xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฯ ยังไม่อ่อนล้า

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ตั้งแต่คำแถลงฉบับแรกของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศว่า จะให้โอกาสรัฐบาลสมัครทำงานไปก่อน โดยมีเงื่อนไขว่า รัฐบาลจะต้องไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ถูกทำลายลงด้วยการโยกย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจอย่างไม่ชอบธรรมเพื่อแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม

ตามมาด้วยการใช้อำนาจอย่าเหิมเกริมของรัฐมนตรีในรัฐบาลหลายคนไม่ว่าจะเป็นนายไชยา สะสมทรัพย์ “เพ็ญ” จักรภพ เพ็ญแข และเป็ดเหลิม ก็ล้วนแล้วแต่สร้างความสิ้นหวัง หดหู่ ชวนสะอิดสะเอียนให้กับคนไทยแทบทั้งสิ้น

ไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่มีราคายิ่งกว่าอย่างณัฐวุฒิ สภาโจ๊ก และตู่ ศรัทธาธรรม

รวมถึงชนวนที่จะนำไปสู่การแตกหักเพราะประชาชนไม่อาจยอมรับได้ก็คือ การประกาศแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 237 เพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง และแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 309 เพื่อล้มล้าง คตส.ตัดตอนคดีความของทักษิณ

การประชุมสัมมนาประชาชนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและองค์กรเครือข่ายจึงได้รับการสนับสนุนจากประชาชนนอกเหนือความคาดหมาย เพราะนอกจากประชาชนล้นทะลักหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้ว ยังต้องเพิ่มจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่อีก 3 จุด บริเวณลานอนุสรณ์สถาน 6 ตุลา ด้านหน้าหอประชุมใหญ่ บริเวณข้างสนามฟุตบอลหน้าคณะนิติศาสตร์ และบริเวณด้านหลังหอประชุมเล็กอีกด้วย ยังไม่นับการติดตั้งทีวีขนาดเล็กอีกหลายจุด

ภาพของประชาชนที่ล้นทะลักในวันนั้นไม่เพียงแต่ตบหน้า เป็ดเหลิม ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 26 ของประเทศเท่านั้น ยังตบหน้าอรหันต์คอลัมนิสต์หัวขาวดำ (คำของกรุงเทพธุรกิจ) ที่พูด (เขียน)ตอกย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า พันธมิตรฯ อ่อนกำลังแล้ว

ความจริง การนัดประชุมสัมมนาครั้งนี้ยังไม่ใช่เวลานัดรวมพลครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านรัฐบาลฉ้อฉลด้วยซ้ำไป เราจำกัดวงเป็นการสัมมนาเพื่อให้ความรู้กับประชาชนเสียมากกว่า

ด้วยเหตุนี้พันธมิตรฯ ในหัวเมืองหลายจังหวัดจึงตัดสินใจปักหลักตั้งจอยักษ์ถ่ายทอดสดในภูมิลำเนาของตัวเองเพื่อร่วมรับฟังการสัมมนา แทนการรวมพลเดินทางเข้ามาร่วมประชุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งความหมายอีกด้านหนึ่งก็คือ พวกเขาพร้อมตลอดเวลาสำหรับการเรียกระดมพลอีกครั้ง หากได้รับสัญญาณจากแกนนำพันธมิตรฯ ในกรุงเทพฯ

ถ้าจะพูดกันแบบตรงไปตรงมา การรวมตัวของพันธมิตรฯ ในต่างจังหวัดทั่วประเทศนั้น ล้วนเป็นการจัดตั้งรวมตัวกันเองของประชาชนที่มีจุดยืนและเห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวของแกนนำพันธมิตรฯ และสิ่งที่น่าจะเป็นจุดร่วมหลักของพวกเขากับแกนนำพันธมิตรฯ ก็คือ การต่อต้านการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลของระบอบทักษิณและรัฐบาลนอมินี

และคงไม่ต้องบอกว่า ภาพของประชาชนที่เป็นแนวร่วมของพันธมิตรฯ ต่างกับภาพของกลุ่มคนที่ผรุสวาทวาจาสามหาวหยาบคายอยู่ฝั่งตรงข้ามหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นผลผลิตของ นปก.อย่างไร

จะว่าไปแล้ว สิ่งที่เป็นคำตอบว่าพันธมิตรฯ ยังไม่อ่อนกำลัง อย่างที่อรหันต์คอลัมนิสต์หัวขาวดำกล่าวหาและตอกย้ำอยู่เสมอนั้น ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นในการประชุมสัมมนาประชาชนของพันธมิตรฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ซึ่งเป็นการรณรงค์ระหว่างเอา-ไม่เอาพรรคพลังประชาชนนั้น มีคนเลือกพรรคพลังประชาชนเพียง 12 ล้านเสียง และไม่เลือกพรรคพลังประชาชนถึง 20 ล้านเสียง

พรรคที่ประกาศตัวว่าอยู่ตรงข้ามกับพรรคพลังประชาชนได้เลือกตั้งรวมกัน 247 เสียง ในขณะที่พรรคพลังประชาชนได้รับเลือกตั้ง 233 เสียง ก่อนที่พรรคเล็กพรรคน้อยและพรรคบรรหารจะละทิ้งสัจจะกตัญญูไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลนอมินี

