กาฬสินธุ์ - เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามเมืองกาฬสินธุ์อ่วม หลังราคาพันธุ์กุ้ง ราคาหัวอาหารปรับสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แถมต้องแบกรับภาระขาดทุน เนื่องจากสภาพอากาศร้อนอบอ้าวทำให้กุ้งน็อกตาย ด้านประธานสมาพันธุ์ผู้เลี้ยงกุ้งฯ เผยกุ้งน็อกตายแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ตัน เสียหายกว่า 10 ล้านบาท
จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ประกอบกับอากาศที่กำลังร้อนอบอ้าวในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในขณะนี้ โดยในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์มีอุณหภูมิสูงถึง 36 องศา ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในจังหวัดกาฬสินธุ์ ต้องประสบกับความเดือนร้อนอย่างหนัก เพราะนอกจากจะต้องแบกรับภาระจ่ายค่าใช้หัวอาหารกุ้งที่ปรับราคาสูงขึ้นกว่า 25% ตามราคาน้ำมันแล้วยังต้องประสบปัญหาขาดทุนเนื่องจากกุ้งก้ามกรามในเลี้ยงไว้ในบ่อได้ล้มตายจำนวนมากเนื่องจากปรับสภาพไม่ทัน
นายไล ภูโปร่ง ประธานคณะกรรมการสมาพันธ์ผู้เลี้ยงกุ้งบัวบาน อ.ยางตลาด กล่าวว่า ขณะนี้สมาชิกเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามใน ต.บัวบานจำนวน 50 ราย และสมาชิกรายย่อยที่อยู่นอกกลุ่ม พร้อมทั้งเกษตรผู้เลี้ยงกุ้งทั้งหมดในจังหวัดกาฬสินธุ์จำนวนกว่า 1,000 ราย กำลังประสบปัญหาการขาดทุนอย่างหนัก เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะ ราคาของพันธุ์กุ้งหรือลูกกุ้ง ขณะนี้ปรับราคาขึ้นสูงกว่าปีที่แล้วถึง 1 เท่าตัว จากเดิมราคาตัวละ 5-15 สตางค์ ขณะนี้ราคาตัวละ 25 สตางค์ นอกจากนี้ราคาหัวอาหารของกุ้งยังมีการปรับราคาสูงขึ้นอีก 25 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมกระสอบละ 390 บาท ขณะนี้ปรับราคาสูงขึ้นเป็น 550 บาทตามราคาน้ำมันอีกด้วย
นายไล กล่าวต่อว่า นอกจากปัญหาราคาพันธุ์กุ้ง และราคาหัวอาหาร ที่ปรับราคาสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์แล้ว ขณะนี้พี้น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามยังต้องประสบปัญหากุ้งน็อก เนื่องจากอากาศร้อนจัด กุ้งไม่สามารถปรับตัวและปรับสภาพตามอากาศได้ทัน ทำให้กุ้งก้ามกรามของเกษตรกรล้มตายลงไปจำนวนมาก
ขณะนี้ได้รับรายงานว่าในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา กุ้งของสมาชิกและเกษตรกรรายย่อยเฉพาะใน ต.บัวบานตายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ตัน เสียหายกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งหากรวมมูลค่าความเสียหายของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามทั้งจังหวัดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
นายไล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ปัญหาราคาพันธุ์กุ้ง ปัญหาหาราคาอาหารกุ้ง หรือแม้กระทั่งปัญหากุ้งน็อกจะเกิดขึ้นทุกปี ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามด้วย โดยเฉพาะปัญหาราคากุ้งตกต่ำ
ด้านนายท่อน ภูโขลา อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 56 หมู่ 9 บ้านโนนภักดี ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม กล่าวว่า จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ประกอบอากาศร้อนอบอ้าว ทำให้การเลี้ยงกุ้งเกิดปัญหา เนื่องจากจากกุ้งที่เลี้ยงไว้ปรับตัวไม่ทัน จึงเกิดอาการน็อกและตายลงเรื่อยๆ
โดยเฉพาะเมื่อคืนวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา อากาศร้อน เกิดพายุฝนและมีพายุลูกเห็บตกลงมาในพื้นที่ จึงทำให้กุ้งในบ่อของตนและน้องสาวน็อกตาย 200-300 กิโลกรัม
นายท่อน กล่าวีอกว่า หลังจากเกิดการกุ้งน็อกล้มตายแล้ว เกษตรกรจึงจำเป็นต้องจับกุ้งขึ้นมาขายก่อนเวลากำหนดในราคาที่ต่ำกว่าปกติ โดยจากเดิมจำหน่ายกิโลกรัมละ 140-150 บาท แต่ขณะนี้ต้องจำหน่ายในกิโลกรัมละ 50 บาท เนื่องจากสภาพกุ้งไม่สด ทำให้ประสบปัญหาการขาดทุนไปตามๆกัน
ด้านนายชัยวัฒน์ ศรีบาลแจ่ม ประมงอ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สาเหตุของกุ้งน๊อคจำนวนมากของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน ซึ่งตามหลักวิชาการแล้วหากอุณหภูมิของดินมีการเปลี่ยนแปลงเพียง 1 องศาเซลเซียสก็จะส่งผลให้เกิดปัญหามลภาวะเป็นพิษอย่างรุนแรง ที่นอกจากนี้รูปแบบของอากาศที่เปลี่ยนไป อาจจะทำให้กุ้งก้ามกรามเกิดอาการขาดออกซิเจนจนน็อกได้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงของอากาศที่เปลี่ยนแปลงเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามควรที่จะเริ่มมาสนใจในการจัดระบบนิเวศที่ดีมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และหากเป็นไปได้ควรที่จะลดปริมาณการเลี้ยงกุ้งอย่าให้หนาแน่นจนเกินไปเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะการขาดทุน