ผู้จัดการรายวัน – “ถ้ายังอยู่ในตลาดเดิมๆ หากเกิดสงครามตัดราคาขึ้นเมื่อใด ธุรกิจคงอยู่ไม่ได้” แนวคิดนี้ จุดประการให้ “พิเชษฐ์ เจริญกิจ” ผลักดันกิจการอู่ต่อรถบัสของครอบครัว สู่การสร้างสรรค์รถโมบายดีไซน์ใหม่ โดดเด่นทั้งรูปทรงทันสมัย และใช้งานได้เหมาะสม ช่วยให้ธุรกิจก้าวสู่ผู้ผลิตแถวหน้าของประเทศ
พิเชษฐ์ เจริญกิจ เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอกวัตร (1994) ใน จ.นครปฐม เล่าว่า ครอบครัวทำธุรกิจอู่ต่อตัวถังและตกแต่งรถบัส ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ (เชิด เจริญกิจ) นานกว่า 20 ปี ชื่อ “อู่ ช.เชิดชัย บ้านโป่ง” จนถึงยุคฟองสบู่แตก ธุรกิจทั้งเล็กใหญ่ต่างบอบช้ำจากพิษเศรษฐกิจกันถ้วนหน้า
เวลานั้นพิเชษฐ์เข้ามาสานต่อกิจการ มองสถานการณ์ตลาดที่จะพาให้ธุรกิจอยู่รอด นับวันทวีความลำบากขึ้น เพราะตลาดแคบลง จากเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันจำนวนมาก เฉพาะแค่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันเกือบ 50 อู่ ถ้ายังอยู่ในตลาดเดิมๆ หากเกิดสงครามตัดราคาขึ้นเมื่อใด ธุรกิจคงอยู่ไม่ได้ จึงหันมาพัฒนาตัวเอง สร้างนวัตกรรมให้แตกต่าง เพื่อหาลูกค้าใหม่ๆ โดยสร้างสรรค์เป็นรถโมบายเคลื่อนที่ ทั้งรถอเนกประสงค์ และรถพยาบาล ในชื่อ คือ “Act One”
เจ้าของธุรกิจ เผยว่า เทคโนโลยีการผลิตมาจากการดูงานในต่างประเทศ และศึกษาด้วยตัวเองกว่า 1 ปี โดยใช้ทุนวิจัยและพัฒนารถต้นแบบกว่า 1 ล้านบาท โดยการออกแบบ และผลิตพยายามต่อยอดจากพื้นฐานความรู้เดิม ที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว แต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยใส่นวัตกรรมลงไป จุดเด่น คือ รูปทรงหัวจรวด อาศัยหลักแอโรไดนามิกส์ (Aerodynamics) มีลักษณะลู่ลม ดูทันสมัย และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 15-17% ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ผลิตรถโมบายรูปทรงนี้ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของ “Act One”
ในการออกแบบรถแต่ละแบบนั้น พิเชษฐ์ ระบุว่า ใช้ตลาดเป็นตัวนำ โดยคิดออกแบบรถให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด ซึ่งนอกจากดีไซน์จะต้องโดดเด่นแล้ว อุปกรณ์เสริมต้องใช้งานเหมาะสม
ทั้งนี้ เริ่มจากทำรถโมบายเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ก่อนมาพัฒนาเป็นรถการแพทย์เคลื่อนที่ เช่น รถพยาบาลฉุกเฉิน รถเอกซเรย์เคลื่อนที่ รถทันตกรรมเคลื่อนที่ ฯลฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
“ปัจจุบันมีโรงพยาบาลหลายแห่งเป็นลูกค้าของเรา แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ ยอมรับว่า ช่วงแรกทำงานค่อนข้างหนัก เพราะนี่คือตลาดใหม่ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงมาก จึงต้องทำการบ้านหนักมาก ทั้งสำรวจตลาด วิเคราะห์ถึงจุดด้อยของรถพยาบาลที่มีอยู่ในตลาด เป็นต้นว่า แพทย์ปั้มหัวใจผู้ป่วยลำบาก เพราะมีข้อจำกัดเรื่องความสูงของตัวรถ เดินรอบเตียงเพื่อช่วยเหลือคนไข้ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะนำรถตู้โดยสารมาดัดแปลงเป็นรถพยาบาล เราจึงนำปัญหาเหล่านี้ พัฒนารถบัสขนาดใหญ่ให้เป็นรถพยาบาลที่ค่อนข้างสมบูรณ์” เจ้าของธุรกิจ ระบุ
นอกจากนั้น ยังพัฒนากลุ่มรถอเนกประสงค์ เช่น รถห้องสมุดเคลื่อนที่ รถทะเบียนราษฎร์เคลื่อนที่ รถสุขาเคลื่อนที่ รถโชว์รูมเคลื่อนที่ รถสำนักงานเคลื่อนที่ ฯลฯ ส่วนใหญ่จะออกแบบและผลิตตามความต้องการของลูกค้า โดยเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาติดตั้งจะออกแบบและผลิตด้วยตัวเองโดยเฉพาะ สามารถติดตั้งในรถได้อย่างลงตัว
