ผู้จัดการรายวัน - คณะอนุกรรมการด้านการขยายฐานผู้ลงทุน แนะตลาดหลักทรัพย์ฯ เร่งขยายโครงการขยายฐานผู้ลงทุนผ่านเครือข่ายองค์กรขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ลงทุน มุ่งสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สร้างความคุ้นเคย และความใกล้ชิดกับตลาดทุนมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดทุนมากขึ้นในอนาคต
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการขยายฐานผู้ลงทุน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ให้ข้อเสนอแนะในการเร่งผลักดันให้โครงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดไว้ สามารถเริ่มให้บริการและเห็นเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว และยังเห็นควรให้เร่งดำเนินโครงการให้ความรู้แก่พนักงานขององค์กรขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก และช่วยเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนที่ถูกต้องได้เร็วขึ้น
"ด้วยองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน คณะอนุกรรมการฯ จึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเชื่อมโยงการทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการขยายฐานผู้ลงทุนในตลาดทุนให้ดำเนินไปได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะแผนการไปให้ความรู้เกี่ยวกับทางเลือกการลงทุนแก่ผู้บริหารและพนักงานขององค์กรขนาดใหญ่ อาทิ สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขององค์กรต่าง ๆ " นายปกรณ์กล่าว
คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าการให้ความรู้แก่ผู้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ จะมีส่วนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของผู้ลงทุนสถาบันให้มากขึ้น คือสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสมาชิกของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ปัจจุบันมีอยู่กว่า 3 ล้านคน มีความเข้าใจถึงทางเลือกใหม่ๆ ในการลงทุน ก็จะเป็นการสร้างความคุ้นเคย และความใกล้ชิดกับตลาดทุนมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดทุนมากขึ้นในอนาคต
สำหรับแผนงานที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้และได้รายงานต่อคณะอนุกรรมการขยายฐานผู้ลงทุน เพื่อเร่งเพิ่มจำนวนผู้ลงทุน คือ การรณรงค์ให้มีการพัฒนาระบบ Employee's Choice เพิ่มทางเลือกให้พนักงาน รวมถึงการรณรงค์ให้บริษัทจดทะเบียนจัดโครงการ Employee Joint Investment Program หรือ EJIP เพื่อส่งเสริมให้พนักงานบริษัทมีส่วนในการเป็นเจ้าของบริษัท
รวมทั้ง สนับสนุนให้ลงทุนผ่านกองทุนรวม LTF& RMF โดยจัดโครงการรณรงค์ให้พนักงานบริษัทใช้สิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ หลังจากที่รัฐบาลได้เพิ่มการหักลดหย่อนภาษีกรณีลงทุนในกองทุนรวม LTF& RMF จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท ต่อประเภทการลงทุนต่อปี และยังสนับสนุนให้มีการลงทุนใน LTF และ RMF โดยการตัดบัญชีเงินเดือนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน และหนุนให้สถาบันการเงินให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการผู้ใช้บริการแบบครบวงจร โดยสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์ตั้งสาขาขนาดเล็ก และสาขาธนาคารออนไลน์ ในธนาคารพาณิชย์และศูนย์การค้า เป็นการผลักดันให้บริษัทหลักทรัพย์ให้บริการบริหารพอร์ตการลงทุนแก่ลูกค้าแบบครบวงจร ทั้งการลงทุนในหุ้น พันธบัตร และอนุพันธ์
ทั้งนี้ ทีมงานการตลาดด้านการขยายฐานผู้ลงทุน จะได้นำผลการดำเนินโครงการต่างๆ มานำเสนอต่อคณะอนุกรรมการขยายฐานผู้ลงทุนในการประชุมครั้งต่อไปในไตรมาส 2 นี้
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการขยายฐานผู้ลงทุน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้ให้ข้อเสนอแนะในการเร่งผลักดันให้โครงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดไว้ สามารถเริ่มให้บริการและเห็นเป็นรูปธรรมได้โดยเร็ว และยังเห็นควรให้เร่งดำเนินโครงการให้ความรู้แก่พนักงานขององค์กรขนาดใหญ่ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมาก และช่วยเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจในการลงทุนที่ถูกต้องได้เร็วขึ้น
"ด้วยองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน คณะอนุกรรมการฯ จึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเชื่อมโยงการทำงานที่เอื้ออำนวยต่อการขยายฐานผู้ลงทุนในตลาดทุนให้ดำเนินไปได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะแผนการไปให้ความรู้เกี่ยวกับทางเลือกการลงทุนแก่ผู้บริหารและพนักงานขององค์กรขนาดใหญ่ อาทิ สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขององค์กรต่าง ๆ " นายปกรณ์กล่าว
คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าการให้ความรู้แก่ผู้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ จะมีส่วนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของผู้ลงทุนสถาบันให้มากขึ้น คือสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและสมาชิกของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ปัจจุบันมีอยู่กว่า 3 ล้านคน มีความเข้าใจถึงทางเลือกใหม่ๆ ในการลงทุน ก็จะเป็นการสร้างความคุ้นเคย และความใกล้ชิดกับตลาดทุนมากยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดทุนมากขึ้นในอนาคต
สำหรับแผนงานที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้และได้รายงานต่อคณะอนุกรรมการขยายฐานผู้ลงทุน เพื่อเร่งเพิ่มจำนวนผู้ลงทุน คือ การรณรงค์ให้มีการพัฒนาระบบ Employee's Choice เพิ่มทางเลือกให้พนักงาน รวมถึงการรณรงค์ให้บริษัทจดทะเบียนจัดโครงการ Employee Joint Investment Program หรือ EJIP เพื่อส่งเสริมให้พนักงานบริษัทมีส่วนในการเป็นเจ้าของบริษัท
รวมทั้ง สนับสนุนให้ลงทุนผ่านกองทุนรวม LTF& RMF โดยจัดโครงการรณรงค์ให้พนักงานบริษัทใช้สิทธิประโยชน์อย่างเต็มที่ หลังจากที่รัฐบาลได้เพิ่มการหักลดหย่อนภาษีกรณีลงทุนในกองทุนรวม LTF& RMF จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท ต่อประเภทการลงทุนต่อปี และยังสนับสนุนให้มีการลงทุนใน LTF และ RMF โดยการตัดบัญชีเงินเดือนอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน และหนุนให้สถาบันการเงินให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการผู้ใช้บริการแบบครบวงจร โดยสนับสนุนให้บริษัทหลักทรัพย์ตั้งสาขาขนาดเล็ก และสาขาธนาคารออนไลน์ ในธนาคารพาณิชย์และศูนย์การค้า เป็นการผลักดันให้บริษัทหลักทรัพย์ให้บริการบริหารพอร์ตการลงทุนแก่ลูกค้าแบบครบวงจร ทั้งการลงทุนในหุ้น พันธบัตร และอนุพันธ์
ทั้งนี้ ทีมงานการตลาดด้านการขยายฐานผู้ลงทุน จะได้นำผลการดำเนินโครงการต่างๆ มานำเสนอต่อคณะอนุกรรมการขยายฐานผู้ลงทุนในการประชุมครั้งต่อไปในไตรมาส 2 นี้