xs
xsm
sm
md
lg

“หมัก”คล้อยตามแก้ ม.309 อ้างทำเพื่อ ปชช.-111 ซาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – “หมัก” ลั่น รธน.ศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนถึงแตะต้องไม่ได้ ยอมคล้อยตามขาใหญ่ในพรรคที่บอกว่าต้องแก้ ม.309 เพื่อเปิดทางช่วยเหลือ 111 ซาก แต่ยังอ้างว่าทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนในอนาคต ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ยอมรับต้องรีบแก้เพราะช่วงนี้รัฐบาลยังแข็งแรง แต่ยังเสียงแตกจะแก้ทั้งฉบับ หรือบางมาตรา

เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (4 เม.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาลประจำสัปดาห์ หลังจากหายจากอาการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ โดยนายสมัครใช้เวลาถึง 1 ชั่วโมง 10 นาที แต่นายสมัคร เริ่มต้นด้วยการขอพูดคนเดียวโดยไม่ให้ผู้สื่อข่าวซักถามนานถึง 45 นาที

ทั้งนี้ นายสมัคร กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่ใช่อยู่ดีดี พอเลือกตั้งแล้วจะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที แต่มีเหตุเนื่องจากมีการปฏิบัติยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 แล้วเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่

"เขาบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับเก่ามันดีเกินไป สำหรับรัฐบาล อย่างรัฐบาลนายกฯทักษิณ รัฐธรรมนูญมันไปเอื้อรัฐบาล รัฐบาลแข็งแรงมาก รัฐบาลเลยโกง เขาว่าอย่างนั้นแหละสรุปง่ายๆ" นายสมัคร กล่าว และว่ารัฐธรรมนูญปี 50 จึงเขียนขึ้นมาบนพื้นฐานที่ผู้ร่างไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ

นายสมัคร ยังกล่าวถึงการลงมติร่าง รัฐธรรมนูญฉบับปี 50 ว่า คะแนนที่ออกมาไม่ใช่ 14 ล้านต่อศูนย์ แต่เป็น14 ล้าน ต่อ 10 ล้าน คือประมาณ 58 ต่อ 41 ก็แปลว่าใน 10 คน มีคนเห็นด้วย 6 คน ไม่เห็นด้วย 4 คน

"ที่เห็นด้วย 6 คน แปลว่าให้ไปเลือกตั้งเสียก่อน แล้วค่อยมาแก้ไขกัน ไอ้นี่ไปลืมกันได้อย่างไร ไอ้คน 4 คน เขาบอกว่าต้องแก้แน่ ไอ้ใน 6 คนเห็นด้วย เพื่อจะให้เลือกตั้งก่อน ต่อไปจะต้องแก้ มันสะท้อนมาว่า ไอ้พวกที่หาเสียงไปบอกว่าจะต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องแก้ มันก็ออกมา 233 ไอ้พวกที่เขาบอกว่า เขาไม่ต้องการจะแก้ เขาก็ออกมา 164 ก็เห็นแล้วนี่"

นายสมัคร กล่าวว่า คณะปฏิวัติ ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งแล้วเขียนใหม่ไม่มีใครว่า แต่พอคนที่มาจากการเลือกตั้ง จะแก้ไข กลับกลายเป็นคนเลว คนใช้ไม่ได้ คนเห็นแก่ตัว

"ไอ้สำนวนที่ผมเจ็บช้ำน้ำใจที่สุดเลยนี่ก็คือว่า ไอ้คนที่ทำผิดแล้วให้ไปแก้กฎหมาย แล้วทำไมไม่ย้อนถามล่ะ ถ้าไอ้กฎหมายผิด แล้วคนมันอยู่กันได้ยังไง ถ้ากฎหมายมันผิด เขียนกฎหมายไว้ไม่ถูกต้องเนี่ย แล้วจะอยู่ต่อไปได้ยังไง"

