สำหรับ จักรภพ เพ็ญแข อาจจะไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดต่อสาธารณะกรณี อสมท ของตนเมื่อวันก่อน อาจเพราะความชาชินปาก ใช้ปากตีสำนวนโวหารในแบบฉบับนักการเมืองจนเป็นปกติวิสัย หรือหลงระเริงในอำนาจวาสนาที่มีอยู่ก็สุดแท้แต่...
แต่สำหรับนักลงทุน ผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ มันเป็นคำพูดที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น อสมท!!!
จักรภพ พูดผ่านสื่อทีวี อิเล็กทรอนิกส์ หนังสือพิมพ์ เกือบทุกสำนัก ว่า...
“หลังจากที่ได้เข้าไปฟังนโยบายการทำงานของทาง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เมื่อประมาณต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ผลดำเนินงานของ อสมท เมื่อตัดรายได้ค่าสัมปทานจากช่อง 3 และทรูวิชั่นออกไปเดือนมกราคม 2551 ขาดทุนอยู่ 27 ล้านบาท จึงมองว่า การทำงานของ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผู้อำนวยการใหญ่ มีปัญหาหรือไม่ อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างแน่นอน” (ผู้จัดการออนไลน์ : 24 มี.ค.2551)
วันต่อมานายจักรภพก็ย้ำข้อเท็จจริงเช่นเดิมว่า “ผมกำลังแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจะได้ประเมินผลการทำงานของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับทราบข้อมูลขั้นต้นว่ามีผลประกอบการที่ขาดทุนในเดือน ม.ค.2551 เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี” (ผู้จัดการออนไลน์:25 มี.ค.2551)
คำพูดทั้งสองวันนี้ของนายจักรภพย่อมสร้างความอ่อนไหวต่อตลาดหุ้น นักลงทุนหรือผู้ถือหุ้น คงไม่มีใครอยากถือหุ้นบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนแน่
เปิดตลาดหุ้นวานนี้ (25 มี.ค.) หุ้น อสมท จึงลดลงต่ำทันทีจากวันก่อน หลังจากนักลงทุนทราบข่าวและเชื่อตามคำพูดของนายจักรภพต่างเทขายหุ้น โดยภาวะการซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวัน จนกระทั่งปิดตลาด หุ้น อสมท ลงมาปิดที่ 29 บาท ลดลง 0.25 บาทจากวันก่อนหน้า
ในทางทฤษฎีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ใครจะรับผิดชอบ!!
ป่วยการที่จะถามว่า นายจักรภพ จะรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเองอย่างไร? แต่ประเด็นที่น่าคิดต่อก็คือผู้กำกับดูแลตลาดหุ้น ปกป้องนักลงทุนอย่าง ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะตรวจสอบคำพูดนี้อย่างไร
ต้องไม่ลืมว่า อสมท ไม่ใช่ช่อง 11 ที่นายจักรภพจะใช้อำนาจรัฐจัดการได้ตามอำเภอใจ
วันนี้ อสมท มีสองสถานะ เป็นหน่วยงานรัฐ ที่นายจักรภพกำกับดูแลก็จริง แต่ก็เป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องรับผิดชอบต่อผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้น!
การที่ นายจักรภพ มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีที่กำกับ อสมท ถือเป็นบุคคลที่อยู่ในฐานะที่ล่วงรู้ข้อมูลวงในแล้วนำข้อมูลวงในที่ยังไม่ได้นำมาเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ มาให้สัมภาษณ์สื่อ
...
พฤติกรรมเช่นนี้ เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หรือไม่? โดยเฉพาะ การซื้อขายหลักทรัพย์โดยอาศัยข้อมูลภายใน (Insider Trading)
หากต้องการให้ตลาดหุ้นได้มาตรฐานมีบรรษัทภิบาลจริงตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ต้องตรวจสอบ!!
โดยปกติ เพื่อความเท่าเทียมกันของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อสมท จะขาดทุนหรือกำไรอย่างไร ในฐานะสมาชิกตลาดหุ้น อสมท ก็ต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ จากนั้นจึงเผยแพร่ข้อมูลให้ทราบไปพร้อมๆ กัน
ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่มีใครเอาข้อมูลภายในไปซื้อ หรือทุบหุ้น!!
ณ วันนี้ยังไม่สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ข้อมูลการเงินของ อสมท เท่าที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเป็นงบการเงินประจำปี 2550 โดยระบุว่า บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน มีรายได้หลักจากสถานี โทรทัศน์และสถานีวิทยุฯ ซึ่งผลประกอบการปี 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,110.662 ล้านบาท
มองต่อไปถึงวันที่ อสมท ชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหากข้อมูลจริงออกมาปรากฏว่า เป็นไปในทางตรงกันข้ามกับข้อมูลที่นายจักรภพ เผยแพร่ผ่านสื่อ หรือนายจักรภพ พูดจาคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
พฤติกรรมนี้ก็จะเข้าข่ายในความผิดอีกกระทงหนึ่ง คือ การปล่อยข่าวลือหรือกล่าวข้อความอันเป็นเท็จ (Misstatement )!!
เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตรวจสอบ หากพบว่า ผิดก็จะส่งรายงานต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายหรือลงโทษปรับต่อไปแล้วแต่กรณี
ตรงนั้นก็จะวัดใจ ก.ล.ต.อีกครั้ง
กฎระเบียบที่ทราบกันดี และผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนทั่วไปเขาก็มักมีมารยาท ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า คนระดับรัฐมนตรีจะไม่รู้!
มันชวนให้คิดจริงๆ ว่า บางทีความไม่รู้ของนายจักรภพ ใช่มาจากการเชื่อมั่นตัวเอง จนเข้าขั้นหลงตัวเองในช่วงหลัง หรือตั้งหน้าตั้งตาทำ ‘วาระแค้น’ จนหลงลืมตนอย่างที่เขาว่าๆ กันหรือไม่
พอมาดูรายการ ‘เป็นปลื้ม’ โดยม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ที่ออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวีเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้เชิญเขามาร่วมรายการ นอกจากจะเห็นพิธีกร ม.ล.ณัฏฐกรณ์ แสดงออกว่า ปลื้มนายจักรภพแค่ไหน ก็ถึงบางอ้อ...
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ แนะนำว่า นายจักรภพเป็นรัฐมนตรีที่มีเส้นทางการขึ้นสู่การเป็นรัฐมนตรีที่แตกต่างจากผู้อื่นอย่างมาก เพราะผ่านชีวิตนักวิชาการ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ สื่อมวลชน รวมไปถึงการเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเผด็จการด้วย (แต่เสียดายที่ปลื้มไม่ได้บอกข้อมูลผู้ชมว่า เขามีพฤติกรรมอย่างไรต่อกรณีพาม็อบบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษและประธานองคมนตรี)...
ปลื้ม ยัง ‘เป็นปลื้ม’ นายจักรภพ ในฐานะนักเรียนนอกเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง เคยเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน คือ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา...
เหล่านี้ฉายให้เห็นตัวตนของนายจักรภพได้ชัดขึ้น โดยเฉพาะ ช่วงชีวิตหนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับฝรั่งมังค่าซึ่งคงมีผลต่อพฤติกรรมเขาในปัจจุบันมากทีเดียว
การสำแดงอำนาจผ่านคำพูดก็ดี การเผอเรอพูดจาเปิดเผยข้อมูลภายในของ อสมท และอาจจะถูกตรวจสอบก็ดี
นายจักรภพ คงลืมสุภาษิตไทยๆ ที่ว่า ‘ปลาหมอตายเพราะปาก’ ไปแล้ว
**ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อกhttp://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
แต่สำหรับนักลงทุน ผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ มันเป็นคำพูดที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น อสมท!!!
จักรภพ พูดผ่านสื่อทีวี อิเล็กทรอนิกส์ หนังสือพิมพ์ เกือบทุกสำนัก ว่า...
“หลังจากที่ได้เข้าไปฟังนโยบายการทำงานของทาง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เมื่อประมาณต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ผลดำเนินงานของ อสมท เมื่อตัดรายได้ค่าสัมปทานจากช่อง 3 และทรูวิชั่นออกไปเดือนมกราคม 2551 ขาดทุนอยู่ 27 ล้านบาท จึงมองว่า การทำงานของ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ ผู้อำนวยการใหญ่ มีปัญหาหรือไม่ อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างแน่นอน” (ผู้จัดการออนไลน์ : 24 มี.ค.2551)
วันต่อมานายจักรภพก็ย้ำข้อเท็จจริงเช่นเดิมว่า “ผมกำลังแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อจะได้ประเมินผลการทำงานของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับทราบข้อมูลขั้นต้นว่ามีผลประกอบการที่ขาดทุนในเดือน ม.ค.2551 เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี” (ผู้จัดการออนไลน์:25 มี.ค.2551)
คำพูดทั้งสองวันนี้ของนายจักรภพย่อมสร้างความอ่อนไหวต่อตลาดหุ้น นักลงทุนหรือผู้ถือหุ้น คงไม่มีใครอยากถือหุ้นบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนแน่
เปิดตลาดหุ้นวานนี้ (25 มี.ค.) หุ้น อสมท จึงลดลงต่ำทันทีจากวันก่อน หลังจากนักลงทุนทราบข่าวและเชื่อตามคำพูดของนายจักรภพต่างเทขายหุ้น โดยภาวะการซื้อขายผันผวนตลอดทั้งวัน จนกระทั่งปิดตลาด หุ้น อสมท ลงมาปิดที่ 29 บาท ลดลง 0.25 บาทจากวันก่อนหน้า
ในทางทฤษฎีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว ใครจะรับผิดชอบ!!
