ผู้จัดการรายวัน - สื่อออนไลน์มาแรงในเวทีโฆษณาระดับโลก ไทยต้องเตรียมรับมือ ภาครัฐต้องเข้าพัฒนาสื่ออินเทอร์เน็ต งานแอดเฟส ไทย ทำได้ดีที่สุด เพียง 4 โกลด์เท่านั้น ส่งผลตกมาอยู่ในอันดับที่ 8 ในภูมิภาคอาเซียนแล้วปีนี้ จากเดิมอันดับ 6ในปีก่อน
จบไปแล้วกับงานประกวดผลงานโฆษณาในภูมิภาคอาเซียน กับงาน “แอดเฟส” ประจำปี 2551 เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่สังเกตว่า ผลงานโฆษณาของไทยกำลังถูกเบียดตำแหน่งให้ตกลงเรื่อยๆในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากที่สามารถก้าวขึ้นไปถึงอับดับที่ 5 แซงหน้าญี่ปุ่นได้ ปีที่ผ่านมาตกมาอยู่ที่อันดับ 6 และในปีนี้หล่นลงมาอีกเป็นอันดับที่ 8 โดยญี่ปุ่นแซงกลับขึ้นไปได้
นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ผลงานโฆษณาของไทย ตกมาอยู่ในอันดับที่ 8 นั้น ส่วนหนึ่งมาจากปีนี้มีการเพิ่มรางวัลในสื่อใหม่ๆมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อออนไลน์ ซึ่งสื่อดังกล่าวสามารถแยกประเภทชิ้นงานโฆษณาได้อีกหลายรูปแบบ ซึ่งประเทศที่ส่งผลงานในกลุ่มดังกล่าวเข้าประกวดมาก คือ ออสเตรเลีย รวมทั้งญี่ปุ่น แต่สำหรับประเทศไทยยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเมื่อรวมชิ้นงานเข้าด้วยกันแล้ว จึงทำให้ไทยตกมาอยู่อันดับที่ 8 ทั้งที่ชิ้นงานโฆษณาประเภทสื่อทีวีของไทย ยังอยู่ในอันดับต้นๆก็ตาม
การที่สื่อออนไลน์กำลังเข้ามามีบทบาทอยู่ในขณะนี้ นายวิทวัส กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้วงการโฆษณาดีขึ้น เพราะจะทำให้เกิดการแข่งขัน และการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆมากยิ่งขึ้น เพราะสื่อออนไลน์ ถือเป็นสื่อใหม่ การที่มีคนคิดอะไรออกมาใหม่ๆได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี สำหรับประเทศไทยเอง นักโฆษณาก็ควรที่จะศึกษาไว้บ้างแม้ว่าตอนนี้สื่อดังกล่าวยังไม่ค่อยแพร่หลาย แต่ถึงจุดๆหนึ่ง เชื่อว่าการรับรู้และเข้าถึงสื่อจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากรัฐบาลมองเห็นความสำคัญมากกว่านี้ ซึ่งคาดว่าคงไม่นาน เพราะทางสิงคโปร์ ในปีหน้าก็จะมีอินเทอร์เน็ตไฮ-ไฟ ใช้กันทั่วประเทศแล้ว น่าจะทำให้ภาครัฐของไทย ต้องมีการทำอะไรสักอย่างแน่ ถึงแม้ว่าไทยจะติดอันดับการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเป็นอันดับ 1 ในกลุ่ม เกมออนไลน์ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม กรณี สื่อออนไลน์ เป็นสัญญาณบอกให้เราทราบว่า กระแสการรับรู้และการเข้าถึงสื่อของผู้บริโภค จะเป็นในลักษณะอินเทอร์แอกทีฟมากยิ่งขึ้น คือ การที่ผู้บริโภคจะเข้ามามีส่วนร่วมกับสื่อนั้นๆมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งต่อไปแนวโน้มผู้บริโภคจะมีความต้องการและเข้าใจอย่างรวดเร็วให้มากที่สุด ซึ่งเฉพาะสื่อออนไลน์ อย่างอินเทอร์เน็ตคงไม่เพียงพอเสียแล้ว อนาคตมือถือก็เป็นอีกสื่อหนึ่งที่จะสร้างความน่าสนใจทั้งในแง่ผลงานโฆษณา หรือสร้างเนื้อหาสาระสู่ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ในฐานะนักโฆษณาก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสื่อใหม่ๆเหล่านี้ ส่วนในฐานะผู้ผลิตธุรกิจเกี่ยวกับสื่อทั้งหลาย โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ ก็ควรที่จะพัฒนาหันมาใช้สื่อดังกล่าวควบคู่ไปกับสื่อหลักของตนด้วย ซึ่งสื่อทั้ง 2 แบบนี้ โดยเฉพาะมือถือ จะเป็นสื่อที่ทำหน้าที่เข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์จะทำหน้าที่เป็นสื่อหลักที่ให้รายละเอียดได้ครบถ้วนมากกว่า ดังนั้นอนาคตสื่อสิ่งพิมพ์ยังคงอยู่ แต่อาจจะต้องเปลี่ยนสถานะไปบ้างเล็กน้อย ถึงแม้ว่าในแง่ของราคาโฆษณา สื่อทีวีบ้านเราก็ยังคงสูงอยู่ แต่แนวโน้มลูกค้าจะหันมาใช้สื่อใหม่ๆแทน เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มบริโภคได้ตรงกลุ่ม และใช้เม็ดเงินไม่สูงมากนักนั่นเอง
อย่างไรก็ตามสำหรับผลการประกวดสื่อโฆษณาในงาน แอดเฟส ครั้งนี้ จากทั้งหมด 12 ประเภทผลงาน ปรากฏว่า สิงคโปร์ ได้รับรางวัลระดับโกลด์ มากที่สุด 17 รางวัล รองลงมาคือ ไทย และญี่ปุ่น ได้รางวัลระดับโกลด์ไปประเทศละ 4 รางวัล ซึ่งเมื่อรวมรางวัลเข้าด้วยกันแล้ว สิงคโปร์ได้จำนวนรางวัลมากที่สุด 53 รางวัล รองลงมาคือ ไทย 45 รางวัล และญี่ปุ่น 39 รางวัล จากประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ส่งเข้าร่วมการประกวดทั้งหมด 5148 ผลงาน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5012 ผลงาน
ทั้งนี้บริษัทโฆษณาจากไทยที่ได้รางวัลมากที่สุด คือ บีบีดีโอ บางกอก 8 รางวัล แบ่งเป็น บรอนซ์ 5 รางวัล และซิลเวอร์ 3 รางวัล และครีเอทีฟจูซ\จีวัน ได้รับรางวัลบรอนซ์ 8 รางวัล ขณะที่ผลงานโดดเด่นสำหรับคนไทย คือ ผลงานชื่อ Tree ขององค์กร WWF โดยบริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย
จบไปแล้วกับงานประกวดผลงานโฆษณาในภูมิภาคอาเซียน กับงาน “แอดเฟส” ประจำปี 2551 เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่สังเกตว่า ผลงานโฆษณาของไทยกำลังถูกเบียดตำแหน่งให้ตกลงเรื่อยๆในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จากที่สามารถก้าวขึ้นไปถึงอับดับที่ 5 แซงหน้าญี่ปุ่นได้ ปีที่ผ่านมาตกมาอยู่ที่อันดับ 6 และในปีนี้หล่นลงมาอีกเป็นอันดับที่ 8 โดยญี่ปุ่นแซงกลับขึ้นไปได้
นายวิทวัส ชัยปาณี นายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สาเหตุที่ทำให้ผลงานโฆษณาของไทย ตกมาอยู่ในอันดับที่ 8 นั้น ส่วนหนึ่งมาจากปีนี้มีการเพิ่มรางวัลในสื่อใหม่ๆมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสื่อออนไลน์ ซึ่งสื่อดังกล่าวสามารถแยกประเภทชิ้นงานโฆษณาได้อีกหลายรูปแบบ ซึ่งประเทศที่ส่งผลงานในกลุ่มดังกล่าวเข้าประกวดมาก คือ ออสเตรเลีย รวมทั้งญี่ปุ่น แต่สำหรับประเทศไทยยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเมื่อรวมชิ้นงานเข้าด้วยกันแล้ว จึงทำให้ไทยตกมาอยู่อันดับที่ 8 ทั้งที่ชิ้นงานโฆษณาประเภทสื่อทีวีของไทย ยังอยู่ในอันดับต้นๆก็ตาม
