คนไทยเมินน้ำมันแพง มอเตอร์โชว์สุดคึกรถใหม่บวกแคมเปญดันยอดจองทะลุ 1.8 หมื่นคัน เจ้าภาพยิ้มหน้าบาน คาดเงินสะพัดกว่า 4 หมื่นล้าน ผู้ชมงานกว่า 1.6 ล้านคน โตโยต้าครองแชมป์ขายดีอันดับหนึ่ง 5,137 คัน ตามด้วยฮอนด้า และ อีซูซุ เผยรถเล็กมาแรงทั้ง “ฮอนด้า แจ๊ส” และน้องใหม่ “นาซ่า” ขณะที่รถพลังงานทางเลือกของเชฟโรเลตไม่น้อยหน้า 541 คัน “ทาทา” ไม่แจ้งยอด
นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะประธานจัดงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 ณ ไบเทคบางนา เปิดเผยว่า งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยยอดจองรถยนต์ทั้งสิ้น 18,098 คัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 15,000 คัน เงินสะพัดกว่า 4 หมื่นล้านบาท และมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 1.6 ล้านคน
สำหรับรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กเช่น “ฮอนด้า แจ๊ส” ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้และมียอดจองเกือบ 1,300 คัน รวมถึงรถเล็กน้องใหม่ “นาซ่า ฟอร์ซ่า” ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดจองสูงถึง 524 คัน
“งานปีนี้โดยรวมถือว่าดีมาก แม้ว่าสถานการณ์การเมืองและภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีนัก แต่ตัวเลขยอดจองรถยนต์ในงานกลับสูงเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้มากกว่า 3 พันคัน คาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในตลาดรวมปีนี้เติบโตได้ถึง 10%” นายปราจิน กล่าว
ทั้งนี้รายงานยอดจองรถยนต์จากบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อันดับ 1 เป็นค่ายโตโยต้า 5,137 คัน อันดับสอง ฮอนด้า 2,511 คัน แซงหน้า อีซูซุ ซึ่งได้อันดับสาม 2,490 คัน อันดับสี่ เชฟโรเลต 1,632 คัน อันดับห้า นิสสัน 1,068 คัน อันดับหก มาสด้า 837 คัน อันดับเจ็ด มิตซูบิชิ 828 คัน อันดับแปด เมอร์เซเดส-เบนซ์ 670 คัน อันดับเก้า เกีย 617 คัน และอันดับสิบ นาซ่า 524 คัน
สำหรับค่าย “มาสด้า” ถือว่ามียอดจองสูงสุดจนเป็นสถิติใหม่ 837 คัน แบ่งเป็น มาสด้า3 จำนวน 660 คัน, มาสด้า บีที-50 จำนวน 165 คัน และมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 จำนวน 12 คัน แซงหน้าคู่แข่งอย่างมิตซูบิชิและฟอร์ดมาอยู่ในอันดับหกเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผลมาจากการอัดแคมเปญที่โดนใจผู้บริโภค
ด้านค่ายรถยุโรป “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่มียอดจองสูงถึง 670 คัน โดยรถรุ่นอี-คลาสมียอดจองสูงสุด จากการใช้แคมเปญดอกเบี้ย0% ขณะที่รถรุ่นเอสแอล 350 ซึ่งมีสนนราคาถึง 11.79 ล้านบาทและเปิดตัวรุ่นพวงมาลัยขวาเป็นครั้งแรกของโลกก็สามารถจำหน่ายได้ตั้งแต่วันแรก(รอบVIP)
ส่วนค่ายคู่แข่งบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่มีรถมาเป็นไฮไลต์หลายรุ่นทำยอดจองได้ 269 คัน โดยรถรุ่น 320d เครื่องยนต์ดีเซลมียอดจองสูงที่สุดเกือบ 40% ของยอดจองทั้งหมด และรถนำเข้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่น เอ็กซ์6 ซึ่งนำมาแสดงเป็นครั้งแรกในเอเชีย มีลูกค้าสั่งจองเข้ามาแล้วแม้จะยังไม่ทราบราคาอย่างเป็นทางการก็ตาม
ในส่วนของค่ายน้องใหม่ “ทาทา” ไม่มีการแจ้งยอดจองกับทางผู้จัดงาน ส่วน “มิตซึโอกะ” มียอดจอง 13 คัน และ “เอ็มทีเอ็ม” 18 คันถือว่าเป็นที่น่าพอใจ สำหรับ “วู่หลิง” รถจากจีนมียอดจอง 35 คัน
