สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานแจกันดอกไม้เยี่ยมเหยื่อบึ้มโรงแรมซีเอส.ปัตตานี มทภ.4 สั่งตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยในระดับสูงสุดทุกเขตพื้นที่ รวมเมืองสงขลาและหาดใหญ่หลังเขตพื้นที่ปลอดภัยถูกป่วน "กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า" ชี้เหตุบึ้มเป็นการสร้างสถานการณ์ของคนร้ายที่มีเป้าหมายถล่ม ตชด. "ผบก.ปัตตานี"เชื่อคนร้ายยังกบดานอยู่ในพื้นที่สั่งระดมกำลังล่า เจ้าของโรงแรมจี้รัฐบาลช่วยเหลือ ระบุ "ซี.เอส." เป็นเหมือนสัญลักษณ์ความปลอดภัยของจังหวัดและ 3 จชต.ด้านเหยื่อบึ้มซีเอสดับอีก 1 ราย
ความคืบหน้าเหตุการณ์ระเบิดคาร์บอมที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเช้าวานนี้ (16 มี.ค.) เวลา 07.00 น. พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รอง ผบช.ภาค 9 ได้เรียก ประชุม พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก., พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธ์ พ.ต.อ.จีรวัฒน์ อุดมสุด รอง ผบก. พ.ต.อ.มนัส ศิษมัต ผกก.สภ.เมือง และชุดสืบสวนสอบสวน เพื่อสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมนำหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมได้มาตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ระบุว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังดับเพลิงโดยมีการดัดแปลงชนวนระเบิดไว้ 3 ระบบแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
***พบอีกลูกโชคดีไม่พร้อมทำงาน
จนเวลา 09.00 น. พล.ต.ต.ก่อเกียรติ และ พล.ต.ต.กรีรินทร์ ได้นำตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษจังหวัดปัตตานี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้งเพื่อตรวจหาวัตถุพยานหลักฐานของการคาร์บอม โดยพบว่าคนร้ายได้วางระเบิดไว้ 3 ลูก คือ ในห้องน้ำของห้องอาหาร 2 ลูก ตั้งเวลาไว้ที่ 19.20 น. เป็นระเบิดเสียง ส่วนลูกที่ 2 ตั้งเวลาห่างกัน 10 นาที แต่ไม่ทำงาน ส่วนลูกที่ 3 อยู่ในรถยนต์มิตซูบิชิจอดทิ้งไว้หน้าโรงแรม โดยใช้วิธีจุดชนวน 2 ระบบ คือ ทั้งด้วยโทรศัพท์มือถือ และดิจิตอล
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุอยู่นั้นได้รับแจ้งว่า พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตกอยู่บนหลังคาบ้านเลขที่ 297/19 หมู่ 4 ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 80 เมตร จากการตรวจสอบพบเป็นถังเคมีดับเพลิงสีแดง สภาพถูกแรงระเบิดอัดก๊อบปี้ ด้านในมีการบรรจุดินระเบิดน้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม สภาพพร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่จึงได้มีตรวจสอบสภาพของระเบิด พบว่า โชคดีที่วงจรจุดชนวนระเบิดนั้น ได้ถูกทำลายแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บกู้และทำลายทันที
จากการตรวจสอบที่มาของวัตถุระเบิดดังกล่าวคาดว่าน่าจะเป็นระเบิดอันเดียวกันที่คนร้ายได้นำมาวางพร้อมกันในรถยนต์คันที่คนร้ายใช้ทำคาร์บอมบ์ แต่ระเบิดไม่ทำงานและถูกแรงอัดระเบิดกระเด็นลอยไปตกบนหลังคาบ้านของชาวบ้าน
พล.ต.ต.กรีรินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดชุดกำลังเจ้าหน้าที่ออกติดตามสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว ทั้งยังได้กำหนดบ้านเป้าหมายในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี ในการขออนุญาตเข้าตรวจค้นซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะยังกบดานอยู่อยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุในครั้งนี้มากนัก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้เข้าตรวจค้นในบ้านเป้าหมายต่อไป
***พระราชทานแจกันเยี่ยมเหยื่อบึ้ม
สำหรับผู้เจ็บ 13 คน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 10 คน ส่วนอีก 3 คน ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดย ส.ต.ท.อาหะหมัด มะเซ็ง และนายมูหะหมัด ปาเรซ อยู่โรงพยาบาลปัตตานี ส่วนนายอำนาจ สาและ อยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 16.30 น.ของวานนี้
เวลา 14.00 น. นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และคณะ ได้นำแจกันดอกไม้พระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศม์ พระวรชายา มอบให้แก่นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล กรรมการผู้จัดการ โรงแรมซีเอส ปัตตานี และเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ หลังจากที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดโรงแรมจนได้รับบาดเจ็บ นายมูหะหมัด ปาเรซ ผู้สื่อข่าว และ ส.ต.ท.อาหะหมัด มะเซ็ง
นายอนุศาสน์ กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ
***เจ้าของ CS ยืนยันเปิดบริการปกติ
นายอนุศาสน์ ยืนยันว่า ทางโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ยังเปิดให้บริการตามปกติ ขณะนี้ลูกค้าที่เข้าพักก่อนเกิดเหตุประมาณ 20 ห้อง ส่วนใหญ่ยังคงพักอยู่ตามปกติ มีเพียง 2 ห้อง ที่รู้สึกหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้เช็กเอาท์ออกจากโรงแรมไปแล้ว ส่วนความเสียหายนั้นอยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ประเมินค่าความเสียหาย
"สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยขณะนี้คือช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยด่วน เนื่องจากมีหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บและขอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลด้านการรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น และสุดท้ายอยากให้ช่วยเรื่องขั้นตอนการดำเนินการช่วยเหลือสำหรับโรงแรมที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดด้วย เพราะโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี เป็นเหมือนสัญลักษณ์ความปลอดภัยของจังหวัดและในพื้นที่สามจังหวัด"
