เวลา13.30 น.วานนี้ (19มี.ค.) ที่ห้องรับรองพิเศษ อาคารรัฐสภา 2 สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้จัดพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายประสพสุข บุญเดช ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช และน.ส.ทัศนา บุญทอง ดำรงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา จากนั้นประธาน และรองประธานวุฒิสภาได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และพระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมืองโดยมี ส.ว.มาร่วมพิธี และแสดงความยินดีเป็นจำนวนมาก
นายประสพสุข กล่าวภายหลังพิธีรับพระบรมราชโองการ ว่า ตนและรองประธานวุฒิสภา ทั้ง 2 คนรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตน เป็นประธาน และรองประธานทั้ง 2 ซึ่งหลังจากนี้ไปตนจะทำงานโดยยึดหลักความซื่อสัตย์ โปร่งใส และเป็นกลางโดยงานแรกที่จะทำคือ จะทำให้วุฒิสภาเป็นสภาเปิดกว้าง และให้สมาชิกตรวจสอบและซักถามในการทำงานได้
ทั้งนี้ อยากให้วุฒิสภาเป็นสภาฝ่ายวิชาการโดยจะปรับปรุงห้องสมุดให้มีข้อมูลด้านวิชาการและกฎหมายในลักษณะดิจิตอล เหมือนกับสภาคองเกรส สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเผยแพร่ผลงานด้านวิชาการและผลการวิจัยในเรื่องต่างๆ ของวุฒิสภาให้กับประชาชน
นายประสพสุข กล่าวด้วยว่า จะทำให้สถาบันวุฒิสภา มีความเป็นกลาง ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เอนเอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะยึดหลักนิติธรรม ขอให้ประชาชนวางใจในการทำหน้าที่ของวุฒิสภาชุดนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การเมืองจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงานหรือไม่ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า วุฒิสภาชุดนี้ไม่สังกัดพรรคการเมืองอยู่แล้ว
สำหรับการตรวจสอบข่าวการซื้อตำแหน่งประธานวุฒิสภานั้น ขณะนี้นายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว.ตรัง และส.ว.ส่วนหนึ่งเข้าชื่อเสนอญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้ว ดังนั้นในการประชุมวุฒิสภา วันที่ 21 มี.ค.นี้ จะได้พิจารณาร่วมกันว่า ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
เมื่อถามว่า มีการระบุว่า ส.ว.สรรหาไปบุกรุกที่ดินราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริ จะตรวจสอบอย่างไรนายประสพสุข กล่าวว่า ไม่ทราบ เพิ่งทราบจากข่าว ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการสอบถามเรื่องดังกล่าวได้มี ส.ว.สรรหาหญิงคนหนึ่ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มีส.ว.สรรหาจาก จ.เพชรบูรณ์เพียงคนเดียว ตนไม่รู้เรื่องเลยถ้าพูดเช่นนี้ก็เหมือนเป็นการกล่าวหาตน ทั้งนี้ ข่าวที่เกิดขึ้นมาจากการให้สัมภาษณ์ของ พ.อ.ชัยณรงค์ แกล้วกล้า เสนาธิการกองพลทหารม้าที่ 1 ที่ระบุว่าหนึ่งในผู้บุกรุกพื้นที่ป่านั้น เป็นอดีตนายตำรวจระดับสูงและ เป็นส.ว สรรหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ได้ พล.อ.ชัยณรงค์ แก้วกล้า เสนาธิการกองพลทหารม้าที่ 1 ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อมวลชนว่า ได้มีกลุ่มส.ว.สรรหา เข้าไปบุกรุกที่ดิน รอส.เขาค้อ ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการพระราชดำริ เพื่อสร้างรีสอร์ท และบ้านพักนั้น ล่าสุด ได้มีส.