xs
xsm
sm
md
lg

อัดรัฐฯ ไม่จริงใจนโยบายดับไฟใต้ เตือนปีนี้โจรยกระดับความรุนแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน /ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - "รัฐบาลสมัคร" ยังมัววุ่นอยู่กับการแก้ปัญหาส่วนตัวและพวกพ้อง ในขณะที่การผลักดันนโยบายแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้หลายเรื่องยังไม่มีประสิทธิภาพ นักธุรกิจจี้ต้องเร่งสร้างความมั่นคงในความปลอดภัยเพื่อความเชื่อมั่นในการลงทุน ด้าน"องค์กรครู" จวกรัฐไม่สนใจภาคใต้หวั่นเปิดเทอมครูตกเป็นเป้านิ่งอีก ด้านนักวิชาการประเมินกลุ่มก่อความไม่สงบจะยังคงปฏิบัติการทางทหารอยู่ต่อไป และจะยกระดับความรุนแรงในเชิงคุณภาพมากยิ่งขึ้น ขณะที่นักสิทธิมนุษยชนระบุรัฐต้องยุติการซ้อมทรมานผู้ต้องหาโดยด่วน

ภายหลังจากที่เกิดกระแสเรียกร้องให้รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช หันมาให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภาคใต้ มากกว่าการแก้ปัญหาให้กับตัวเองและพวกพ้อง ล่าสุดรัฐบาลได้ส่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เดินทางลงมารับฟังบรรยายสรุปจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จนนำไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นจะให้ความสำคัญต่อการบรรเทาความเดือดร้อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระจายผลการพัฒนาสังคมของ 3 จังหวัดคือยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของ จ.สงขลาคือ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย

โดยเฉพาะการกำหนดมาตรการพิเศษ เพื่อรักษาฐานการลงทุนเดิมและจูงใจการลงทุนใหม่ที่มีศักยภาพ พัฒนาสตูลเป็นพื้นที่กันชนและเฝ้าระวังการลุกลามของเหตุการณ์ไม่สงบ และเป็นพื้นที่ตัวอย่างการพัฒนาบนพื้นฐานความหลากหลายทางวัฒนธรรม ที่เชื่อมโยงสู่ฐานเศรษฐกิจและประเทศเพื่อนบ้าน และพัฒนาสงขลาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ที่เชื่อมโยงกับนานาชาติ และกระจายผลการพัฒนาสู่พื้นที่อื่นใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่

พร้อมกำหนดบทบาทการพัฒนาพื้นที่ทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จ.สงขลา-สตูล จะเป็นศูนย์เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าภายในและระหว่างประเทศ ให้ จ.สงขลา เป็นศูนย์กลางยางพาราโลก ศูนย์กลางการศึกษานานาชาติ และศูนย์กลางการท่องเที่ยวและกีฬา จ.ปัตตานี เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ศูนย์กลางอิสลามศึกษานานาชาติ จ.ยะลา เป็นศูนย์กลางการเกษตรและตลาดสินค้าเกษตร ส่วน จ.นราธิวาส จะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ด้านตะวันออกของมาเลเซีย

ทั้งนี้ มีเป้าหมายให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบได้รับการช่วยเหลือและพัฒนาให้สามารถพึ่งตนเองได้ กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อการถูกชักจูงให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาความไม่สงบได้รับการดูแลป้องกันและมีกระบวนการพัฒนาให้ปลอดจากภาวะเสี่ยงอย่างถาวร คนในพื้นที่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ ความรู้ทักษะการประกอบอาชีพ และมีความมั่นคงในการดำรงชีวิต ที่จะไปสู่ความเข้มแข็งของครอบครัว และชุมชน และเกิดความสมานฉันท์ของสังคม พัฒนาเศรษฐกิจให้มีฐานที่เข้มแข็ง มีความสมดุลเป็นธรรม สามารถเติบโตอย่างมั่นคงในระดับที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสการพัฒนาอาชีพรายได้ และการมีงานทำ สร้างความหวังแก่ประชาชนให้มีความมั่นใจที่จะอยู่ในพื้นที่

แต่ภายหลังจากการประชุมและนำเสนอยุทธศาสตร์ดังกล่าวแล้ว รัฐบาลก็กลับไปสาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาเพื่อดิ้นรนให้ตัวเองพ้นจากความผิด โดยเฉพาะการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตรา 237 และ 309 จึงทำให้หลายฝ่ายเกิดความเป็นห่วงว่าท่าทีที่ไม่จริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะทำให้ปัญหาไม่มีทางยุติ และไม่สามารถบรรลุยุทธศาสตร์ตามที่ตั้งไว้