“หมัก”กลับลำหนุนแก้ ม.309

นายสมัคร ยังกล่าวถึง เรื่องความเห็นในการแก้รัฐธรรมนูญ ของพรรคพลังประชาชน ที่เสียงแตกไปคนละทางว่า ตนไม่ได้ไปประชุมกับเขา ทางโน้นเขาบอกให้แก้ ม. 309 แต่ตนคิดชั้นเดียว จึงบอกว่าไม่เห็นด้วยว่าจะต้องแก้ คิดง่ายๆตื้นๆว่า มันเสร็จไปหมดแล้ว ไปแก้ทำไม เขาก็บอกว่าต้องแก้ ก็อธิบายเหตุผลแต่ตนไม่ได้ฟังกับเขา อย่างไรก็ตาม ตนไม่เห็นเรื่องเสียเหลี่ยม เสียหน้าเสียตาอะไร

"รัฐธรรมนูญมันศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหนถึงแตะต้องไม่ได้ แก้ไม่ได้ ผมเคยบอกแล้วว่าคนที่เอาไม้ขีดพื้นทราย เป็นวงล้อมตัวเอง แล้วก็บอกว่าออกไม่ได้โว๊ย ออกไม่ได้โว๊ย ก็ขีดวงเอง แล้วบอกว่าออกไม่ได้ ก็ก้าวข้ามออกมาก็จบเรื่อง เขียนรัฐธรรมนูญไว้แล้ว ก็บอกว่าไม่กล้าแก้ เพราะศักดิ์สิทธิ์ เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าอย่าไปแตะไปไปมามากลายเป็นว่าไอ้คนที่จะแก้ไขทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง"

ส่วนแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญนั้น นายสมัคร เสนอว่าให้ เอารัฐธรรมนูญ 50 มาตั้ง แล้วก็เก็บหมวด 1 ไว้ แล้วก็เอาทั้งหมดออกไป แล้วก็เอาทั้งหมดของรัฐธรรมนูญปี 40 มาใส่ แล้วก็มานั่งดูว่าอันไหนไม่ดี ก็ทิ้งไป อันไหนดีก็เอาเก็บไว้ อันไหนจะต้องเติม ก็เติมเข้าไป

"ไอ้เนี่ยเพื่ออนาคต ผมเนี่ยไม่มีอนาคต เพราะต่อไปผมก็ไม่ลงแล้ว และทำอย่างนี้เพื่ออะไร เพราะตัวเองรึไง ถ้าเพื่อตัวเองก็ไม่คุ้มครองผมหรอก แล้วมาตรา 309 ทำไมนายสมัครบอกไม่เอา เพราะผมคิดชั้นเดียว ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องไปต่อสู้อะไร ผมคิดว่าผมไม่ได้ทำความผิด จะโดนไม่โดนก็สุดแท้แต่เถอะ ผมก็บอกไม่ต้องแก้ แต่พวกที่เขาบอกว่าโดนคดีความ เขาบอกว่าต้องแก้ ก็เหตุผลก็ฟังได้ ก็แก้ มันอยู่คนละที่กัน ผมอยู่ทำเนียบฯ เขาอยู่ที่โน่นถนนเพชรบุรี ไม่ได้เจอไม่ได้คุยกัน" นายสมัคร กล่าว

นายสมัคร ยังได้ตอบคำถามของนายอานันท์ ปันยารชุน ที่ถามว่าแก้รัฐธรรมนูญเพื่อใคร ว่า ตนแก้เพื่อคนไทยในอนาคตที่ยังจะต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งตนจะไม่ลงสมัครรับเลือกตัง

"เพราะฉะนั้นไม่ได้ทำเพื่อตัวผมเองเลย เพื่อคนไทยในวันข้างหน้าที่จะต้องใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถ้าคน 233 บวกกัน เป็น 316 มีโอกาสจะเป็นคนแก้ได้ แล้วไม่แก้เนี่ย อย่างนี้เสียของ แก้ครับ แล้วคนพวกนี้ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกครับ"

