนที่สุดต่อเนื่อง พร้อมติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ระบุแม้ประเทศที่กำลังพัฒนาจะได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น แต่ราคาน้ำมันและอาหารที่สูงจะผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน
นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลกครั้งที่ 77 (77th Development Committee Meeting) และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน 2551 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า วาระที่คณะกรรมการพัฒนาการฯ หารือกันในครั้งนี้ประกอบด้วย 2 เรื่องหลักได้แก่ การขจัดปัญหาความยากจนในประเทศกลุ่มที่ยากจนที่สุด (Poorest Countries) โดยเฉพาะอาฟริกา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งสหัสวรรษ และอีกประเด็นคือการติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยมุ่งในเรื่องราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นได้ทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับประเทศที่มีระดับรายได้ต่ำและปานกลาง
ทั้งนี้ จากการติดตามความคืบหน้าพบว่าเป้าหมายในการขจัดความยากจนได้บรรลุผลในระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการต่อไปเพื่อให้ประเทศต่างๆ สามารถลดระดับปัญหาความยากจนลดลงได้โดยทั่วถึง ตัวอย่างแนวทาง เช่น การส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนภาคเอกชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการเติบโตของภาคเกษตรกรรม เป็นต้น
สำหรับการติดตามภาวะเศรษฐกิจโลก คณะกรรมการพัฒนาการฯ เห็นว่าปัจจัยเสี่ยงที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการพัฒนาตลาดการเงินในประเทศกำลังพัฒนาน้อยมาก อย่างไรก็ดี แม้ว่าประเทศเหล่านี้ได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น แต่ก็ยังประสบปัญหาจากราคาน้ำมันและอาหารที่พุ่งตัวสูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ยากจนกลุ่มใหญ่ ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศจึงควรเร่งให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเหล่านั้น นอกจากนี้ ควรเร่งปรับปรุงในเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพของบริการด้านสาธารณสุขและการศึกษา รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหามลภาวะต่างๆ
นายสุรพงษ์กล่าวในฐานะผู้แทนของกลุ่ม SEA ว่า ยังมีความเป็นห่วงในประเด็นที่หลายประเทศอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายแห่งสหัสวรรษได้ในปี คศ. 2015 ตามที่กำหนด เนื่องจากโลกได้เผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างภูมิภาคและโลก รวมทั้งการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกัน นอกจากนั้นแล้ว ธนาคารโลกควรเปิดโอกาสให้ประเทศที่มีระดับรายได้ปานกลางเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการของธนาคารฯ มากขึ้น ไม่ว่าโดยการเข้าร่วมบริจาคในกองทุนเพื่อการพัฒนาต่างๆ หรือการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ
“สำหรับในเรื่องปัญหาราคาน้ำมันและราคาอาหารที่พุ่งตัวสูงขึ้นในระยะที่ผ่านมา ธนาคารโลกจำเป็นต้องสนับสนุนให้ประชาคมโลกเปลี่ยนมาลงทุนในภาคการเกษตรและสวัสดิการสังคมให้มากขึ้น โดยร่วมมือกับประเทศผู้บริจาคและประเทศผู้รับความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางลบและสร้างความสมดุลในการดำเนินมาตรการต่างๆ” นายสุรพงษ์กล่าว
นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลกครั้งที่ 77 (77th Development Committee Meeting) และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 11-13 เมษายน 2551 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาว่า วาระที่คณะกรรมการพัฒนาการฯ หารือกันในครั้งนี้ประกอบด้วย 2 เรื่องหลักได้แก่ การขจัดปัญหาความยากจนในประเทศกลุ่มที่ยากจนที่สุด (Poorest Countries) โดยเฉพาะอาฟริกา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งสหัสวรรษ และอีกประเด็นคือการติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยมุ่งในเรื่องราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นได้ทั้งความท้าทายและโอกาสสำหรับประเทศที่มีระดับรายได้ต่ำและปานกลาง
ทั้งนี้ จากการติดตามความคืบหน้าพบว่าเป้าหมายในการขจัดความยากจนได้บรรลุผลในระดับหนึ่งแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการต่อไปเพื่อให้ประเทศต่างๆ สามารถลดระดับปัญหาความยากจนลดลงได้โดยทั่วถึง ตัวอย่างแนวทาง เช่น การส่งเสริมบรรยากาศการลงทุนภาคเอกชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมการเติบโตของภาคเกษตรกรรม เป็นต้น
สำหรับการติดตามภาวะเศรษฐกิจโลก คณะกรรมการพัฒนาการฯ เห็นว่าปัจจัยเสี่ยงที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการพัฒนาตลาดการเงินในประเทศกำลังพัฒนาน้อยมาก อย่างไรก็ดี แม้ว่าประเทศเหล่านี้ได้รับประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น แต่ก็ยังประสบปัญหาจากราคาน้ำมันและอาหารที่พุ่งตัวสูงขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ยากจนกลุ่มใหญ่ ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศจึงควรเร่งให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเหล่านั้น นอกจากนี้ ควรเร่งปรับปรุงในเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพของบริการด้านสาธารณสุขและการศึกษา รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปัญหามลภาวะต่างๆ
นายสุรพงษ์กล่าวในฐานะผู้แทนของกลุ่ม SEA ว่า ยังมีความเป็นห่วงในประเด็นที่หลายประเทศอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายแห่งสหัสวรรษได้ในปี คศ. 2015 ตามที่กำหนด เนื่องจากโลกได้เผชิญกับความท้าทายมากขึ้น ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องลดช่องว่างการพัฒนาระหว่างภูมิภาคและโลก รวมทั้งการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกัน นอกจากนั้นแล้ว ธนาคารโลกควรเปิดโอกาสให้ประเทศที่มีระดับรายได้ปานกลางเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการของธนาคารฯ มากขึ้น ไม่ว่าโดยการเข้าร่วมบริจาคในกองทุนเพื่อการพัฒนาต่างๆ หรือการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ
“สำหรับในเรื่องปัญหาราคาน้ำมันและราคาอาหารที่พุ่งตัวสูงขึ้นในระยะที่ผ่านมา ธนาคารโลกจำเป็นต้องสนับสนุนให้ประชาคมโลกเปลี่ยนมาลงทุนในภาคการเกษตรและสวัสดิการสังคมให้มากขึ้น โดยร่วมมือกับประเทศผู้บริจาคและประเทศผู้รับความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบทางลบและสร้างความสมดุลในการดำเนินมาตรการต่างๆ” นายสุรพงษ์กล่าว