นักธุรกิจจี้ต้องเร่งสร้างความมั่นคง

นายศิริชัย ปิติเจริญ ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า การที่รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับนโยบายเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับภาคธุรกิจ และมีการแบ่งงานให้ส่วนต่างๆ รับผิดชอบไปแล้ว ต่อจากนี้จะเริ่มมีการผลักดันส่วนต่างๆ ไปพร้อมๆ กัน

"ข้อเสนอและข้อเรียกร้องของภาคเอกชนนั้นขณะนี้รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รับรู้หมดแล้วว่ามีอะไรบ้าง รอเพียงให้มีการผลักดันให้เป็นรูปธรรม สถานการณ์ในขณะนี้นักธุรกิจ นักลงทุน ยังคงมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะสถานการณ์ยังไม่นิ่ง การก่อเหตุร้ายรายวันก็ขึ้นๆ ลงๆ การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ จึงยังไม่เกิด รัฐต้องหาวิธีกระตุ้นการลงทุนด้วยการเข้ามาร่วมทุนกับเอกชน เพราะจะให้เอกชนทำเพียงฝ่ายเดียวนั้นทำได้ยาก"

ประธานหอการค้าจังหวัดปัตตานี ยังกล่าวอีกว่า ภาพรวมของการแก้ปัญหานั้น ขณะนี้ถือว่าเจ้าหน้าที่ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จะยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด

"ในสายตาของนักลงทุนนั้นมองพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่ายังเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสสำหรับการลงทุน เพียงแต่ยังไม่ใช่ขณะนี้" นายศิริชัย กล่าว

ครูใต้หวั่นหลังเปิดเทอมครูตายอีก

ขณะที่นายไพรัช วิหะกะรัตน์ ประธานสมาพันธ์วิชาชีพครู 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า รัฐบาลทราบประเด็นปัญหาในพื้นที่มาตลอดเพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นคนของพรรคไทยรักไทยเดิมที่เคยแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งก็น่าจะขับเคลื่อนนโยบายการแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่ประชาชนในพื้นที่เห็นคือรัฐบาลกำลังทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม

"ชาวบ้านเขามองว่ารัฐบาลสนใจแต่แก้ปัญหาของตัวเอง เขาไม่เคยเห็นความจริงใจต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงลงมาคลุกคลีกับประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับเขา โดยเฉพาะในส่วนของครู ทุกคนต้องการขวัญและกำลังใจ ตอนนี้โรงเรียนอยู่ในช่วงปิดเทอม สถานการณ์รายวันดูเงียบผิดปกติ สิ่งที่กังวลคือเมื่อโรงเรียนเปิดเทอมครูก็จะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงอีกครั้ง"

นายไพรัช กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ปกครองและนักเรียนจำนวนมากย้ายออกจากพื้นที่ เพราะไม่ต้องการอยู่ในที่ที่ไม่ปลอดภัย หากรัฐบาลยังปล่อยให้เป็นอยู่แบบนี้ภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศก็จะยิ่งเสียหาย ขณะนี้สิ่งที่ชาวบ้านต้องการเห็นคือความจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหา ต้องการความทุ่มเทของรัฐบาล เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าปัญหาจะคลี่คลายลงไปในวันใดวันหนึ่ง แต่หากยังปล่อยเลยตามเลย แล้วมัวแต่แก้ปัญหาให้ตัวเอง ปัญหาก็จะยิ่งบานปลาย

"ตอนนี้จังหวัดชายแดนภาคใต้ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติแล้ว รัฐบาลบอกว่าจะทำลายคลังแสงของฝ่ายตรงข้าม แต่ในความเป็นจริงก็ยังมีการขนอาวุธออกมาทำร้ายผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องแสดงว่าการแก้ปัญหาตรงส่วนนั้นยังไม่ได้ผลที่ดี ประเมินสถานการณ์ต่อจากนี้เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่ลดความรุนแรงลง อาจลดลงในบางช่วง แต่ก็อาจจะรุนแรงขึ้นมาอีกเมื่อใดก็ได้" นายไพรัช กล่าว และว่า

ขณะนี้ข้าราชการในพื้นที่เองก็มีความอึดอัดต่อท่าทีของรัฐบาล รัฐบาลน่าจะฉวยโอกาสที่ประชาชนตั้งความหวังเข้ามาจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง เพราะมีผลมากต่อความรู้สึกของประชาชน

ประเมินไฟใต้ปี 51 แนวโน้มเพิ่มขึ้น

ขณะที่นายประสิทธิ์ เมฆสุวรรณ ที่ปรึกษาสมาพันธ์ครูจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ ได้นำเสนอบทวิเคราะห์การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านเว็บไซต์ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ โดยเสนอประเด็นยุทธวิธีเฉพาะหน้าที่รัฐบาลต้องรีบทำทันที

