0 นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน เปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า ได้เปลี่ยนชื่อกลุ่มของตนเองใหม่เป็น “กลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย” เพื่อเคลื่อนไหวถ่วงดุลเป็นคู่ขนานกับ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
0 นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำ นปก.ให้สัมภาษณ์ว่า ยิ่งแกนนำพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ รัฐบาลยิ่งมีความชอบธรรมในการบริหารแผ่นดินมากขึ้นเท่านั้น ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มมหาประชาชนฯ นั้นเป็นการแสดงออกตามหลักประชาธิปไตย
0 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล อดีตแกนนำ นปก. กล่าวหาว่า อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 1ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ปราศรัยปลุกระดมประชาชนให้ไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ในระหว่างประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของสาขาพรรคที่นครศรีธรรมราช ย่อมแสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อมั่นในระบบรัฐสภาแล้วใช่หรือไม่ ?
0 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ครั้งล่าสุดเมื่อ 16 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า จะไม่นั่งงอมืองอเท้า จะย้ายข้าราชการอีก “บ้านเมืองมาจนถึงป่านนี้ ยังตามล่าตามล้างจะเอากันให้เป็นให้ตาย ไอ้ใครที่ทำกันอย่างนี้ ก็ลองดูสิ จะเอาก็เอาให้สำเร็จ ยังไม่ทันไรเลยอยู่มาเดือนกว่าก็ปลุกระดมกันแล้ว จะเป็นรัฐตำรวจ ไปอ่านคำแถลงดู โอ้โห บ้านเมืองสู่วิกฤตแล้ว นายสมัครจะตั้งรัฐตำรวจ ฟังดูแล้วมันอะไรกันนักหนา ยังไม่ทันถึงวันที่ 28 มีนา ประกาศแล้วว่ามีมา 3 หมื่นคน..”
0 ฯลฯ...
เสียดายที่เนื้อที่มีไม่มากพอ หยิบยกมาพอเป็นตัวอย่างให้อ่านกันได้แค่นี้ ถ้าจะยืมสำนวนของท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช มาพูด ก็ต้องบอกว่าตัวอย่างท่าที ท่วงทำนองดังตัวอย่างข้างต้นนั้น “กำลังนี้...มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว”
ผมหมายความตามนั้นจริงๆ...ไม่ได้ล้อเล่น
ที่น่าเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งก็คือ นายกฯ สมัครของกระผมนี่เป็นกับเขาไปด้วย ใช้เวลาสถานีโทรทัศน์ของชาติที่เกิดจากภาษีประชาชนพูดความจริงเพียงด้านเดียว เอาดีใส่ตัวชั่วให้คนอื่น... ถึงแม้จะร้องเพลง “โชคมนุษย์” แก้เกี้ยวก็ไม่อาจเยียวยาความน่าตำหนิ..
.............................
อันที่จริงถ้าคุณจักรภพ เพ็ญแข พูดแค่ว่า... “ยิ่งพันธมิตรฯเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ รัฐบาลยิ่งมีความชอบธรรมในการบริหารแผ่นดินมากขึ้นเท่านั้น”…มันก็อาจจะชวนให้คิดอยู่บ้าง
ต้องยอมรับความจริงกันว่า ถึงแม้พันธมิตรฯ จะมีจิตบริสุทธิ์ต่อบ้านเมืองแค่ไหนก็ตาม แต่ข่าวคราวการประชุมพบปะเสวนาวิชาการในวันที่ 28 มี.ค. 51 ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ข่าวคราวที่มันแพร่กระจายไปในบ้านเมืองคือ พันธมิตรฯ นัด “ชุมนุม”
และในที่สุดก็ถูกแปลงสารโดยพวกนักการเมือง ตั้งแต่ระดับ ส.ส.ยันนายกรัฐมนตรีกลายเป็นว่า พันธมิตรฯ นัดชุมนุมไล่รัฐบาลที่เพิ่งบริหารประเทศได้เพียงเดือนเศษ..
ในสถานการณ์บ้านเมืองยุคน้ำมันแพง หมูเนื้อแดงกิโลละ 120 บาท คนไม่น้อยเบื่อข่าวสารบ้านเมือง เลือกที่จะดูละครนางทาสมากกว่าข่าวการเมือง ไม่ยากที่จะเห็นคล้อยไปกับคุณจักรภพ…
นี่ไม่นับแฟนคลับของ นปก.หรือมิตรรักแฟนเพลงของพรรคพลังประชาชนที่ยังเหนียวหนึบในการต่อต้านพันธมิตรฯ...