การที่สื่อออนไลน์กำลังเข้ามามีบทบาทอยู่ในขณะนี้ นายวิทวัส กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้วงการโฆษณาดีขึ้น เพราะจะทำให้เกิดการแข่งขัน และการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆมากยิ่งขึ้น เพราะสื่อออนไลน์ ถือเป็นสื่อใหม่ การที่มีคนคิดอะไรออกมาใหม่ๆได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี สำหรับประเทศไทยเอง นักโฆษณาก็ควรที่จะศึกษาไว้บ้างแม้ว่าตอนนี้สื่อดังกล่าวยังไม่ค่อยแพร่หลาย แต่ถึงจุดๆหนึ่ง เชื่อว่าการรับรู้และเข้าถึงสื่อจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากรัฐบาลมองเห็นความสำคัญมากกว่านี้ ซึ่งคาดว่าคงไม่นาน เพราะทางสิงคโปร์ ในปีหน้าก็จะมีอินเทอร์เน็ตไฮ-ไฟ ใช้กันทั่วประเทศแล้ว น่าจะทำให้ภาครัฐของไทย ต้องมีการทำอะไรสักอย่างแน่ ถึงแม้ว่าไทยจะติดอันดับการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเป็นอันดับ 1 ในกลุ่ม เกมออนไลน์ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม กรณี สื่อออนไลน์ เป็นสัญญาณบอกให้เราทราบว่า กระแสการรับรู้และการเข้าถึงสื่อของผู้บริโภค จะเป็นในลักษณะอินเทอร์แอกทีฟมากยิ่งขึ้น คือ การที่ผู้บริโภคจะเข้ามามีส่วนร่วมกับสื่อนั้นๆมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งต่อไปแนวโน้มผู้บริโภคจะมีความต้องการและเข้าใจอย่างรวดเร็วให้มากที่สุด ซึ่งเฉพาะสื่อออนไลน์ อย่างอินเทอร์เน็ตคงไม่เพียงพอเสียแล้ว อนาคตมือถือก็เป็นอีกสื่อหนึ่งที่จะสร้างความน่าสนใจทั้งในแง่ผลงานโฆษณา หรือสร้างเนื้อหาสาระสู่ผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
ในฐานะนักโฆษณาก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสื่อใหม่ๆเหล่านี้ ส่วนในฐานะผู้ผลิตธุรกิจเกี่ยวกับสื่อทั้งหลาย โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ ก็ควรที่จะพัฒนาหันมาใช้สื่อดังกล่าวควบคู่ไปกับสื่อหลักของตนด้วย ซึ่งสื่อทั้ง 2 แบบนี้ โดยเฉพาะมือถือ จะเป็นสื่อที่ทำหน้าที่เข้าถึงผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์จะทำหน้าที่เป็นสื่อหลักที่ให้รายละเอียดได้ครบถ้วนมากกว่า ดังนั้นอนาคตสื่อสิ่งพิมพ์ยังคงอยู่ แต่อาจจะต้องเปลี่ยนสถานะไปบ้างเล็กน้อย ถึงแม้ว่าในแง่ของราคาโฆษณา สื่อทีวีบ้านเราก็ยังคงสูงอยู่ แต่แนวโน้มลูกค้าจะหันมาใช้สื่อใหม่ๆแทน เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มบริโภคได้ตรงกลุ่ม และใช้เม็ดเงินไม่สูงมากนักนั่นเอง
อย่างไรก็ตามสำหรับผลการประกวดสื่อโฆษณาในงาน แอดเฟส ครั้งนี้ จากทั้งหมด 12 ประเภทผลงาน ปรากฏว่า สิงคโปร์ ได้รับรางวัลระดับโกลด์ มากที่สุด 17 รางวัล รองลงมาคือ ไทย และญี่ปุ่น ได้รางวัลระดับโกลด์ไปประเทศละ 4 รางวัล ซึ่งเมื่อรวมรางวัลเข้าด้วยกันแล้ว สิงคโปร์ได้จำนวนรางวัลมากที่สุด 53 รางวัล รองลงมาคือ ไทย 45 รางวัล และญี่ปุ่น 39 รางวัล จากประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ส่งเข้าร่วมการประกวดทั้งหมด 5148 ผลงาน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 5012 ผลงาน
ทั้งนี้บริษัทโฆษณาจากไทยที่ได้รางวัลมากที่สุด คือ บีบีดีโอ บางกอก 8 รางวัล แบ่งเป็น บรอนซ์ 5 รางวัล และซิลเวอร์ 3 รางวัล และครีเอทีฟจูซ\จีวัน ได้รับรางวัลบรอนซ์ 8 รางวัล ขณะที่ผลงานโดดเด่นสำหรับคนไทย คือ ผลงานชื่อ Tree ขององค์กร WWF โดยบริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ ประเทศไทย
