xs
xsm
sm
md
lg

กบข.จ้างฟันด์ไทย-เทศบริหารพอร์ตเพิ่ม3.5หมื่นล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- กบข.เตรียมจ้างผู้จัดการกองทุนทั้งในและต่างประเทศ บริหารเงินเพิ่มอีก 3.5 หมื่นล้านบาท เน้นการลงทุนแบบกระจายทั้งหุ้นไทย-เมืองนอก พร้อมเพิ่มน้ำหนัก REATs-Private Equity ต่างแดน ประเมินการลงทุนทั่วโลกอีก 1-2 เดือนเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกเยอะ และยังผันผวนต่อเนื่องไปอีก 3-6 เดือน เหตุพิษซับไพรม์ยังไม่จบ เผยกลยุทธ์กบข.ไม่บุ่มบาม จับจังหวะตลาดนิ่งก่อนลงทุน 'วิสิฐ' ฝันอยากเห็นข้าราชการทั้งประเทศมีเงินออม เสนอคลังแก้กฎหมายเพิ่มการออมเข้าสู่ระดับท้องถิ่น
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข.อยู่ระหว่างพิจารณาคัดเลือกผู้จัดการกองทุนในประเทศและต่างประเทศเพื่อบริหารเงินกองทุนของกบข.เพิ่ม โดยในส่วนของผู้จัดการกองทุนในประเทศนั้น อาจจะพิจารณาจากผู้จัดการกองทุนที่บริหารเงินของกบข.อยู่แล้ว ซึ่งการคัดเลือกดังกล่าวจะดูจากผลงานของผู้จัดการกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ผ่านมา หรืออาจจะคัดเลือกผู้จัดการกองทุนรายใหม่ โดยวงเงินที่ กบข.จะจัดสรรให้ผู้จัดการกองทุนบริหารเพิ่มนั้น มีมูลค่าประมาณ 1-1.5 หมื่นล้านบาท จากจำนวนเงินเดิมที่บริหารอยู่แล้วประมาณ 5 หมื่นล้านบาท จากผู้จัดการกองทุน 7 ราย
ส่วนผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศ อยู่ระหว่างคัดเลือกเพิ่มเติมเช่นกัน โดยในส่วนนี้จะเป็นการเพิ่มผู้จัดการกองทุนเพื่อเข้ามาบริหารเงินลงทุนในตลาดหุ้น การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (REATs) และการลงทุนทางเลือก (Private Equity) ในต่างประเทศ ซึ่งวงเงินสำหรับผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศนั้น มีจำนวนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากเงินลงทุนที่ให้บริหารอยู่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท หรือ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ จากผู้จัดการกองทุนทั้งหมด 13 ราย
ทั้งนี้ บลจ.ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการกองทุนอยู่แล้วมีจำนวน 7 ราย โดยเป็นผู้จัดการกองทุนตราสารทุนมี 5 ราย ได้แก่ บลจ.กสิกรไทย บลจ.วรรณ บลจ.ทิสโก้ บลจ.อเบอร์ดีน และบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) ส่วน บลจ.ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ 6 ราย ได้แก่ บลจ. ทิสโก้ บลจ.วรรณ บมจ. ธนาคารกรุงเทพ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) บลจ.เอ็มเอฟซี และ บลจ.กสิกรไทย
นายวิสิฐ กล่าวถึง ภาพรวมการลงทุนทั่วโลก ว่า ในระยะ 1-2 เดือนข้างหน้าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอีกค่อนข้างเยอะ และน่าจะยังคงผันผวนต่อไปอีก 3-6 เดือนข้างหน้า เพราะปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพรม์) ในสหรัฐฯ ยังไม่จบ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสถาบันการเงิน โดยการลงทุนของกบข.เอง จะเป็นลักษณะ wait and see เพราะตลาดยังมีโอกาสปรับตัวลดลงได้อยู่ แต่คงยังไม่ถึงขั้นล้ม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปลายปีนี้ทุกอย่างน่าจะเริ่มคลี่คลาย ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้น เราจะเริ่มเห็นเงินเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ภาวะการลงทุนทั่วโลกที่ยังผันผวนอยู่ในตอนนี้ เชื่อว่านักลงทุนสถาบันรอหมด ขึ้นอยู่กับว่าใครจะรอได้นานกว่าใครแค่ไหน ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศของกบข.เองก็ไม่ได้เร่งแต่อย่างใด
"เรามองว่าตลาดเงินของโลกผันผวนเยอะ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลถึงเอเชียด้วย ถึงแม้ความสัมพันธ์ในแง่ของเศรษฐกิจอาจจะไม่มีผลกระทบ แต่ในแง่ของตลาดเงินและตลาดทุนมันเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเงินหมุนเวียนทั่วโลกอยู่ตลาดเวลา ซึ่งปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้เงินเหล่านั้นหันไปลงทุนในสิทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำหรือการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงมากขึ้น และส่วนหนึ่งอาจจะเก็บเงินสดไว้รอจังหวะที่เหมาะสมกว่านี้"