นายสมัคร กล่าวว่า ปกติเมื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้ว เขาจะต้องเลือกตั้งใหม่ ตนจึงพูดไว้ว่าอีก 3 เดือนจะไป ค่อยมาแก้กัน เพราะตนต้องการจะให้เลือกตั้งใหม่หลังจากนั้น

"ก็กำลังนี้เขาบอกว่า เขาจะแก้ เขาคิดยังงั้น เขาคิดได้ และต้องให้สิทธิเขาบ้าง จะได้ไม่ได้ ก็ต้องทำ"

นายสมัคร กล่าวย้ำว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 เพื่อเหตุ ต้องการจะฆ่าคนนี้ ต้องการจะส่งเสริมคนนี้ ซึ่งเห็นกันชัดชัด แล้วทำไมถึงทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำไมถึงลืมเลือน ทั้งหมอประเวศ ก็มีความเห็น คุณอานันท์ ก็มาบอก ดังนั้นตนตอบคำถามได้ชัดเจนเลย ว่าไม่ใช่เพื่อตัวของตนเลย แต่เพื่อประเทศไทยวันข้างหน้าจะมีเลือกตั้ง คนไทยจะได้ไปเลือกตั้งเขตละคน คนละเขต คนไทยจะได้เลือก ส.ว. 200 คน เลือกตั้งกันทั้งหมด จะสังกัดไม่สังกัดพรรค จะลงมติจะแก้ไว้ให้

"เรื่องทั้งหมดมันทำเพื่อการเมืองทั้งนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับอะไร คนอื่นอาจจะมี แต่ผมไม่มี แล้วผมไม่ใช่หัวโจกจะแก้ แต่เมื่อเขาจะแก้ เราก็เป็นประชาธิปไตยในพรรค เขาจะแก้ เขาก็ไปพบกัน เขาว่าก็ต้องหาเหตุว่ามันเป็นยังงั้น จะรอไอ้ตอนนั้น เขาบอกว่าตอนนี้มีกำลังพร้อมๆ กำลังแข็งแรงอยู่ แก้เลย ก็แก้" นายสมัคร กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ในการแก้รัฐธรรมนูญรัฐบาลเองยังมีความเห็นไม่ตรงกันจะทำอย่างไรให้ราบรื่น นายสมัคร กล่าวว่า ขณะนี้เรากำลังดำเนินการ ตนก็จะบอกว่าวิปรัฐบาล ก็ควรจะรีบประชุมกัน แต่ให้ประชุมแต่ละพรรคก่อน แล้วมาประชุมร่วมกัน หรือเอามติ 6 พรรค เข้ามาที่ประชุม ครม.เพราะมี 6 พรรคเช่นกัน แต่ตนคิดว่าควรจะเป็นประชุม ส.ส.ทั้งหมด แล้วออกความเห็นกันเสียให้เสร็จ แก้ให้ได้เร็ว แต่ไม่ต้องรีบร้อน คือ ตกลงกันก่อนให้มันตกผลึก แล้วมาจัดการยกร่างแก้ไข เรื่องนี้ไม่ต้องรีบ แต่ทำได้เร็วก็ดี

เมื่อถามว่า พรรคชาติไทย ก็ไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิก มาตรา 309 นายสมัคร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร ก็ไม่ต้องลงคะแนน ปัญหาคือว่า จะเอาชนะกันทำไม ต้องลงกันให้ได้ เพราะอยู่ในรัฐบาลด้วยกัน ไม่เป็นปัญหา สำหรับตนแล้วเรื่องวิธีการเลือกตั้ง ถ้าแก้ได้แล้วใครเดือดร้อนไหม มันดีกว่าเก่าแน่นอน ก็มีการแดกดัน ส.ส.ว่า ถ้าไม่ได้แก้รัฐธรรมนูญต้องตายแน่นอน ตนบอกเลยต้องตายแน่ ถ้าเขาจะเอาให้ตาย ต้องตาย แก้ไม่ได้หรอก ไม่ทันกินหรอก ยังไงก็ไม่ทันกิน