ในฐานะที่ได้พบปะพูดคุยกับพี่ๆ น้องๆ ที่เป็น “วงใน” ของพันธมิตรฯ อยู่บ้างผมก็พอจะทราบว่า แกนนำพันธมิตรฯ นั้นตระหนักดีว่า..ความเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกจับจ้องมองดู ถูกตั้งคำถามจากสังคมหลายภาคส่วน ดังนั้น พวกเขาต้องเพิ่มความระมัดระวังในจังหวะก้าวที่จะต้อง ไม่ล้ำหน้าประชาชนจนเกินไป แต่ถึงอย่างไรพวกเขาต้องแสดงความ “รู้เท่าทัน”เล่ห์เพทุบายของการเมืองบางฝ่ายที่พยายามใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรมหรือฉ้อฉล...
ดังนั้นใครที่ไปโพนทะนาบอกว่า...พันธมิตรฯ ชุมนุมล้มรัฐบาลอายุเดือนเศษก็ต้องบอกว่า...มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว..จริง ๆ
แต่กระนั้น ถึงบรรทัดนี้ผมก็ต้องแสดงความคิดเห็นของผมเพิ่มเติมว่า..ในสถานการณ์บ้านเมืองที่เดินทางจากต้นปี 2549 มาถึงวันนี้ เดือนมี.ค. 2551 พันธมิตรฯ เคยเป็นแกนนำประชาชนไล่รัฐบาลทักษิณ แต่จบลงด้วยการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 และรัฐบาลชั่วคราวของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และเริ่มต้นใหม่ด้วยการเลือกตั้ง 23 ธ.ค. 50 พรรคพลังประชาชนหรือไทยรักไทยเดิมได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ
แต่ละฝ่ายอุดมสมบูรณ์ด้วยบทเรียน...บทเรียนทั้งด้านลบด้านบวก...
แต่ดูเหมือนว่า..การสรุปบทเรียนของแต่ละฝ่ายยังไม่ชัดเจน ฝ่ายระบอบทักษิณแทนที่จะใช้โอกาสในการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ สถาปนาความยุติธรรมให้ปรากฏในสังคม กลับประพฤติปฏิบัติในสิ่งตรงข้าม กรณีการเคลื่อนไหวมวลชนเพื่อยั่วยุฝ่ายพันธมิตรฯ ในลักษณะโหมราดน้ำมันเข้ากองเพลิงเล็กๆ เป็นตัวอย่างที่ปรากฏชัดว่าพวกเขายังไม่สรุปบทเรียน หรือถ้าบอกว่าสรุปบทเรียนแล้วก็เป็นการสรุปบทเรียนที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง..ไม่ว่าความผิดพลาดที่ว่าจะบริสุทธิ์ใจหรือมีวาระซ่อนเร้น..
ส่วนฝ่ายพันธมิตรฯ ผมก็ต้องคอยดูว่า วันที่ 28 มี.ค.ที่จะถึง อะไร และอย่างไรคือ “บทสรุป-บทเรียน” ของพันธมิตรฯ ที่เคยนำพาประชามหาชนต่อสู้ขับไล่ระบอบทักษิณ แต่สิ่งที่ได้มาคือการรัฐประหารและรัฐบาลที่ว่างเปล่า 16 เดือน..และตามมาด้วยการกลับมาอีกครั้งของระบอบทักษิณ..
ก้าวใหม่ ก้าวต่อไปของพันธมิตรฯ จึงเป็นก้าวที่ไม่ง่ายดายที่จะก้าวเดินนัก หากก้าวเดินนี้มีเป้าหมายที่มากไปกว่าการให้ข่าวสาร ความรู้เท่าทันระบอบทักษิณ
ขณะที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นอีกกลุ่มพลังหนึ่งที่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะต้องสรุปบทเรียนของตัวเองเช่นเดียวกัน กรณีของอ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นหนึ่งกรณีที่ท้าทายพิสูจน์วิธีคิดของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหากวัดจากท่าทีล่าสุดของหัวหน้าพรรค – อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ให้อิสระในความเคลื่อนไหวในนามพันธมิตรฯ ของอ.สมเกียรติก็น่าจะพูดได้ว่าประชาธิปัตย์ยังเป็น “มวยหลัก” ยังพอที่จะเป็นที่พึ่งที่หวังของสังคมนี้ได้...
....................................
ครับ เมื่อแลไปข้างหน้า...การเมืองปี 2551 ไม่ว่าการเมืองภาคพรรคการเมือง ภาคประชาชน และรัฐบาลท่านสมัคร ล้วนแต่จะต้องฝ่าข้ามหลุมขวากมากมายหลายหลุม ซึ่งล้วนแต่อ่อนไหวและได้เสีย...
นอกจาก “ขนาดของหัวใจ”หรือความกล้าหาญแล้ว การสรุปบทเรียนเพื่อจะตอบโจทย์ในอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง...
สำคัญยิ่งในสถานการณ์ที่...มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว !!??