ยังไม่ต้องพูดถึงการลงไปดูรายละเอียดผลการเลือกตั้งในเขตหัวเมืองใหญ่ เขตเทศบาล ที่พรรคพลังประชาชนได้รับคะแนนเสียงน้อยกว่าพรรคอื่นเกือบทั่วประเทศ และยังนับเนื่องมาจนถึงการเลือกตั้ง ส.ว.กรุงเทพมหานครที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพิสูจน์ว่า ประชาชนในเขตเมืองส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ปฏิเสธรัฐบาลชุดนี้

แน่นอนว่า เราคงไม่อาจนับแบบเหมารวมว่า คนที่ไม่เลือกพรรคพลังประชาชนเป็นพันธมิตรฯ ทั้งหมด เพราะการเป็นพันธมิตรฯ ไม่ได้มีการกรอกใบสมัคร หรือลงบัญชีรายชื่อเพื่อรับค่าจ้างในการชุมนุมแต่ละครั้ง การเหมารถบัสเพื่อมาร่วมชุมนุมของประชาชนในจังหวัดใกล้เคียงก็เป็นการดำเนินการกันเองของคนในท้องถิ่น การนัดหมายของเราแต่ละครั้งจึงไม่อาจคาดการณ์ได้ว่า จะมีคนมาร่วมมากน้อยแค่ไหน

แต่ผลลัพธ์จากการจัดงานของพันธมิตรฯ ทุกครั้งก็พอจะเป็นคำตอบได้ว่า ประชาชนที่รักความเป็นธรรมจำนวนมากยังคงเฝ้ามองและเกื้อหนุนไม่ให้พวกเราอ่อนล้าโรยแรง

สิ่งที่ผมสัมผัสได้ตลอด 2 ปีมานี้ สำนักงานของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการที่บ้านพระอาทิตย์ ยังไม่เคยร้างลาผู้คนที่เดินทางมาเยี่ยมเยียนในแต่ละวัน มีทั้งเดินทางมากับครอบครัว หรือเดินทางมาเป็นหมู่คณะ ทั้งจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ และจากต่างประเทศ ภาพเหล่านี้บ่งบอกให้รู้ว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้โดดเดี่ยวและมีประชาชนจำนวนมากที่ให้การสนับสนุนพวกเราอยู่

ประชาชนจำนวนมากหิ้วข้าวปลาอาหารขนมนมเนยมาเลี้ยงดูปูเสื่อพวกเราเดือนละหลายครั้ง ไม่ได้ต้องพูดถึงคนที่ส่งเงินมาช่วยเอเอสทีวีและมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน

คนดูเอเอสทีวีขยายตัวมากขึ้นทั้งใน กทม. ต่างจังหวัด และต่างประเทศ ผู้จัดรายการของเอเอสทีวีล้วนแล้วแต่สัมผัสได้ด้วยตัวเอง เมื่อพวกเขาปรากฏตัวในที่สาธารณะและได้รับการทักทายให้กำลังใจจากประชาชนจำนวนมาก พวกเขามักจะเอ่ยคำว่า “ให้กำลังใจนะครับ (ค่ะ)” “สู้นะครับ” “ผมเป็นพันธมิตรฯ ครับ”

สิ่งที่พิสูจน์ได้อีกอย่างก็เมื่อพิธีกรในวันนั้นแนะนำตัว ศ.ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงได้รับเสียงปรบมือต้อนรับยาวนานจากคนในหอประชุม และภายนอกหอประชุมเพราะอาจารย์ภูวดลเป็นแขกรับเชิญขาประจำของเอเอสทีวีคนหนึ่ง

แน่นอนว่า วันนี้เราไม่ได้เดินอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว แฟนหงส์แดง ลิเวอร์พูลอย่างผมก็อดนึกถึงเพลงเชียร์ประจำทีมที่ว่า You’ll Never Walk Alone เสียไม่ได้

ผมจึงออกขำๆ เมื่อได้ยินเป็ดเหลิมออกมาเย้ยหยันว่า จะไม่มีประชาชนมาเข้าร่วมงานของพันธมิตรฯ และยิ่งใช้พวกกเฬวรากออกมาก่อกวนแล้วถ่ายทอดข่าวออกไปเพื่อให้ประชาชนหวั่นเกรงที่จะเดินทางมาก็ยิ่งไม่ได้ผล ซ้ำร้ายยังส่งผลลบต่อรัฐบาลเอง

และสิ่งสำคัญก็คือว่า การกระทำของคนในรัฐบาล และการจัดตั้งคนมาก่อกวนนั้น ไม่ได้แตกต่างกับการกระทำของรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเลย นั่นเท่ากับพิสูจน์ว่า พวกเขาไม่ได้ซึมซับและเรียนรู้บทเรียนในอดีต

และยังเป็นการตอกย้ำว่า ทักษิณ รัฐบาลนอมินี และระบอบเผด็จการทุนนิยมสามานย์ ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของแผ่นดินและเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยเหมือนดังเดิม

ภารกิจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงยังคงดำรงอยู่ และเชื่อว่า ประชาชนจะไม่ปล่อยให้พวกเราสู้อย่างเดียวดาย
กำลังโหลดความคิดเห็น