เมื่อถามว่า หากใช้ข้ออ้างจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนไทย ทำไมจึงไม่ขอความเห็นด้วยการลงประชามติ นายสมัคร กล่าวว่า ที่เลือกตั้งคราวที่แล้ว พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้งได้เสียงข้างมาก จึงถือเป็นมติของมหาชน เขาลงคะแนนมาแล้ว ดังนั้นในสภาที่เขาทำหน้าที่กันอยู่ทุกวัน เพราะเขาได้รับเลือกตั้งมาแล้ว กินเงินเดือนอยู่ทุกวันทำงานอยู่ทุกวันนี้เพราะได้รับเลือกตั้งจากเสียงข้างมากมาแล้ว

เมื่อถามว่า มุมมองของนายกฯ คือเลือกตั้งครั้งเดียวทำได้ทุกอย่างเลยใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เอ๊ะแล้วคุณจะให้เลือกกี่ครั้ง ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายความว่า จะทำอะไรก็ไม่ต้องถามประชาชนแล้วใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า

"คุณจะมาพูดจากับผมอย่างนี้ จะบอกให้คุณฟังนะ เลือกตั้งครั้งเดียวมันเลือกหนเดียวแน่นอน แต่ว่าถ้าจะทำอะไรทุกครั้งต้องไปถามประชาชนอีก แล้วจะเลือกตั้งมาทำไม หาตัวแทนเขาทำงาน 4 ปีถึงจะหมดเวลา แล้วค่อยเลือกตั้งใหม่ อะไรคนจะทำ จะคิดอะไรใหม่ ต้องไป ถามประชาชนก่อน อะไรกัน

เมื่อถามว่าที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาระบุว่า ตั้งแต่มีข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กระแสต่อต้านรัฐบาลเริ่มมีมากขึ้น นายสมัคร กล่าวว่า ไม่มีปัญหา กระแสต้านรัฐบาลจะมีก็มีไป เพราะเป็นสิทธิอันพึงได้ของระบอบประชาธิปไตย คนไม่ชอบก็ต้องมี แต่คนชอบก็ต้องมา สถานการณ์วันนี้อย่าไปคิดว่าจะเอากันแล้วเหมือนตอนไทยรักไทยแล้ว ไม่เหมือน ยังไงก็ไม่เหมือน

เมื่อถามว่า ประชาชนเลือกรัฐบาลเข้ามาหวังให้แก้ปัญหาปากท้องประชาชนมากกว่าให้มาแก้รัฐธรรมนูญ นายสมัคร กล่าวว่า นี่ ไอ้มือหนึ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจแล้วอีกมือหนึ่งแก้รัฐธรรมนูญได้ไหม มันแก้ได้ไหม

"นี่ผมจะถามคุณหน่อยสิว่า ถ้าคุณจะถอดเสื้อ มือหนึ่งถอดเสื้อ ถ้าคุณปวดท้องจะลงท้องคุณจะถอดกางเกงไหม เสื้อก็ถอด กางเกงก็ถอด มันเป็นอะไรไหม หา" นายสมัครกล่าว

ผู้สื่อข่าวบอกว่า ถ้าปวดท้องก็ถอดกางเกงอย่างเดียว นายสมัคร กล่าว ถอดกางเกงอย่างเดียว แล้วถ้าร้อนถอดเสื้อไหม ปัดโธ่ คืองานเขาก็ทำกันอยู่ แต่ว่าจะไปแก้ แบบที่ว่าคนเขาเลือกมาทำไมผมจะไม่รู้ว่าคนเขาเลือกกันมาทำไม"