ว.สรรหาบางส่วนออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เรื่องนี้มีกฎหมายกำหนดเอาผิดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว หากส.ว.คนไหนทำความผิดตามที่พล.อ.ชัยณรงค์ ออกมาให้ข้อมูล ก็ต้องดำเนินการไปตามความผิดนั้น เพราะไม่ว่าส.ว.เลือกตั้งหรือ ส.ว.สรรหา หรือแม้แต่ประชาชน ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า คนที่ให้ข่าวออกมาน่าจะออกมาให้ข้อมูลมากกว่านี้ว่าส.ว.สรรหาที่เข้าไปรุกป่าสงวนคนนั้นเป็นใคร และบุกรุกเนื้อที่มากขนาดไหน แต่ข้อมูลที่ออกมานั้นไม่มีความชัดเจนอะไรเลย นอกจากกล่าวหาว่ามี ส.ว.สรรหาคนหนึ่งรุกที่ป่าสงวน
อย่างไรก็ตามหากเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเพราะคนที่เป็นส.ว.หากทำความผิดมากถึงขนาดนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นส.ว.ต่อไป
"เมื่อส.ว.ทำหน้าที่ตรวสอบรัฐบาล จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่สังคมจะตรวจสอบส.ว.ได้ด้วยเช่นกัน" ส.ว.สรรหา กล่าว
นายสมชาย แสวงการ ส.ว. สรรหา กล่าวว่า หาก ส.ว. มีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาสอบสวนการให้ค่าตอบแทนในการเลือกประธาน ส.ว. ขึ้นมา โดยส่วนตัวพร้อมให้ข้อมูลในทางลับกับคณะกรรมการสอบสวนเต็มที่ เพราะมีทั้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ ของบุคคลที่โทรมาเสนอให้เงินเดือนพิเศษ ส.ว. ตลอดวาระ ทั้งนี้คนที่โทรศัพท์ไม่ได้ขอให้เลือกใครคนใดคนหนึ่งเป็นประธาน แค่บอกว่าอยากจะรวบรวมส.ว. ไว้ด้วยกันเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเพราะสุดท้ายก็จะควบคุมการลงมติต่างๆของส.ว.ได้
"คนที่โทรมาเป็นผู้ชาย เป็นอดีต ส.ส. แต่ไม่ใช่ 111 คน เขาต้องการล้อมคอก ส.ว. และบอกว่าได้ทาบทามมาแล้วหลายคน ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก ผมคิดว่าสภาชุดนี้น่าจะหลุดพ้นจากการถูกปรามาสว่าเป็นสภาทาสได้แล้ว จึงต้องต่อต้านวิธีการดังกล่าวให้มากที่สุด" นายสมชาย กล่าว
นายประสพสุข กล่าวภายหลังพิธีรับพระบรมราชโองการ ว่า ตนและรองประธานวุฒิสภา ทั้ง 2 คนรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ตน เป็นประธาน และรองประธานทั้ง 2 ซึ่งหลังจากนี้ไปตนจะทำงานโดยยึดหลักความซื่อสัตย์ โปร่งใส และเป็นกลางโดยงานแรกที่จะทำคือ จะทำให้วุฒิสภาเป็นสภาเปิดกว้าง และให้สมาชิกตรวจสอบและซักถามในการทำงานได้
ทั้งนี้ อยากให้วุฒิสภาเป็นสภาฝ่ายวิชาการโดยจะปรับปรุงห้องสมุดให้มีข้อมูลด้านวิชาการและกฎหมายในลักษณะดิจิตอล เหมือนกับสภาคองเกรส สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเผยแพร่ผลงานด้านวิชาการและผลการวิจัยในเรื่องต่างๆ ของวุฒิสภาให้กับประชาชน
นายประสพสุข กล่าวด้วยว่า จะทำให้สถาบันวุฒิสภา มีความเป็นกลาง ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เอนเอียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จะยึดหลักนิติธรรม ขอให้ประชาชนวางใจในการทำหน้าที่ของวุฒิสภาชุดนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า การเมืองจะเข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงานหรือไม่ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า วุฒิสภาชุดนี้ไม่สังกัดพรรคการเมืองอยู่แล้ว