นายวิสิฐ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในต่างประเทศของกบข.ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไว้ทั้งหมด เพราะการลงทุนในตราสารหนี้เองให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนัก ประมาณ 5-6% เท่านั้น ส่วนการลงทุนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับค่าเงินสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเองเราก็ป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ทั้งหมดเช่นกัน โดยตราบใดที่เราเห็นว่า 3-6 เดือนข้างหน้ายังเป็นไปในทิศทางเดียวอยู่เราก็ต้องรีบจัดการ ซึ่งการเฮจด์ค่าเงินนั้น เป็นกลยุทธ์ในการจัดการค่าเงินของเราให้ดีที่สุด ไม่ใช่การเฮจด์เพื่อเก็งกำไร
ทั้งนี้ ในการลงทุนในต่างประเทศนั้น กบข.ยังสนใจมองหาการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วย ซึ่งกองทุนเหล่านี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูงกว่าในประเทศ และมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเทศกว่าด้วย อย่างไรก็ตาม การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในประเทศก็ยังสนใจอยู่ ขณะเดียวกัน ยังสนใจการลงทุนใน Private Equity เพิ่มเติมด้วย
เลขาธิการกบข.กล่าวว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงไปอีก 0.75% ทำให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างเฟดและอาร์/พี เพิ่มขึ้นเป็น 1% ซึ่งส่งผลให้การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น่าจะใกล้เห็นคำตอบที่ชัดเจนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (อาร์/พี) ลงได้ เพราะหากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจนต้องทำให้ธปท.ต้องเข้าไปแทรกแซง เชื่อว่าธปท.คงเลือกลดอัตราดอกเบี้ยลงบ้าง เพราะเงินในกระเป๋าของธปท.เอง ก็มีจำนวนจำกัด คงไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ทั้งหมด
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของกบข. ตอนนี้ เขากล่าวว่า เป็นจังหวะที่เราเข้าไปซื้อหุ้นที่เราอยากลงทุนเข้ามาเก็บไว้ ซึ่งกบข.เองมีการกันเงินสดไว้ประมาณ 5% อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดยังผันผวนอยู่ในช่วงนี้ นักลงทุนอย่าเพิ่งไปตกใจ แต่ให้ศึกษาองค์ประกอบและข้อมูลของหุ้นที่ถืออยู่นั้นก่อนว่า มีการจ่ายปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีหรือไม่ ถ้ายังสามารถจ่ายปันผลในอัตราที่สูงอยู่ก็น่าจะลงทุนต่อไปได้ ทั้งนี้ มองว่าหุ้นไทยในปีนี้ น่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ดีกว่าปีที่แล้ว
"ตลาดหุ้นไทย ยังเป็นตลาดที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในระดับที่ค่อนข้างสูง 5-6% บางบริษัทยังสูงถึง 10% ขณะเดียวกันกำไรของบางบริษัทเองก็ปรับเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน" นายวิสิฐกล่าว

**กบข.ก้าวสู่ปีที่ 12**
นายวิสิฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ จะเป็นวันที่ กบข. ครบรอบการดำเนินงานมาเป็นเวลา 11 ปี ซึ่ง ณ วันนี้ สามารถบอกได้ว่า กบข.ได้ก้าวสู่การเป็นกองทุนบำเหน็จบำนาญระดับสากล (World Pension Fund) แล้ว และหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียแล้ว ถือว่า กบข.เป็นกองทุนที่แอดวานซ์มากที่สุด ทั้งในแง่ของการจัดสรรเงินลงทุน (Asset Alocation) และกลยุทธ์การลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นอิสระและความเป็นมืออาชีพอีกด้วย โดยปัจจุบัน กบข.มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งหมดประมาณ 3.8 แสนล้านบาท โดยผลการดำเนินงานในปีนีเองอาจจะต้องเหนื่อยหน่อย แต่เชื่อว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้เท่ากับปีที่แล้ว
โดยเป้าหมายของกบข.หลักจากนี้ จะเน้นการออมที่เข้าถึงระดับท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเอง เราก็ได้ชี้ให้กระทรวงการคลังซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ได้เห็นปัญหาแล้วว่าภาคการออมทั้งระบบยังขาดในส่วนไหนบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมการออมให้เข้าถึงข้าราชการระดับท้องถิ่นได้อย่างทั่วถึง เพราะเป้าหมายของกบข.อยากเห็นข้อราชการทั้งประเทศมีกองทุนบำเหน็จบำนาญ
"เป้าหมายอีกอย่างของเราคือ อยากเห็นสมาชิกเข้าถึงเรามากขึ้น และอยากเห็นสมาชิกให้ความสนใจกับเงินของเขาที่มีอยู่ให้มากขึ้นด้วย"นายวิสิฐกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น