เมื่อถามว่า ที่บอกว่าจะแก้ รธน.เพื่อประชาชน ดังนั้นจะอธิบายข้อเสนอแก้มาตรา 309 อธิบายอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ไม่อธิบายหรอก บอกเขาสิว่ามันแก้ไม่ได้หรอก มันแก้ได้ แต่มันไม่มีประโยชน์ถึงตรงนี้หรอก อย่าไปคิดว่าจะได้ประโยชน์อะไรอย่างนี้เลย ถ้าเขาบอกว่ากฎหมายมันไม่ย้อนหลังก็จบเรื่องไปเท่านั้นเอง

"ไม่หรอก คือผมอยากจะบอกว่า ประชดด้วยการตัด ผมไม่ให้เขาตัดหรอก เพราะไอ้นี่คือตัวสำคัญ แต่ก่อนมันไม่มีอย่างนี้ เขาขอตัดวรรคสองออกเท่านั้นเอง ถามว่าเขาตัดวรรคสองออกทำไม ก็เพราะต้องการจะเล่นงาน เล่นงานเพราะว่าต้องการจะให้กรรมการพรรค ถ้าโดนก็โดนทั้งพรรค แล้วก็ไปล่อกันอยู่ที่เชียงราย กรรมการพรรค จะให้โดนทั้งพรรค คุณ (สื่อ) ไม่เห็นหรือว่านี่ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา" นายสมัคร กล่าว เมื่อถามว่า มาตรา 309 มีแนวโน้มว่า จะตัดทิ้งทั้ง มาตรา นายสมัคร กล่าวว่า มันจะอะไรก็ช่าง ไม่มีความเห็นแล้ว เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายสมัคร ยืนยันว่าแก้ไปก็ขายหน้า นายสมัคร กล่าวว่า ตนพูดหนเดียว พอเขาชี้แจงมีเหตุผล ตนก็หุบปาก ไม่เห็นมันเสียหายอะไรเลย แต่เห็นด้วยหรือ ไม่ไม่ออกความเห็นแล้ว พอใจหรือยัง

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากแก้ ม. 237 จะช่วยให้พรรคไม่ถูกยุบได้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า ไม่ทันหรอก รัฐธรรมนูญออกหน้า ออกหลัง ก็ต้องถูกตีความอีกย้อนหน้าย้อนหลังได้ไหม เรื่องเกิดแล้วมาทำกฎหมายตรงนี้

"ไม่ได้อยู่ในความมุ่งหวังของผมเลย ความหวังของผมคือว่าให้รัฐธรรมนูญที่หยิบมาใช้ มันดีกว่าที่เป็นอยู่ ที่ผมประหลาดใจคือว่า คณะปฏิวัติร่างรัฐธรรมนูญดันมีคนชื่นชม ไอ้คนมาจากเลือกตั้งขอแก้รัฐธรรมนูญ กลายเป็นถูกตำหนิติเตียน โลกนี้มันช่างน่าอเนจอนาถจริงๆ ถ้าคุณเป็นผมคุณจะรู้สึก ไม่ชอบใจปฏิวัติ ฉีกรัฐธรรมนูญเลยร่างใหม่ แล้วร่างไม่ดี พอเลือกตั้งมาเสร็จเขาบอกขอแก้รัฐธรรมนูญกลายเป็นว่าไม่ควรไปแก้ ไม่ควรแตะต้องเป็นของศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นว่าตัวทำผิดไปแก้กฎหมาย แล้วกฎหมายผิดแล้วคนจะต้องนั่งทนอย่างนี้กันหรือ"

เมื่อถามว่า มีการแก้ในช่วงที่มีการพิจารณาคดียุบพรรคทำให้เกิดความสับสน นายสมัคร กล่าวว่า บอกแล้วว่า มันไม่มีผล มันไม่มีผลหรอก