0 นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตแกนนำ นปก.ให้สัมภาษณ์ว่า ยิ่งแกนนำพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ รัฐบาลยิ่งมีความชอบธรรมในการบริหารแผ่นดินมากขึ้นเท่านั้น ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มมหาประชาชนฯ นั้นเป็นการแสดงออกตามหลักประชาธิปไตย
0 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล อดีตแกนนำ นปก. กล่าวหาว่า อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 1ใน 5 แกนนำพันธมิตรฯ ปราศรัยปลุกระดมประชาชนให้ไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ในระหว่างประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของสาขาพรรคที่นครศรีธรรมราช ย่อมแสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เชื่อมั่นในระบบรัฐสภาแล้วใช่หรือไม่ ?
0 นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ครั้งล่าสุดเมื่อ 16 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า จะไม่นั่งงอมืองอเท้า จะย้ายข้าราชการอีก “บ้านเมืองมาจนถึงป่านนี้ ยังตามล่าตามล้างจะเอากันให้เป็นให้ตาย ไอ้ใครที่ทำกันอย่างนี้ ก็ลองดูสิ จะเอาก็เอาให้สำเร็จ ยังไม่ทันไรเลยอยู่มาเดือนกว่าก็ปลุกระดมกันแล้ว จะเป็นรัฐตำรวจ ไปอ่านคำแถลงดู โอ้โห บ้านเมืองสู่วิกฤตแล้ว นายสมัครจะตั้งรัฐตำรวจ ฟังดูแล้วมันอะไรกันนักหนา ยังไม่ทันถึงวันที่ 28 มีนา ประกาศแล้วว่ามีมา 3 หมื่นคน..”
0 ฯลฯ...
เสียดายที่เนื้อที่มีไม่มากพอ หยิบยกมาพอเป็นตัวอย่างให้อ่านกันได้แค่นี้ ถ้าจะยืมสำนวนของท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช มาพูด ก็ต้องบอกว่าตัวอย่างท่าที ท่วงทำนองดังตัวอย่างข้างต้นนั้น “กำลังนี้...มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว”
ผมหมายความตามนั้นจริงๆ...ไม่ได้ล้อเล่น
ที่น่าเจ็บปวดรวดร้าวยิ่งก็คือ นายกฯ สมัครของกระผมนี่เป็นกับเขาไปด้วย ใช้เวลาสถานีโทรทัศน์ของชาติที่เกิดจากภาษีประชาชนพูดความจริงเพียงด้านเดียว เอาดีใส่ตัวชั่วให้คนอื่น... ถึงแม้จะร้องเพลง “โชคมนุษย์” แก้เกี้ยวก็ไม่อาจเยียวยาความน่าตำหนิ..
.............................
อันที่จริงถ้าคุณจักรภพ เพ็ญแข พูดแค่ว่า... “ยิ่งพันธมิตรฯเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ รัฐบาลยิ่งมีความชอบธรรมในการบริหารแผ่นดินมากขึ้นเท่านั้น”…มันก็อาจจะชวนให้คิดอยู่บ้าง
ต้องยอมรับความจริงกันว่า ถึงแม้พันธมิตรฯ จะมีจิตบริสุทธิ์ต่อบ้านเมืองแค่ไหนก็ตาม แต่ข่าวคราวการประชุมพบปะเสวนาวิชาการในวันที่ 28 มี.ค. 51 ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ข่าวคราวที่มันแพร่กระจายไปในบ้านเมืองคือ พันธมิตรฯ นัด “ชุมนุม”
และในที่สุดก็ถูกแปลงสารโดยพวกนักการเมือง ตั้งแต่ระดับ ส.ส.ยันนายกรัฐมนตรีกลายเป็นว่า พันธมิตรฯ นัดชุมนุมไล่รัฐบาลที่เพิ่งบริหารประเทศได้เพียงเดือนเศษ..
ในสถานการณ์บ้านเมืองยุคน้ำมันแพง หมูเนื้อแดงกิโลละ 120 บาท คนไม่น้อยเบื่อข่าวสารบ้านเมือง เลือกที่จะดูละครนางทาสมากกว่าข่าวการเมือง ไม่ยากที่จะเห็นคล้อยไปกับคุณจักรภพ…
นี่ไม่นับแฟนคลับของ นปก.หรือมิตรรักแฟนเพลงของพรรคพลังประชาชนที่ยังเหนียวหนึบในการต่อต้านพันธมิตรฯ...