ทั้งนี้ การดัดแปลงรถประเภทต่างๆ มาเป็นรถโมบาย สามารถทำได้ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อการใช้งานแต่ละด้าน การผลิตวัสดุที่ใช้ เช่น เหล็ก ไฟเบอร์กลาส และวัสดุพิเศษ “คอมโพสิต” (composites) ใช้ทำส่วนตัวถัง มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อโรค ป้องกันกรดด่าง มีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา ไม่ขึ้นสนิม นอกจากนั้น ใช้ระบบผสมสีด้วยคอมพิวเตอร์ และมีห้องพ่นอบสีมาตรฐานสากลด้วย
สำหรับราคารถ อยู่ที่ 2 - 10 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าว เฉลี่ยเป็นค่าต้นทุนผลิตกว่า 70% โดยเฉพาะอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งราคาสูงมาก สำหรับลูกค้าหลัก คือ โรงพยาบาลต่างๆ ว่าจ้างผลิตรถการแพทย์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ โดยตลาดรถประเภทนี้ ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% ส่วนยอดผลิตรถรวมทุกประเภทของ “Act One” ประมาณ 100 คันต่อปี
พิเชษฐ์ เผยอีกว่า ด้านบริหารการผลิตได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รวมกลุ่มคลัสเตอร์กับผู้ผลิตในสายงานใกล้เคียงกัน เพื่อช่วยเหลือ และนำจุดเด่นของแต่ละอู่มาแบ่งปันกัน ช่วยลดจุดด้อยของตนเองลง รวมถึง การรวมกลุ่มเพิ่มความน่าเชื่อถือและเพิ่มศักยภาพในการเจรจาธุรกิจ ที่สำคัญการรวมกลุ่มที่เข้มแข้ง ยังเปิดช่องทางให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนได้มากขึ้นด้วย
พิเชษฐ์ มองทิศทางธุรกิจนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นรถการแพทย์ ซึ่งโรงพยาบาลต่างๆ ล้วนเน้นบริการเข้าถึงลูกค้าที่เพิ่มความใส่ใจดูแลสุขภาพ ขณะที่รถอเนกประสงค์สามารถตอบสนองการทำตลาดเชิงรุกของสินค้าต่างๆ เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง จากโอกาสดังกล่าว ตั้งเป้าปีนี้ (2551) จะมียอดสั่งผลิตเพิ่ม 1 เท่าตัวจากเดิม นอกจากนั้น ในอีก 3 ปีจะขยายส่งออกต่างประเทศ ซึ่งเวลานี้ อยู่ระหว่างศึกษาตลาด วัฒนธรรม และกฎหมายของแต่ละประเทศ
พิเชษฐ์ เจริญกิจ เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด เอกวัตร (1994) ใน จ.นครปฐม เล่าว่า ครอบครัวทำธุรกิจอู่ต่อตัวถังและตกแต่งรถบัส ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ (เชิด เจริญกิจ) นานกว่า 20 ปี ชื่อ “อู่ ช.เชิดชัย บ้านโป่ง” จนถึงยุคฟองสบู่แตก ธุรกิจทั้งเล็กใหญ่ต่างบอบช้ำจากพิษเศรษฐกิจกันถ้วนหน้า
เวลานั้นพิเชษฐ์เข้ามาสานต่อกิจการ มองสถานการณ์ตลาดที่จะพาให้ธุรกิจอยู่รอด นับวันทวีความลำบากขึ้น เพราะตลาดแคบลง จากเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันจำนวนมาก เฉพาะแค่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันเกือบ 50 อู่ ถ้ายังอยู่ในตลาดเดิมๆ หากเกิดสงครามตัดราคาขึ้นเมื่อใด ธุรกิจคงอยู่ไม่ได้ จึงหันมาพัฒนาตัวเอง สร้างนวัตกรรมให้แตกต่าง เพื่อหาลูกค้าใหม่ๆ โดยสร้างสรรค์เป็นรถโมบายเคลื่อนที่ ทั้งรถอเนกประสงค์ และรถพยาบาล ในชื่อ คือ “Act One”
เจ้าของธุรกิจ เผยว่า เทคโนโลยีการผลิตมาจากการดูงานในต่างประเทศ และศึกษาด้วยตัวเองกว่า 1 ปี โดยใช้ทุนวิจัยและพัฒนารถต้นแบบกว่า 1 ล้านบาท โดยการออกแบบ และผลิตพยายามต่อยอดจากพื้นฐานความรู้เดิม ที่มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว แต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยใส่นวัตกรรมลงไป จุดเด่น คือ รูปทรงหัวจรวด อาศัยหลักแอโรไดนามิกส์ (Aerodynamics) มีลักษณะลู่ลม ดูทันสมัย และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ประมาณ 15-17% ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ผลิตรถโมบายรูปทรงนี้ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของ “Act One”
