xs
xsm
sm
md
lg

บูชา “ครู”

เผยแพร่:   โดย: สุรพล จินดาอินทร์

ทุกครั้งที่ผมตระเวนทำกิจกรรม “สัปดาห์ห้องสมุด” หรือ “สัปดาห์รักการอ่าน” ไปตามโรงเรียนต่างๆ ผมจะมีเวลาอยู่กับนักเรียนเพียง 3 ถึง 5 วัน วันละ 2 หรือ 3 ชั่วโมง และถ้าหากรับเชิญไปคุยเรื่อง “อ่านเอาเรื่อง” ซึ่งตอนนี้มีอยู่หลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น “ผู้ไม่รู้ พบ ผู้ไม่รู้” หรือล่าสุดที่ อ.ชวลิต อำพันธ์ทองศิริ (ร.ร.ธรรมโชติศึกษาลัย-ขอภัยที่เอ่ยนาม) ตั้งชื่อให้เป็นวิทยาศาสตร์ตรงตามคุณสมบัติที่เอาเรื่องยากมา “ย่อย” ให้ง่ายว่า “แลคโตบาซิลัส” ผมก็จะมีเวลาอยู่กับนักเรียนเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น

ผมมีเวลาอยู่กับนักเรียนเพียงน้อยนิด ผมจึงอิจฉาผู้มีอาชีพ “ครู” เป็นอย่างยิ่ง ท่านมีเวลาอยู่กับนักเรียนทุกวัน วันละหลายชั่วโมง หากผมมีเวลามากกว่านี้ ผมคงหา “วัคซีน” มา “ฉีด” ให้กับเยาวชนของเราได้เพิ่มขึ้น พวกเขาก็จะมี “ภูมิต้านทาน” มากพอที่จะเข้าใจได้ว่า "การเรียนหนังสือนั้น ต้องเพื่อตัวเองและผู้อื่น” นอกเหนือไปจากรู้เท่าทันนักการเมืองที่ฉ้อฉล

อยากให้คุณครูได้รู้ว่า Ralph Waldo Emerson เคยบอกไว้ว่า The secret of Education lies in respecting the pupil. แปลตามความรู้ของคนจบแค่ ม.ศ. 5 โรงเรียนเทพศิรินทร์ ได้ว่า “ความลับของการศึกษา อยู่ที่การนับถือ (ให้เกียรติ) ลูกศิษย์” (เขียนถึงตรงนี้ก็อดนึกถึงพวกอาจารย์สาม ไม่ได้ - อาจารย์สามหาว น่ะ) ไม่ต้องถึงขนาดกราบไหว้ลูกศิษย์ แค่พูดเพราะๆ การศึกษาก็ “สำเร็จ” ไปแล้วครึ่งหนึ่ง

อยากบอกคุณครูเหลือเกินว่า จรรยาบรรณของครูข้อที่ 6 ที่คุรุสภากำหนด ต้องการให้คุณครูพัฒนาตนเองทั้งด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ วิสัยทัศน์ และการเมืองอยู่เสมอ ไม่ใช่ “ติดตาม” นักการเมือง เพราะมันถูกพิสูจน์อย่างแน่ชัดแล้วว่านักการเมืองในประเทศนี้ก็เหมือนกับ Handy Drive คือเห็น “รู” ไม่ได้ จ้องจะ “เสียบ” ท่าเดียว พอเสียบติดแล้ว ก็ปล่อย “ไวรัส” ทำระบบพังเสียหายหมด

อยากบอกครูว่า อ่าน “การขับเคลื่อนนโยบายของ สพฐ. ปี 2550-2551” แล้วหรือยัง ในนั้น 6 ข้อ เขาเน้นการมีส่วนร่วมของ “ผู้ปกครอง” อยู่ 1 ข้อ อยากให้คุณครูได้รู้ว่าผู้หลักผู้ใหญ่เขาอยากเห็น “โรงเรียน” ไม่ใช่ “โรงสอน” อย่างทุกวันนี้ อยากบอกอะไรอีกเยอะแยะ อยากบอกว่าประเทศของเรา ตั้งแต่ปี 2540 ไม่ได้ประสบกับวิกฤตทางเศรษฐกิจดอก ประสบกับ “วิกฤตทางปัญญา” ต่างหาก เราจึงต้องมี “การปฏิรูปการศึกษา” เพื่อขจัด “วิกฤต” ให้หมดไป

อย่างที่บอกไว้ข้างต้น ผมอิจฉาทุกท่านเหลือเกิน เพราะหน้าที่ “สร้างชาติ” ไม่ได้ตกอยู่กับผม ตกอยู่กับคุณครู อาจารย์ และผู้บริหารทุกคน

สิ่งที่ผมทำ (สัปดาห์ห้องสมุด และอื่นๆ) จึงเป็นเพียงอาการของ “สุนัขจรจัด” ที่มองหา “รั้วผุๆ” เพื่อที่จะเข้าไปวิ่งเล่นเพ่นพ่านในโรงเรียนของท่าน แม้ว่าบางทีจะพบกับ “กำแพง” ที่แข็งแกร่ง ซึ่งผมเรียกของผมเองว่า “กำแพง (กั้น) ปัญญา” ก็มิได้ทำให้ปณิธานสูญสิ้นไป หวังเพียงหาเพื่อนร่วมทางที่จะ “เตรียม” สังคมที่ดีไว้ให้ลูกหลานได้อยู่อาศัย...สืบไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น