ในฐานะที่ได้พบปะพูดคุยกับพี่ๆ น้องๆ ที่เป็น “วงใน” ของพันธมิตรฯ อยู่บ้างผมก็พอจะทราบว่า แกนนำพันธมิตรฯ นั้นตระหนักดีว่า..ความเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกจับจ้องมองดู ถูกตั้งคำถามจากสังคมหลายภาคส่วน ดังนั้น พวกเขาต้องเพิ่มความระมัดระวังในจังหวะก้าวที่จะต้อง ไม่ล้ำหน้าประชาชนจนเกินไป แต่ถึงอย่างไรพวกเขาต้องแสดงความ “รู้เท่าทัน”เล่ห์เพทุบายของการเมืองบางฝ่ายที่พยายามใช้อำนาจรัฐอย่างไม่เป็นธรรมหรือฉ้อฉล...
ดังนั้นใครที่ไปโพนทะนาบอกว่า...พันธมิตรฯ ชุมนุมล้มรัฐบาลอายุเดือนเศษก็ต้องบอกว่า...มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว..จริง ๆ
แต่กระนั้น ถึงบรรทัดนี้ผมก็ต้องแสดงความคิดเห็นของผมเพิ่มเติมว่า..ในสถานการณ์บ้านเมืองที่เดินทางจากต้นปี 2549 มาถึงวันนี้ เดือนมี.ค. 2551 พันธมิตรฯ เคยเป็นแกนนำประชาชนไล่รัฐบาลทักษิณ แต่จบลงด้วยการรัฐประหาร 19 ก.ย. 49 และรัฐบาลชั่วคราวของพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และเริ่มต้นใหม่ด้วยการเลือกตั้ง 23 ธ.ค. 50 พรรคพลังประชาชนหรือไทยรักไทยเดิมได้กลับมาจัดตั้งรัฐบาล คุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ
แต่ละฝ่ายอุดมสมบูรณ์ด้วยบทเรียน...บทเรียนทั้งด้านลบด้านบวก...
แต่ดูเหมือนว่า..การสรุปบทเรียนของแต่ละฝ่ายยังไม่ชัดเจน ฝ่ายระบอบทักษิณแทนที่จะใช้โอกาสในการสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติ สถาปนาความยุติธรรมให้ปรากฏในสังคม กลับประพฤติปฏิบัติในสิ่งตรงข้าม กรณีการเคลื่อนไหวมวลชนเพื่อยั่วยุฝ่ายพันธมิตรฯ ในลักษณะโหมราดน้ำมันเข้ากองเพลิงเล็กๆ เป็นตัวอย่างที่ปรากฏชัดว่าพวกเขายังไม่สรุปบทเรียน หรือถ้าบอกว่าสรุปบทเรียนแล้วก็เป็นการสรุปบทเรียนที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง..ไม่ว่าความผิดพลาดที่ว่าจะบริสุทธิ์ใจหรือมีวาระซ่อนเร้น..
ส่วนฝ่ายพันธมิตรฯ ผมก็ต้องคอยดูว่า วันที่ 28 มี.ค.ที่จะถึง อะไร และอย่างไรคือ “บทสรุป-บทเรียน” ของพันธมิตรฯ ที่เคยนำพาประชามหาชนต่อสู้ขับไล่ระบอบทักษิณ แต่สิ่งที่ได้มาคือการรัฐประหารและรัฐบาลที่ว่างเปล่า 16 เดือน..และตามมาด้วยการกลับมาอีกครั้งของระบอบทักษิณ..
ก้าวใหม่ ก้าวต่อไปของพันธมิตรฯ จึงเป็นก้าวที่ไม่ง่ายดายที่จะก้าวเดินนัก หากก้าวเดินนี้มีเป้าหมายที่มากไปกว่าการให้ข่าวสาร ความรู้เท่าทันระบอบทักษิณ
ขณะที่ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นอีกกลุ่มพลังหนึ่งที่น่าเชื่อว่าพวกเขาจะต้องสรุปบทเรียนของตัวเองเช่นเดียวกัน กรณีของอ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เป็นหนึ่งกรณีที่ท้าทายพิสูจน์วิธีคิดของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหากวัดจากท่าทีล่าสุดของหัวหน้าพรรค – อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ให้อิสระในความเคลื่อนไหวในนามพันธมิตรฯ ของอ.สมเกียรติก็น่าจะพูดได้ว่าประชาธิปัตย์ยังเป็น “มวยหลัก” ยังพอที่จะเป็นที่พึ่งที่หวังของสังคมนี้ได้...
....................................
ครับ เมื่อแลไปข้างหน้า...การเมืองปี 2551 ไม่ว่าการเมืองภาคพรรคการเมือง ภาคประชาชน และรัฐบาลท่านสมัคร ล้วนแต่จะต้องฝ่าข้ามหลุมขวากมากมายหลายหลุม ซึ่งล้วนแต่อ่อนไหวและได้เสีย...
นอกจาก “ขนาดของหัวใจ”หรือความกล้าหาญแล้ว การสรุปบทเรียนเพื่อจะตอบโจทย์ในอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง...
สำคัญยิ่งในสถานการณ์ที่...มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว !!??