ประการแรก คือ การเร่งสร้างความเป็นเอกภาพ ด้านอุดมการณ์ยุทธศาสตร์ และนโยบายการแก้ปัญหาความไม่สงบในทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่

ประการที่สอง ต้องเร่งรัดคดีที่ประชาชนรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ปรากฏผลโดยเร็ว และเมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ก็ควรประชาสัมพันธ์ให้สังคมได้รับรู้อย่างกว้างขวาง กรณีที่จำเป็นต้องเยียวยา ก็ต้องดำเนินการโดยทันที

ประการที่สาม คือ การหาช่องทางจัดสรรงบประมาณแก่กลุ่มผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน องค์กรพัฒนาเอกชน และองค์กรภาคประชนชนทุกประเภท ให้ได้เข้ามามีบทบาทร่วมในการแก้ปัญหาในชุมชนให้มากขึ้น

ประการสุดท้าย คือ การสนับสนุนงบประมาณเพื่อการจัดกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ให้แก่ทุกอำเภออย่างเพียงพอ เนื่องจากการขับเคลื่อนงานมวลชนสัมพันธ์ระดับอำเภอ เป็นการสร้างความเข้มแข็งและยกระดับงานการเมืองระดับพื้นที่ได้ดีที่สุด

นายประสิทธิ์ ยังได้ประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ในปี 2551 ว่า สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปี 2551 หากพิจารณาจากพัฒนาการของสถานการณ์ และสภาวะแวดล้อมในห้วงเวลาปัจจุบันก็อาจคาดการณ์ได้ว่า กลุ่มก่อความไม่สงบจะยังคงปฏิบัติการทางทหารอยู่ต่อไป และจะยกระดับความรุนแรงในเชิงคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยหวังผลความสูญเสียที่ใหญ่โต และกว้างขวาง สังเกตได้จากการวางระเบิดในระยะหลังมักหวังผลความเสียหายในวงกว้าง การซุ่มโจมตีก็ยกระดับเป้าหมายที่มีตำแหน่งสำคัญในราชการสูงขึ้น

"ในทางการเมืองคาดว่ากลุ่มก่อความไม่สงบน่าจะใช้ความพยายามทำงานแนวร่วมกับองค์กรสากลเพิ่มขึ้น โดยใช้เงื่อนไขการปราบปรามและการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเงื่อนไขหลัก ประสานกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในระบบระดับต่างๆ และองค์กรพัฒนาเอกชนบางองค์กรที่ได้รับข้อมูลซึ่งไม่ชัดเจนเพียงพอทั้งทางตรงและทางอ้อม"

หากเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทุกระดับยังไม่ปฏิบัติการต่อสู้เชิงรุก ไม่ทำงานด้วยเข้มแข็ง จริงจัง ทั้งงานการเมืองและการทหารแล้ว ก็เชื่อได้ว่าเหตุรุนแรงจะยังคงมีอยู่ต่อไป และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขนาด และปริมาณความเสียหายที่ใหญ่โตมากขึ้นในห้วงปี 2551

นักสิทธิฯ ชี้รัฐต้องยุติการซ้อมทรมาน

ด้าน นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าวว่า นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังถือว่าไม่มีความชัดเจน สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในขณะนี้คือเรื่องของความเป็นธรรมกับการแก้ปัญหา กรณีการเสียชีวิตของนายยะผา กาเซ็ง โต๊ะอิหม่าม อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ระหว่างที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปสอบสวน มีความพยายามจากเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายให้ญาติผู้เสียชีวิตยุติการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แต่ในความเป็นจริงแล้วคดีนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหลังจากที่มีการฟ้องร้องต่อศาล ก็ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรมีการแทรกแซงอีก

"เรายังมองไม่เห็นความจริงใจของรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลมัวเอาแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่สนใจปัญหาภาคใต้ จริงๆ แล้วสภาผู้แทนราษฎร ควรออก พ.ร.บ.สำหรับแก้ปัญหาภาคใต้โดยเฉพาะ และตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ขึ้นมาดูแลการแก้ปัญหา โดยให้ประชาชนในพื้นทีมีส่วนร่วมกับการแก้ปัญหาด้วย"

นางอังคณา ยังกล่าวอีกว่า สถานการณ์ในขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีความระมัดระวังในการจับกุมคุมขังผู้ต้องต้องสงสัยมากขึ้น ซึ่งนักสิทธิมนุษยชนเองก็มองว่าเจ้าหน้าที่รัฐควรยุติการซ้อมทรมานผู้ต้องหาให้รับสารภาพ เพราะเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อรัฐธรรมนูญ
กำลังโหลดความคิดเห็น