กก.สรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญโต้"หมัก" ยันคัดเลือกโดยสุจริต-ไร้ใบสั่ง "อภิสิทธิ์" ย้อนคนเชื่อถือกก.สรรหาฯ มากกว่า"หมัก" ด้านปธ.วุฒิ เตรียมพิจารณาให้ความเห็นชอบ 4 ตุลาการ พรุ่งนี้
จากกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณี คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเลือก นายจรัญ ภักดีธนากุล นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ สายสุพจน์ ไขมุกด์ และนายเฉลิม เอกอุรุ เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นการเลือกเอาแต่คนที่เป็นปฏิปักษ์ กับรัฐบาลมาทำหน้าที่
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หนึ่งในกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงเนื่องนี้ว่า คณะกรรมการได้ใช้ดุลยพินิจในการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งอย่างเหมาะสม โดยพิจารณาจากคุณสมบัติ และประสบการณ์ ทั้งด้านนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ส่วนตัวเห็นว่า ได้คัดสรรบุคคลที่ดีที่สุดแล้ว ยืนยันคณะกรรมการได้ใช้ดุลยพินิจอย่างสุจริต ไม่มีใบสั่งจากฝ่ายใดทั้งสิ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร ในฐานะคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่ากรรมการสรรหาไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องใครเป็นปฏิปักษ์กับใคร ซึ่งตัวบุคคลที่ได้รับการสรรหา ก็เป็นบุคคลที่สมัครเข้ามา ตนไม่สามารถตอบแทนกรรมการทุกท่านได้ แต่เห็นว่าในกรรมการสรรหาทั้ง 4 คน มีตนเป็นฝ่ายการเมืองเพียงคนเดียว ส่วนที่เหลืออีก 3 ท่าน เป็นผู้ดำรงความเป็นกลางอยู่แล้ว โดยสิ่งที่กรรมการสรรหาได้พิจารณาได้พิจารณาจากความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ของบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้
"ที่จริงเราได้พูดกัน กรณีที่อาจมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า คนนั้นคนนี้จะมีความฝักใฝ่ทางการเมือง หรือไม่ จึงขอให้กรรมการคำนึงถึงด้วย เพราะไม่ต้องการเห็นบรรยากาศของการเผชิญหน้า ถ้านายกฯไปดูจะเห็นว่ามีอีกหลายท่านที่ประวัติในการแสดงจุดยืนทางการเมืองไม่ตรงกับรัฐบาล ซึ่งกรรมการไม่ได้คิดถึงตรงนี้ แต่คำนึงถึงว่าใครมีความเหมาะสมที่สุด บุคคลที่ผมคัดเลือกไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นตุลาการก็ดี หรือคนที่เป็นทูตแต่มีประสบการณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญ ผมคิดว่ามีความเหมาะสมจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ เพราะคนที่มีประสบการณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญจะสามารถชี้แจงได้เมื่อมีการตีความ"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การคิดว่ามีการเลือกคนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล เป็นเรื่องที่คิดไกลเกินไป และจริงๆ แล้ว ผู้ได้รับการสรรหาทั้ง 4 คน ยังต้องไปผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาก่อน แต่ละคนคงจะตระหนักถึงความเป็นกลาง เชื่อว่าคนเขาต้องพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของคนคัดเลือกเข้าไปเมื่อไปทำหน้าที่แล้วโดยพิจารณาเทียบกับความน่าเชื่อถือของนายกฯ ว่าพูดด้วยอารมณ์ หรือพูดเพราะคนในองค์กรของตัวเองไปสร้างปัญหาไว้หรือไม่
ขณะที่ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงแนวทางการพิจารณาให้ความเห็นชอบตุลาการรัฐธรรมนูญของวุฒิสภาว่า ได้มีการบรรจุวาระดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เวลา 9.30 น. ซึ่งตามอำนาจหน้าที่วุฒิสภามีสิทธิที่จะไม่รับรองก็ได้ เพราะกฎหมายได้ให้อำนาจวุฒิสภามากลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งหากวุฒิสภาไม่เห็นด้วย ก็จะต้องส่งรายชื่อคืนไป
อย่างไรตามวุฒิสภาจะพิจารณาจากความเหมาะสม ความสามารถ เป็นหลัก ไม่ได้ดูว่าผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นปฎิปักษ์กับใคร และก็ไม่ได้หนักใจในประเด็นนี้
"เมื่อเข้ามารับตำแหน่ง จะต้องทำหน้าที่โดยบริสุทธิ์ใจตามคำปฎิญาณที่ให้ไว้ ซึ่งผมเชื่อในความเป็นกลาง อย่าง นายจรัญ ภักดีธนากุล ผมก็เคยร่วมงานมาก่อน เชื่อในความรู้ความสามารถของท่าน ซึ่งเรื่องของความเป็นกลางนั้น ศาลถูกสอนให้เป็นกลางอยู่แล้ว" นายประสพสุข กล่าว
จากกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณี คณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเลือก นายจรัญ ภักดีธนากุล นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ สายสุพจน์ ไขมุกด์ และนายเฉลิม เอกอุรุ เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นการเลือกเอาแต่คนที่เป็นปฏิปักษ์ กับรัฐบาลมาทำหน้าที่
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หนึ่งในกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงเนื่องนี้ว่า คณะกรรมการได้ใช้ดุลยพินิจในการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งอย่างเหมาะสม โดยพิจารณาจากคุณสมบัติ และประสบการณ์ ทั้งด้านนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ส่วนตัวเห็นว่า ได้คัดสรรบุคคลที่ดีที่สุดแล้ว ยืนยันคณะกรรมการได้ใช้ดุลยพินิจอย่างสุจริต ไม่มีใบสั่งจากฝ่ายใดทั้งสิ้น
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฏร ในฐานะคณะกรรมการสรรหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่ากรรมการสรรหาไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องใครเป็นปฏิปักษ์กับใคร ซึ่งตัวบุคคลที่ได้รับการสรรหา ก็เป็นบุคคลที่สมัครเข้ามา ตนไม่สามารถตอบแทนกรรมการทุกท่านได้ แต่เห็นว่าในกรรมการสรรหาทั้ง 4 คน มีตนเป็นฝ่ายการเมืองเพียงคนเดียว ส่วนที่เหลืออีก 3 ท่าน เป็นผู้ดำรงความเป็นกลางอยู่แล้ว โดยสิ่งที่กรรมการสรรหาได้พิจารณาได้พิจารณาจากความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ของบุคคลที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้
"ที่จริงเราได้พูดกัน กรณีที่อาจมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า คนนั้นคนนี้จะมีความฝักใฝ่ทางการเมือง หรือไม่ จึงขอให้กรรมการคำนึงถึงด้วย เพราะไม่ต้องการเห็นบรรยากาศของการเผชิญหน้า ถ้านายกฯไปดูจะเห็นว่ามีอีกหลายท่านที่ประวัติในการแสดงจุดยืนทางการเมืองไม่ตรงกับรัฐบาล ซึ่งกรรมการไม่ได้คิดถึงตรงนี้ แต่คำนึงถึงว่าใครมีความเหมาะสมที่สุด บุคคลที่ผมคัดเลือกไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นตุลาการก็ดี หรือคนที่เป็นทูตแต่มีประสบการณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญ ผมคิดว่ามีความเหมาะสมจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ เพราะคนที่มีประสบการณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญจะสามารถชี้แจงได้เมื่อมีการตีความ"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การคิดว่ามีการเลือกคนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล เป็นเรื่องที่คิดไกลเกินไป และจริงๆ แล้ว ผู้ได้รับการสรรหาทั้ง 4 คน ยังต้องไปผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภาก่อน แต่ละคนคงจะตระหนักถึงความเป็นกลาง เชื่อว่าคนเขาต้องพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของคนคัดเลือกเข้าไปเมื่อไปทำหน้าที่แล้วโดยพิจารณาเทียบกับความน่าเชื่อถือของนายกฯ ว่าพูดด้วยอารมณ์ หรือพูดเพราะคนในองค์กรของตัวเองไปสร้างปัญหาไว้หรือไม่
ขณะที่ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงแนวทางการพิจารณาให้ความเห็นชอบตุลาการรัฐธรรมนูญของวุฒิสภาว่า ได้มีการบรรจุวาระดังกล่าว เข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เวลา 9.30 น. ซึ่งตามอำนาจหน้าที่วุฒิสภามีสิทธิที่จะไม่รับรองก็ได้ เพราะกฎหมายได้ให้อำนาจวุฒิสภามากลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งหากวุฒิสภาไม่เห็นด้วย ก็จะต้องส่งรายชื่อคืนไป
อย่างไรตามวุฒิสภาจะพิจารณาจากความเหมาะสม ความสามารถ เป็นหลัก ไม่ได้ดูว่าผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็นปฎิปักษ์กับใคร และก็ไม่ได้หนักใจในประเด็นนี้
"เมื่อเข้ามารับตำแหน่ง จะต้องทำหน้าที่โดยบริสุทธิ์ใจตามคำปฎิญาณที่ให้ไว้ ซึ่งผมเชื่อในความเป็นกลาง อย่าง นายจรัญ ภักดีธนากุล ผมก็เคยร่วมงานมาก่อน เชื่อในความรู้ความสามารถของท่าน ซึ่งเรื่องของความเป็นกลางนั้น ศาลถูกสอนให้เป็นกลางอยู่แล้ว" นายประสพสุข กล่าว