เมื่อถามว่า เหตุใดจึงไม่รอช่วงเวลา 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง ตามที่นายกฯ เคยระบุไว้ นายสมัคร กล่าวว่า บอกแล้วว่ารัฐบาลจะอยู่ได้เท่าไร ยังไม่รู้ แต่เราบอกว่าอีก 3 เดือนจะไปแล้วก็จะจัดการแก้ไข ก็เป็นการปรารภธรรมดาเท่านั้นเอง จะมาบอกว่านายสมัคร พูดแล้วคืนคำ แล้วตกลงผมจะอยู่ได้สี่ปีใครจะยืนยันให้ผม ใครจะยืนยัน ผมก็ปรารภไปตามธรรมดา ไม่มีอะไรแน่นอน

เมื่อถามว่า จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไรให้ไม่ถูกแก้ได้ง่าย นายสมัคร กล่าวว่า เขียนไว้ ในรัฐธรรมนูญสิว่าห้ามปฏิวัติ พูดคำนี้เดี๋ยวโดนอีก

ยังไม่สรุปแก้รายมาตรา-ทั้งฉบับ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อขัดแย้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนของพรรคพลังประชาชนเอง ที่มีทั้งอยากให้แก้ทั้งฉบับ และรายมาตราว่า ขณะนี้ต้นร่างที่บอกว่าจะแก้ 5 มาตรานั้นเสร็จแล้ว แต่เมื่อมีความคิดหลายส่วนไม่ตรงกัน ยังไม่ตกผลึก รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ดังนั้นตนจึงบอกให้ไปสื่อกันให้เรียบร้อยก่อนว่าจะเอาอย่างไร จะแก้ใหญ่โดยเอารัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นตัวตั้งหรือจะแก้บางส่วนบางประเด็นก็ว่ากันไป

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนเคยบอกนพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง ไปเหมือนกันว่า ถ้าจะให้ดีที่สุดก็ควรจะนัดพรรคร่วมรัฐบาลหารือในระดับแกนนำ และขณะเดียวกันในส่วนของแกนนำพรรคพลังประชาชนก็คงจะต้องคุยกันด้วย "ยอมรับว่า เหตุผลหนึ่งที่ยังไม่เสนอร่างที่แก้ไขเป็นรายมาตรา ต่อสภาเพราะเกรงจะมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาขู่ก่อนหน้านี้ว่าจะมาล้อมสภา แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือเราอยากให้ทุกฝ่ายมีแนวความคิดที่ตกผลึกกันให้เรียบร้อยก่อนว่าจะเอาประเด็นอะไรบ้าง

ด้าน นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ในรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับจริง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 9 เดือน ในการดำเนินการ อย่างไรก็ตามส่วนตัวเห็นว่า ควรที่จะทยอยแก้ไขในมาตราที่เป็นปัญหาไปก่อน ส่วนมาตราที่เห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไข เช่น ที่มาของส.ว. หรือการแบ่งเขตเลือกตั้งของส.ส.ซึ่งขณะนี้ทั้ง ส.ส.และส.ว.ก็เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ ดังนั้นน่าจะปล่อยให้ทำหน้าที่ในสภาไปก่อน

ครส.ค้านแก้รัฐธรรมนูญ

ด้านคณะกรรมการรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน(ครส.)ได้ออกแถลงการณ์ คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคการเมือง โดยมีเนื้อหาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรมีกระบวนการการมีส่วนร่วมจากประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์ทางอำนาจที่ลักลั่นกันทั้งระบบ ไม่ใช่การแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของใคร พรรคการเมืองใด ในสถานการณ์หนึ่งสถานการณ์ใด หรือเฉพาะมาตราหนึ่งมาตราใด ที่ขัดต่อประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทางการเมืองเท่านั้น โดยใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยขาดการมีส่วนร่วมทางตรงจากประชาชน เพราะจะทำให้เกิดการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่รู้จบจากผู้มีอำนาจทางการเมืองที่สูญเสียประโยชน์ หรือเกิดรัฐธรรมนูญฉบับ"อำนาจนิยม" ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
กำลังโหลดความคิดเห็น