โรงเรียนดังหนุนนโยบายห้ามรับ “แปะเจี๊ยะ เด็กฝาก” ด้าน สพฐ.แจงโรงเรียนยังสามารถระดมทรัพยากร รับบริจาคเงินจากผู้ปกครองได้โดยใช้กฎกระทรวงสมัย “ปองพล” รองรับ เพียงมีเงื่อนไขห้ามรับบริจาคช่วงรับเด็ก
นายประกาศิต ยังคง ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพศิรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนเริ่มรับนักเรียนไปแล้วโดยยึดตามนโยบายรับนักเรียนเดิม ที่ห้ามไม่ให้รับแปะเจี๊ยะ รับเด็กฝาก รวมถึงงดรับเงินบริจาคในช่วงรับนักเรียน ส่วนตนคิดว่านโยบายห้ามรับเด็กฝากนั้น เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และโรงเรียนดัง
สำหรับโรงเรียนดัง นิยมใช้มุกนี้ มาปฏิเสธเด็กฝากได้ ส่งผลให้คุมจำนวนนักเรียนต่อห้องได้ไม่เกิน 50 คน เพื่อจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ซึ่งก่อนหน้าใช้นโยบายนี้ต้องรับนักเรียนต่อห้องเกิน 60 คนมาตลอด และนโยบายนี้ส่งผลต่อโรงเรียนขนาดเล็ก เมื่อโรงเรียนดังจำกัดจำนวนนักเรียน เด็กก็ต้องหันไปเข้าเรียนในโรงเรียนอื่นในพื้นที่แทน
ขณะนี้โรงเรียนดัง จับคู่พัฒนากับโรงเรียนในพื้นที่ ได้ดำเนินการไปด้วยดี แต่หากกลับไปใช้นโยบายให้โรงเรียนรับเด็กฝาก รับแปะเจี๊ยะได้อีก ปัญหาเดิมๆ จะกลับมา โครงการดีๆ ที่ริเริ่มไว้ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขา สพฐ.กล่าวถึงกรณีที่ ร.ร.มัธยม เรียกร้องให้ สพฐ.เร่งเสนอ รมว.ศธ.ประกาศใช้ ประกาศกระทรวงว่าด้วยการระดมทรัพยากรฉบับใหม่โดยเร็ว รวมทั้งให้แก้ไขประกาศกระทรวงห้าม ร.ร.เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อเปิดโอกาสให้ ร.ร.เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมบางรายการจากผู้ปกครองได้ว่า ร.ร.ไม่จำเป็นต้องรอประกาศใช้ร่างประกาศกระทรวงว่าด้วยการระดมทรัพยากรฉบับใหม่ซึ่ง สพฐ.กำลังยกร่างอยู่ เพราะประกาศกระทรวงสมัย นายปองพล อดิเรกสาร อดีต รมว.ศธ.ยังมีผลบังคับใช้อยู่ และฉบับดังกล่าว อนุญาต ให้ ร.ร.ระดมทรัพยากรจากผู้ปกครองได้ โดยผ่านความเห็นชอบจากกรรมการสถานศึกษาและเป็นตามความสมัครใจของผู้ปกครอง เพียงแต่ต้องไม่ดำเนินการในช่วงรับนักเรียน และไม่เป็นเงื่อนไขในการรับเข้าเรียนด้วย
ซึ่ง รมว.ศธ.จะให้ทีมที่ปรึกษากฎหมาย ตรวจสอบดูอีกครั้งว่า ประกาศกระทรวงฉบับดังกล่าว ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนร่างประกาศกระทรวงว่าด้วยการระดมทรัพยากรที่กำลังยกร่างอยู่นั้น อาจไม่นำมาใช้แล้ว เพราะมีเนื้อหาเหมือนประกาศสมัยนายปองพล ด้วยเหตุนี้ จึงไม่รู้ว่าจะเอามาประกาศใช้แทนทำไม
นายประกาศิต ยังคง ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพศิรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้โรงเรียนเริ่มรับนักเรียนไปแล้วโดยยึดตามนโยบายรับนักเรียนเดิม ที่ห้ามไม่ให้รับแปะเจี๊ยะ รับเด็กฝาก รวมถึงงดรับเงินบริจาคในช่วงรับนักเรียน ส่วนตนคิดว่านโยบายห้ามรับเด็กฝากนั้น เป็นประโยชน์ต่อโรงเรียนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ และโรงเรียนดัง
สำหรับโรงเรียนดัง นิยมใช้มุกนี้ มาปฏิเสธเด็กฝากได้ ส่งผลให้คุมจำนวนนักเรียนต่อห้องได้ไม่เกิน 50 คน เพื่อจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ ซึ่งก่อนหน้าใช้นโยบายนี้ต้องรับนักเรียนต่อห้องเกิน 60 คนมาตลอด และนโยบายนี้ส่งผลต่อโรงเรียนขนาดเล็ก เมื่อโรงเรียนดังจำกัดจำนวนนักเรียน เด็กก็ต้องหันไปเข้าเรียนในโรงเรียนอื่นในพื้นที่แทน
ขณะนี้โรงเรียนดัง จับคู่พัฒนากับโรงเรียนในพื้นที่ ได้ดำเนินการไปด้วยดี แต่หากกลับไปใช้นโยบายให้โรงเรียนรับเด็กฝาก รับแปะเจี๊ยะได้อีก ปัญหาเดิมๆ จะกลับมา โครงการดีๆ ที่ริเริ่มไว้ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ด้านคุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขา สพฐ.กล่าวถึงกรณีที่ ร.ร.มัธยม เรียกร้องให้ สพฐ.เร่งเสนอ รมว.ศธ.ประกาศใช้ ประกาศกระทรวงว่าด้วยการระดมทรัพยากรฉบับใหม่โดยเร็ว รวมทั้งให้แก้ไขประกาศกระทรวงห้าม ร.ร.เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อเปิดโอกาสให้ ร.ร.เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมบางรายการจากผู้ปกครองได้ว่า ร.ร.ไม่จำเป็นต้องรอประกาศใช้ร่างประกาศกระทรวงว่าด้วยการระดมทรัพยากรฉบับใหม่ซึ่ง สพฐ.กำลังยกร่างอยู่ เพราะประกาศกระทรวงสมัย นายปองพล อดิเรกสาร อดีต รมว.ศธ.ยังมีผลบังคับใช้อยู่ และฉบับดังกล่าว อนุญาต ให้ ร.ร.ระดมทรัพยากรจากผู้ปกครองได้ โดยผ่านความเห็นชอบจากกรรมการสถานศึกษาและเป็นตามความสมัครใจของผู้ปกครอง เพียงแต่ต้องไม่ดำเนินการในช่วงรับนักเรียน และไม่เป็นเงื่อนไขในการรับเข้าเรียนด้วย
ซึ่ง รมว.ศธ.จะให้ทีมที่ปรึกษากฎหมาย ตรวจสอบดูอีกครั้งว่า ประกาศกระทรวงฉบับดังกล่าว ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนร่างประกาศกระทรวงว่าด้วยการระดมทรัพยากรที่กำลังยกร่างอยู่นั้น อาจไม่นำมาใช้แล้ว เพราะมีเนื้อหาเหมือนประกาศสมัยนายปองพล ด้วยเหตุนี้ จึงไม่รู้ว่าจะเอามาประกาศใช้แทนทำไม