และเป็นที่น่าสังเกตว่านอกจากรถเล็กที่ขายดีกว่ารถใหญ่ในงานนี้แล้ว รถพลังงานทางเลือกอย่าง เชฟโรเลต ออพตร้า CNG รถยนต์ติดตั้งเชื้อเพลิง 2 ระบบ ได้รับความนิยมเช่นกันด้วยยอดจอง 541 คัน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของยอดจองทั้งหมดของรถยนต์เชฟโรเลต แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มมองหาความประหยัดจากพลังงานทดแทน เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะประธานจัดงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 ณ ไบเทคบางนา เปิดเผยว่า งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยยอดจองรถยนต์ทั้งสิ้น 18,098 คัน สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 15,000 คัน เงินสะพัดกว่า 4 หมื่นล้านบาท และมีผู้เข้าชมงานมากกว่า 1.6 ล้านคน
สำหรับรถที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กเช่น “ฮอนด้า แจ๊ส” ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้และมียอดจองเกือบ 1,300 คัน รวมถึงรถเล็กน้องใหม่ “นาซ่า ฟอร์ซ่า” ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยยอดจองสูงถึง 524 คัน
“งานปีนี้โดยรวมถือว่าดีมาก แม้ว่าสถานการณ์การเมืองและภาวะเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีนัก แต่ตัวเลขยอดจองรถยนต์ในงานกลับสูงเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้มากกว่า 3 พันคัน คาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในตลาดรวมปีนี้เติบโตได้ถึง 10%” นายปราจิน กล่าว
ทั้งนี้รายงานยอดจองรถยนต์จากบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อันดับ 1 เป็นค่ายโตโยต้า 5,137 คัน อันดับสอง ฮอนด้า 2,511 คัน แซงหน้า อีซูซุ ซึ่งได้อันดับสาม 2,490 คัน อันดับสี่ เชฟโรเลต 1,632 คัน อันดับห้า นิสสัน 1,068 คัน อันดับหก มาสด้า 837 คัน อันดับเจ็ด มิตซูบิชิ 828 คัน อันดับแปด เมอร์เซเดส-เบนซ์ 670 คัน อันดับเก้า เกีย 617 คัน และอันดับสิบ นาซ่า 524 คัน
สำหรับค่าย “มาสด้า” ถือว่ามียอดจองสูงสุดจนเป็นสถิติใหม่ 837 คัน แบ่งเป็น มาสด้า3 จำนวน 660 คัน, มาสด้า บีที-50 จำนวน 165 คัน และมาสด้า เอ็มเอ็กซ์-5 จำนวน 12 คัน แซงหน้าคู่แข่งอย่างมิตซูบิชิและฟอร์ดมาอยู่ในอันดับหกเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผลมาจากการอัดแคมเปญที่โดนใจผู้บริโภค
ด้านค่ายรถยุโรป “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ที่มียอดจองสูงถึง 670 คัน โดยรถรุ่นอี-คลาสมียอดจองสูงสุด จากการใช้แคมเปญดอกเบี้ย0% ขณะที่รถรุ่นเอสแอล 350 ซึ่งมีสนนราคาถึง 11.79 ล้านบาทและเปิดตัวรุ่นพวงมาลัยขวาเป็นครั้งแรกของโลกก็สามารถจำหน่ายได้ตั้งแต่วันแรก(รอบVIP)
ส่วนค่ายคู่แข่งบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่มีรถมาเป็นไฮไลต์หลายรุ่นทำยอดจองได้ 269 คัน โดยรถรุ่น 320d เครื่องยนต์ดีเซลมียอดจองสูงที่สุดเกือบ 40% ของยอดจองทั้งหมด และรถนำเข้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่น เอ็กซ์6 ซึ่งนำมาแสดงเป็นครั้งแรกในเอเชีย มีลูกค้าสั่งจองเข้ามาแล้วแม้จะยังไม่ทราบราคาอย่างเป็นทางการก็ตาม
ในส่วนของค่ายน้องใหม่ “ทาทา” ไม่มีการแจ้งยอดจองกับทางผู้จัดงาน ส่วน “มิตซึโอกะ” มียอดจอง 13 คัน และ “เอ็มทีเอ็ม” 18 คันถือว่าเป็นที่น่าพอใจ สำหรับ “วู่หลิง” รถจากจีนมียอดจอง 35 คัน
และเป็นที่น่าสังเกตว่านอกจากรถเล็กที่ขายดีกว่ารถใหญ่ในงานนี้แล้ว รถพลังงานทางเลือกอย่าง เชฟโรเลต ออพตร้า CNG รถยนต์ติดตั้งเชื้อเพลิง 2 ระบบ ได้รับความนิยมเช่นกันด้วยยอดจอง 541 คัน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของยอดจองทั้งหมดของรถยนต์เชฟโรเลต แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มมองหาความประหยัดจากพลังงานทดแทน เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
