พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ.2551 เปิดช่องป้อนคอนเทนต์สู่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ล่าสุด เจเอสแอล ซุ่มวางระบบ ผุด “manyTV” ทีวีออนดีมานด์บนสื่ออินเทอร์เน็ตเป็นรายแรกของไทย หวังคนแห่เข้ามาเปิดช่องเป็นของตัวเองไม่ต่ำกว่า 30 ช่อง ในปีแรก คาดโกยรายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
นายสุวิทย์ สาสนพิจิตร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไมดาส ครีเอทีฟ จำกัด บริษัทในเครือเจเอสแอล เปิดเผยว่า เนื่องจากปีที่แล้วทางเจเอสแอลได้มองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จึงได้วางตัวเองเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ มองหาสื่อใหม่ๆ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ เป็นต้นไป จะเปิดโอกาสให้โลกของการสื่อสารเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น จึงได้มองว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเปิดตัวธุรกิจนิวมีเดีย หลังจากที่ได้พัฒนาธุรกิจใหม่นี้มาตั้งแต่ปีก่อน
โดย เจเอสแอล ได้ตั้งบริษัท ไมดาส ครีเอทีฟ จำกัด ขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท เจเอสแอล ถือหุ้น 50% และผู้บริหารของไมดาส คือ นายสุวิทย์ สาสนพิจิตร์ ถือหุ้น 20% นายจิติณัฐ อัษฎามงคล นายอธิคม อัศวานนท์ และ นายชลธิชา พิพัฒน์กุลสวัสดิ์ ถือหุ้นอีกคนละ 10% เท่าๆ กัน
ธุรกิจนิวมีเดีย ที่ ไมดาส ดูแลจะเป็นลักษณะทีวีออนดีมานด์ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตในชื่อ “manyTV” ทางเว็บไซต์ www.manytv.com รับชมฟรี ถือเป็นครั้งแรกของไทยที่ใครๆ ก็สามารถผลิตรายการและเผยแพร่ในช่องสถานีของตนได้ ผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว คาดว่า จะส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาที่จะหันมาใช้สื่อนี้มากยิ่งขึ้นด้วย
manyTV นำเสนอคอนเทนต์ทั้งหมด 10 ช่อง ซึ่งเป็นการผลิตเอง 2 ช่อง อาทิ สถานีมายาจิต และอีก 8 ช่องสถานีมาจากพันธมิตร ได้แก่ สถานีบ้านอุ้ม ของ อุ้ม-สิริยากร พุกกะเวช, สถานี FUPM ของวงไทเทเนียม, U Channel ของบริษัท บีลิงค์ มีเดีย คาดว่า ปีแรกจะมีลูกค้าที่ต้องการเปิดสถานีทีวีออนดีมานด์กว่า 30 ช่อง หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทในปีแรก ภายใต้การตลาดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
โดยทีวีออนดีมานด์นี้จะสร้างรายได้จาก 2 ช่องทางหลัก คือ สปอนเซอร์ หรือค่าโฆษณา ที่ทางบริษัทจะเป็นผู้ทำหน้าที่หลักในการหาโฆษณา และจะแบ่งรายได้ดังกล่าว 50% ร่วมกับพันธมิตรที่นำคอนเทนต์รายการมาเผยแพร่ ซึ่งมองว่ารายได้จากโฆษณาจะอยู่ที่ 60% ของ 10 ล้านบาท ที่วางไว้ ส่วนรายได้อีก 40% มาจากการผลิตคอนเทนต์ของทางไมดาสเอง
สำหรับรายได้จากโฆษณานี้ เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ที่ให้ความสนใจมาลงโฆษณาผ่าน manyTV ค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง สามารถวัดผลได้ชัดเจน และมีต้นทุนค่อนข้างต่ำมากเมื่อเทียบกับสื่อทีวี เบื้องต้นคาดว่า จะมีรายได้จากโฆษณาประมาณ 50,000 บาทต่อเดือนและต่อช่องสถานี
“สื่อทีวีออนดีมานด์นี้ ยังเป็นสื่อใหม่อยู่ ยังมีอุปสรรคเกี่ยวกับสื่ออินเทอร์เน็ตที่ยังมีจำนวนคนไทยเข้าใช้เพียง 15 ล้านคน จากตัวเลขของทาง NECTEC ที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ ซึ่งทางบริษัทหวังว่า หากมีการเปิดช่องทางให้สื่ออินเทอร์เน็ตเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากกว่านี้ จะส่งผลให้ทีวีออนดีมานด์เติบโตด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้กลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่ไม่ค่อยดูทีวีเป็นหลัก ซึ่งมีจำนวนไม่มากก็ตาม แต่ทางบริษัทคาดว่าแต่ละวันจะมีผู้เข้ามาใช้บริการผ่านเว็บไซต์นี้ไม่ต่ำกว่า 30,000 รายต่อวัน”