ในการออกแบบรถแต่ละแบบนั้น พิเชษฐ์ ระบุว่า ใช้ตลาดเป็นตัวนำ โดยคิดออกแบบรถให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด ซึ่งนอกจากดีไซน์จะต้องโดดเด่นแล้ว อุปกรณ์เสริมต้องใช้งานเหมาะสม
ทั้งนี้ เริ่มจากทำรถโมบายเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ก่อนมาพัฒนาเป็นรถการแพทย์เคลื่อนที่ เช่น รถพยาบาลฉุกเฉิน รถเอกซเรย์เคลื่อนที่ รถทันตกรรมเคลื่อนที่ ฯลฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
“ปัจจุบันมีโรงพยาบาลหลายแห่งเป็นลูกค้าของเรา แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ ยอมรับว่า ช่วงแรกทำงานค่อนข้างหนัก เพราะนี่คือตลาดใหม่ ซึ่งมีกำลังซื้อสูงมาก จึงต้องทำการบ้านหนักมาก ทั้งสำรวจตลาด วิเคราะห์ถึงจุดด้อยของรถพยาบาลที่มีอยู่ในตลาด เป็นต้นว่า แพทย์ปั้มหัวใจผู้ป่วยลำบาก เพราะมีข้อจำกัดเรื่องความสูงของตัวรถ เดินรอบเตียงเพื่อช่วยเหลือคนไข้ไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะนำรถตู้โดยสารมาดัดแปลงเป็นรถพยาบาล เราจึงนำปัญหาเหล่านี้ พัฒนารถบัสขนาดใหญ่ให้เป็นรถพยาบาลที่ค่อนข้างสมบูรณ์” เจ้าของธุรกิจ ระบุ
นอกจากนั้น ยังพัฒนากลุ่มรถอเนกประสงค์ เช่น รถห้องสมุดเคลื่อนที่ รถทะเบียนราษฎร์เคลื่อนที่ รถสุขาเคลื่อนที่ รถโชว์รูมเคลื่อนที่ รถสำนักงานเคลื่อนที่ ฯลฯ ส่วนใหญ่จะออกแบบและผลิตตามความต้องการของลูกค้า โดยเฟอร์นิเจอร์ที่นำมาติดตั้งจะออกแบบและผลิตด้วยตัวเองโดยเฉพาะ สามารถติดตั้งในรถได้อย่างลงตัว
ทั้งนี้ การดัดแปลงรถประเภทต่างๆ มาเป็นรถโมบาย สามารถทำได้ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมต่อการใช้งานแต่ละด้าน การผลิตวัสดุที่ใช้ เช่น เหล็ก ไฟเบอร์กลาส และวัสดุพิเศษ “คอมโพสิต” (composites) ใช้ทำส่วนตัวถัง มีคุณสมบัติป้องกันเชื้อโรค ป้องกันกรดด่าง มีความแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา ไม่ขึ้นสนิม นอกจากนั้น ใช้ระบบผสมสีด้วยคอมพิวเตอร์ และมีห้องพ่นอบสีมาตรฐานสากลด้วย
สำหรับราคารถ อยู่ที่ 2 - 10 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าว เฉลี่ยเป็นค่าต้นทุนผลิตกว่า 70% โดยเฉพาะอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งราคาสูงมาก สำหรับลูกค้าหลัก คือ โรงพยาบาลต่างๆ ว่าจ้างผลิตรถการแพทย์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ โดยตลาดรถประเภทนี้ ครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% ส่วนยอดผลิตรถรวมทุกประเภทของ “Act One” ประมาณ 100 คันต่อปี
พิเชษฐ์ เผยอีกว่า ด้านบริหารการผลิตได้รับการสนับสนุนจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม รวมกลุ่มคลัสเตอร์กับผู้ผลิตในสายงานใกล้เคียงกัน เพื่อช่วยเหลือ และนำจุดเด่นของแต่ละอู่มาแบ่งปันกัน ช่วยลดจุดด้อยของตนเองลง รวมถึง การรวมกลุ่มเพิ่มความน่าเชื่อถือและเพิ่มศักยภาพในการเจรจาธุรกิจ ที่สำคัญการรวมกลุ่มที่เข้มแข้ง ยังเปิดช่องทางให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนได้มากขึ้นด้วย
พิเชษฐ์ มองทิศทางธุรกิจนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นรถการแพทย์ ซึ่งโรงพยาบาลต่างๆ ล้วนเน้นบริการเข้าถึงลูกค้าที่เพิ่มความใส่ใจดูแลสุขภาพ ขณะที่รถอเนกประสงค์สามารถตอบสนองการทำตลาดเชิงรุกของสินค้าต่างๆ เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง จากโอกาสดังกล่าว ตั้งเป้าปีนี้ (2551) จะมียอดสั่งผลิตเพิ่ม 1 เท่าตัวจากเดิม นอกจากนั้น ในอีก 3 ปีจะขยายส่งออกต่างประเทศ ซึ่งเวลานี้ อยู่ระหว่างศึกษาตลาด วัฒนธรรม และกฎหมายของแต่ละประเทศ