สำหรับการตรวจสอบข่าวการซื้อตำแหน่งประธานวุฒิสภานั้น ขณะนี้นายวิเชียร คันฉ่อง ส.ว.ตรัง และส.ว.ส่วนหนึ่งเข้าชื่อเสนอญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้ว ดังนั้นในการประชุมวุฒิสภา วันที่ 21 มี.ค.นี้ จะได้พิจารณาร่วมกันว่า ต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
เมื่อถามว่า มีการระบุว่า ส.ว.สรรหาไปบุกรุกที่ดินราษฎรอาสาสมัคร (รอส.) อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริ จะตรวจสอบอย่างไรนายประสพสุข กล่าวว่า ไม่ทราบ เพิ่งทราบจากข่าว ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการสอบถามเรื่องดังกล่าวได้มี ส.ว.สรรหาหญิงคนหนึ่ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มีส.ว.สรรหาจาก จ.เพชรบูรณ์เพียงคนเดียว ตนไม่รู้เรื่องเลยถ้าพูดเช่นนี้ก็เหมือนเป็นการกล่าวหาตน ทั้งนี้ ข่าวที่เกิดขึ้นมาจากการให้สัมภาษณ์ของ พ.อ.ชัยณรงค์ แกล้วกล้า เสนาธิการกองพลทหารม้าที่ 1 ที่ระบุว่าหนึ่งในผู้บุกรุกพื้นที่ป่านั้น เป็นอดีตนายตำรวจระดับสูงและ เป็นส.ว สรรหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ได้ พล.อ.ชัยณรงค์ แก้วกล้า เสนาธิการกองพลทหารม้าที่ 1 ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อมวลชนว่า ได้มีกลุ่มส.ว.สรรหา เข้าไปบุกรุกที่ดิน รอส.เขาค้อ ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการพระราชดำริ เพื่อสร้างรีสอร์ท และบ้านพักนั้น ล่าสุด ได้มีส.ว.สรรหาบางส่วนออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เรื่องนี้มีกฎหมายกำหนดเอาผิดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว หากส.ว.คนไหนทำความผิดตามที่พล.อ.ชัยณรงค์ ออกมาให้ข้อมูล ก็ต้องดำเนินการไปตามความผิดนั้น เพราะไม่ว่าส.ว.เลือกตั้งหรือ ส.ว.สรรหา หรือแม้แต่ประชาชน ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า คนที่ให้ข่าวออกมาน่าจะออกมาให้ข้อมูลมากกว่านี้ว่าส.ว.สรรหาที่เข้าไปรุกป่าสงวนคนนั้นเป็นใคร และบุกรุกเนื้อที่มากขนาดไหน แต่ข้อมูลที่ออกมานั้นไม่มีความชัดเจนอะไรเลย นอกจากกล่าวหาว่ามี ส.ว.สรรหาคนหนึ่งรุกที่ป่าสงวน
อย่างไรก็ตามหากเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเพราะคนที่เป็นส.ว.หากทำความผิดมากถึงขนาดนี้ก็ไม่สมควรที่จะเป็นส.ว.ต่อไป
"เมื่อส.ว.ทำหน้าที่ตรวสอบรัฐบาล จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่สังคมจะตรวจสอบส.ว.ได้ด้วยเช่นกัน" ส.ว.สรรหา กล่าว
นายสมชาย แสวงการ ส.ว. สรรหา กล่าวว่า หาก ส.ว. มีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาสอบสวนการให้ค่าตอบแทนในการเลือกประธาน ส.ว. ขึ้นมา โดยส่วนตัวพร้อมให้ข้อมูลในทางลับกับคณะกรรมการสอบสวนเต็มที่ เพราะมีทั้งชื่อและเบอร์โทรศัพท์ ของบุคคลที่โทรมาเสนอให้เงินเดือนพิเศษ ส.ว. ตลอดวาระ ทั้งนี้คนที่โทรศัพท์ไม่ได้ขอให้เลือกใครคนใดคนหนึ่งเป็นประธาน แค่บอกว่าอยากจะรวบรวมส.ว. ไว้ด้วยกันเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเพราะสุดท้ายก็จะควบคุมการลงมติต่างๆของส.ว.ได้
"คนที่โทรมาเป็นผู้ชาย เป็นอดีต ส.ส. แต่ไม่ใช่ 111 คน เขาต้องการล้อมคอก ส.ว. และบอกว่าได้ทาบทามมาแล้วหลายคน ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายมาก ผมคิดว่าสภาชุดนี้น่าจะหลุดพ้นจากการถูกปรามาสว่าเป็นสภาทาสได้แล้ว จึงต้องต่อต้านวิธีการดังกล่าวให้มากที่สุด" นายสมชาย กล่าว