นายสุวิทย์ สาสนพิจิตร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไมดาส ครีเอทีฟ จำกัด บริษัทในเครือเจเอสแอล เปิดเผยว่า เนื่องจากปีที่แล้วทางเจเอสแอลได้มองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จึงได้วางตัวเองเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ มองหาสื่อใหม่ๆ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคมนี้ เป็นต้นไป จะเปิดโอกาสให้โลกของการสื่อสารเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น จึงได้มองว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเปิดตัวธุรกิจนิวมีเดีย หลังจากที่ได้พัฒนาธุรกิจใหม่นี้มาตั้งแต่ปีก่อน
โดย เจเอสแอล ได้ตั้งบริษัท ไมดาส ครีเอทีฟ จำกัด ขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท เจเอสแอล ถือหุ้น 50% และผู้บริหารของไมดาส คือ นายสุวิทย์ สาสนพิจิตร์ ถือหุ้น 20% นายจิติณัฐ อัษฎามงคล นายอธิคม อัศวานนท์ และ นายชลธิชา พิพัฒน์กุลสวัสดิ์ ถือหุ้นอีกคนละ 10% เท่าๆ กัน
ธุรกิจนิวมีเดีย ที่ ไมดาส ดูแลจะเป็นลักษณะทีวีออนดีมานด์ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ตในชื่อ “manyTV” ทางเว็บไซต์ www.manytv.com รับชมฟรี ถือเป็นครั้งแรกของไทยที่ใครๆ ก็สามารถผลิตรายการและเผยแพร่ในช่องสถานีของตนได้ ผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว คาดว่า จะส่งผลให้เม็ดเงินโฆษณาที่จะหันมาใช้สื่อนี้มากยิ่งขึ้นด้วย
manyTV นำเสนอคอนเทนต์ทั้งหมด 10 ช่อง ซึ่งเป็นการผลิตเอง 2 ช่อง อาทิ สถานีมายาจิต และอีก 8 ช่องสถานีมาจากพันธมิตร ได้แก่ สถานีบ้านอุ้ม ของ อุ้ม-สิริยากร พุกกะเวช, สถานี FUPM ของวงไทเทเนียม, U Channel ของบริษัท บีลิงค์ มีเดีย คาดว่า ปีแรกจะมีลูกค้าที่ต้องการเปิดสถานีทีวีออนดีมานด์กว่า 30 ช่อง หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาทในปีแรก ภายใต้การตลาดไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท
โดยทีวีออนดีมานด์นี้จะสร้างรายได้จาก 2 ช่องทางหลัก คือ สปอนเซอร์ หรือค่าโฆษณา ที่ทางบริษัทจะเป็นผู้ทำหน้าที่หลักในการหาโฆษณา และจะแบ่งรายได้ดังกล่าว 50% ร่วมกับพันธมิตรที่นำคอนเทนต์รายการมาเผยแพร่ ซึ่งมองว่ารายได้จากโฆษณาจะอยู่ที่ 60% ของ 10 ล้านบาท ที่วางไว้ ส่วนรายได้อีก 40% มาจากการผลิตคอนเทนต์ของทางไมดาสเอง
สำหรับรายได้จากโฆษณานี้ เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้ที่ให้ความสนใจมาลงโฆษณาผ่าน manyTV ค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นสื่อที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง สามารถวัดผลได้ชัดเจน และมีต้นทุนค่อนข้างต่ำมากเมื่อเทียบกับสื่อทีวี เบื้องต้นคาดว่า จะมีรายได้จากโฆษณาประมาณ 50,000 บาทต่อเดือนและต่อช่องสถานี
“สื่อทีวีออนดีมานด์นี้ ยังเป็นสื่อใหม่อยู่ ยังมีอุปสรรคเกี่ยวกับสื่ออินเทอร์เน็ตที่ยังมีจำนวนคนไทยเข้าใช้เพียง 15 ล้านคน จากตัวเลขของทาง NECTEC ที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ ซึ่งทางบริษัทหวังว่า หากมีการเปิดช่องทางให้สื่ออินเทอร์เน็ตเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากกว่านี้ จะส่งผลให้ทีวีออนดีมานด์เติบโตด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้กลุ่มเป้าหมายจะเป็นกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่ไม่ค่อยดูทีวีเป็นหลัก ซึ่งมีจำนวนไม่มากก็ตาม แต่ทางบริษัทคาดว่าแต่ละวันจะมีผู้เข้ามาใช้บริการผ่านเว็บไซต์นี้ไม่ต่ำกว่า 30,000 รายต่อวัน”