ป่วยการที่จะถามว่า นายจักรภพ จะรับผิดชอบต่อคำพูดตัวเองอย่างไร? แต่ประเด็นที่น่าคิดต่อก็คือผู้กำกับดูแลตลาดหุ้น ปกป้องนักลงทุนอย่าง ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะตรวจสอบคำพูดนี้อย่างไร
ต้องไม่ลืมว่า อสมท ไม่ใช่ช่อง 11 ที่นายจักรภพจะใช้อำนาจรัฐจัดการได้ตามอำเภอใจ
วันนี้ อสมท มีสองสถานะ เป็นหน่วยงานรัฐ ที่นายจักรภพกำกับดูแลก็จริง แต่ก็เป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องรับผิดชอบต่อผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้น!
การที่ นายจักรภพ มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีที่กำกับ อสมท ถือเป็นบุคคลที่อยู่ในฐานะที่ล่วงรู้ข้อมูลวงในแล้วนำข้อมูลวงในที่ยังไม่ได้นำมาเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ มาให้สัมภาษณ์สื่อ
...
พฤติกรรมเช่นนี้ เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตาม พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 หรือไม่? โดยเฉพาะ การซื้อขายหลักทรัพย์โดยอาศัยข้อมูลภายใน (Insider Trading)
หากต้องการให้ตลาดหุ้นได้มาตรฐานมีบรรษัทภิบาลจริงตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็ต้องตรวจสอบ!!
โดยปกติ เพื่อความเท่าเทียมกันของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ อสมท จะขาดทุนหรือกำไรอย่างไร ในฐานะสมาชิกตลาดหุ้น อสมท ก็ต้องรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ จากนั้นจึงเผยแพร่ข้อมูลให้ทราบไปพร้อมๆ กัน
ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่มีใครเอาข้อมูลภายในไปซื้อ หรือทุบหุ้น!!
ณ วันนี้ยังไม่สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ข้อมูลการเงินของ อสมท เท่าที่รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเป็นงบการเงินประจำปี 2550 โดยระบุว่า บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน มีรายได้หลักจากสถานี โทรทัศน์และสถานีวิทยุฯ ซึ่งผลประกอบการปี 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,110.662 ล้านบาท
มองต่อไปถึงวันที่ อสมท ชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหากข้อมูลจริงออกมาปรากฏว่า เป็นไปในทางตรงกันข้ามกับข้อมูลที่นายจักรภพ เผยแพร่ผ่านสื่อ หรือนายจักรภพ พูดจาคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
พฤติกรรมนี้ก็จะเข้าข่ายในความผิดอีกกระทงหนึ่ง คือ การปล่อยข่าวลือหรือกล่าวข้อความอันเป็นเท็จ (Misstatement )!!
เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตรวจสอบ หากพบว่า ผิดก็จะส่งรายงานต่อไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายหรือลงโทษปรับต่อไปแล้วแต่กรณี
ตรงนั้นก็จะวัดใจ ก.ล.ต.อีกครั้ง
กฎระเบียบที่ทราบกันดี และผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนทั่วไปเขาก็มักมีมารยาท ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า คนระดับรัฐมนตรีจะไม่รู้!
มันชวนให้คิดจริงๆ ว่า บางทีความไม่รู้ของนายจักรภพ ใช่มาจากการเชื่อมั่นตัวเอง จนเข้าขั้นหลงตัวเองในช่วงหลัง หรือตั้งหน้าตั้งตาทำ ‘วาระแค้น’ จนหลงลืมตนอย่างที่เขาว่าๆ กันหรือไม่
พอมาดูรายการ ‘เป็นปลื้ม’ โดยม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ที่ออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ทีวีเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้เชิญเขามาร่วมรายการ นอกจากจะเห็นพิธีกร ม.ล.ณัฏฐกรณ์ แสดงออกว่า ปลื้มนายจักรภพแค่ไหน ก็ถึงบางอ้อ...
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ แนะนำว่า นายจักรภพเป็นรัฐมนตรีที่มีเส้นทางการขึ้นสู่การเป็นรัฐมนตรีที่แตกต่างจากผู้อื่นอย่างมาก เพราะผ่านชีวิตนักวิชาการ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ สื่อมวลชน รวมไปถึงการเป็นนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเผด็จการด้วย (แต่เสียดายที่ปลื้มไม่ได้บอกข้อมูลผู้ชมว่า เขามีพฤติกรรมอย่างไรต่อกรณีพาม็อบบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษและประธานองคมนตรี)...
ปลื้ม ยัง ‘เป็นปลื้ม’ นายจักรภพ ในฐานะนักเรียนนอกเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง เคยเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน คือ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา...
เหล่านี้ฉายให้เห็นตัวตนของนายจักรภพได้ชัดขึ้น โดยเฉพาะ ช่วงชีวิตหนึ่งที่อยู่ใกล้ชิดกับฝรั่งมังค่าซึ่งคงมีผลต่อพฤติกรรมเขาในปัจจุบันมากทีเดียว
การสำแดงอำนาจผ่านคำพูดก็ดี การเผอเรอพูดจาเปิดเผยข้อมูลภายในของ อสมท และอาจจะถูกตรวจสอบก็ดี
นายจักรภพ คงลืมสุภาษิตไทยๆ ที่ว่า ‘ปลาหมอตายเพราะปาก’ ไปแล้ว
**ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อกhttp://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th