***กอ.รมน.ภาค4ชี้สร้างสถานการณ์
ด้าน พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผอ.กองปฎิบัติการข่าวสารกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานีว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ของคนร้ายที่มีเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ ตชด.ซึ่งได้เข้ามาทำธุระที่โรงแรม โดยอาศัยสถานการณ์ระเบิดที่ จ.ยะลา เป็นตัวกระตุ้นเพื่อสร้างสถานการณ์ข่มขวัญประชาชนให้เกิดภาพความรุนแรงและหวาดผวา ซึ่งหลังเกิดเหตุได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดระบบการตรวจสอบรถที่ผ่านเข้า-ออกโรงแรมอีกเท่าตัวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก รวมถึงให้จัดระเบียบการตรวจสอบสถานที่สำคัญของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้อยู่ในระดับเข้มงวด
โดยล่าสุด พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยในระดับสูงสุดในทุกเขตพื้นที่เพื่อป้องกันการลอบก่อเหตุ พร้อมประสานขอความร่วมมือฝ่ายปกครองและประชาชนให้ร่วมกันสอดส่องสิ่งผิดปกติเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยในห้วงเวลานี้ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเมือง รวมไปถึงพื้นที่รอยต่อ จ.สงขลาและเขตเมืองสงขลา และ อ.หาดใหญ่ เนื่องจากอยู่ในช่วงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยราชภัฎจังหวัดสงขลา
***เชื่อบึ้มที่ยะลาคนขับรถเป็นคนร้าย
พ.อ.อัคร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดรถยนต์เก๋งยี่ห้อ มิซซูบิชิ แลนเซอร์ สีน้ำเงิน แผ่นป้ายทะเบียน กข 2065 ปัตตานี ที่บริเวณหน้าโรงเรียนนิบงชุนูปถัมภ์ ภายในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้นายซาลาฮูดิน ปูลา อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถเสียชีวิตว่า จากการสอบสวนประวัตินายซาลาฮูดิน พบว่าเป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 อยู่บ้านเลขที่ 36 บ้านบาตูปูเต๊ะ ต.บ้านแหร่ อ.ธารโต จ.ยะลา และยังเป็นน้องชายของนายอับดุลเลาะ ปูลา เป็นแนวร่วมอาร์เคเค มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดีในพื้นที่จังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียง และที่สำคัญมีความสามารถในการประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งปัจจุบันได้หลบหนีการจับกุม
ส่วนรถยนต์ที่เกิดเหตุจากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถยนต์ของนางหัสถยา แวมามุ อยู่บ้านเลขที่ 297/1 ถนนปัตตานีภิรมย์ ต.อาเนาะรู อ.เมืองจงปัตตานี ปลัดฝ่ายทะเบียน อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยได้ขายให้กับเต็นรถยนต์มือสองของนายยูโซ๊ะ ลาเต๊ะ อายุ 45 ปี เลขที่ 154/9 ถนนยะรัง ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ขณะที่นายยูโซ๊ะ ได้ขายรถยนต์คันดังกล่าวต่อให้กับชาวบ้านในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมากระทั่งเกิดเหตุระเบิดขึ้นดังกล่าว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า นายซาลาฮูดิน น่าจะเป็นคนร้ายที่เตรียมจะก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลาเพื่อสร้างสถานการณ์ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมีประชาชนนอกพื้นที่จังหวัดยะลามาร่วมงานซ้อมใหญ่การรับปริญญา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลาเป็นจำนวนมาก แต่เวรกรรมมีจริงทำให้รถยนต์ ซึ่งใช้ลำเลียงวัตถุระเบิดได้เกิดระเบิดขึ้นเสียก่อน จนทำให้นายซาลาฮูดิน เสียชีวิตทันที โดยที่ไม่มีผู้ใดได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด ทั้งนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่า รถคันดังกล่าวตั้งใจจะนำไปก่อเหตุคาร์บอม หรือเป็นเพียงรถลำเลียงการขนส่งระเบิด เพื่อส่งมอบให้กับแนวร่วมในพื้นที่ต่างๆ"
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าไปตรวจสอบเต็นท์รถยนต์ของนายยูโซ๊ะ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้หรือไม่ รวมถึงให้เร่งสอบสวนหากลุ่มผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆทั้งในพื้นที่ยะลาและจังหวัดใกล้เคียง เนื่องจากเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้มีความเชื่อมโยงกัน ทำให้เป็นห่วงว่าจะมีความพยายามก่อเหตุความไม่สงบในลักษณะเดียวกันในห้วงเวลาใกล้เคียงกันนี้
ความคืบหน้าเหตุการณ์ระเบิดคาร์บอมที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเช้าวานนี้ (16 มี.ค.) เวลา 07.00 น. พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รอง ผบช.ภาค 9 ได้เรียก ประชุม พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ผบก., พ.ต.อ.พิเชษฐ์ ปิติเศรษฐ์พันธ์ พ.ต.อ.จีรวัฒน์ อุดมสุด รอง ผบก. พ.ต.อ.มนัส ศิษมัต ผกก.สภ.เมือง และชุดสืบสวนสอบสวน เพื่อสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมนำหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมได้มาตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งจากการตรวจสอบของชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ระบุว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่องบรรจุในถังดับเพลิงโดยมีการดัดแปลงชนวนระเบิดไว้ 3 ระบบแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
***พบอีกลูกโชคดีไม่พร้อมทำงาน
จนเวลา 09.00 น. พล.ต.ต.ก่อเกียรติ และ พล.ต.ต.กรีรินทร์ ได้นำตำรวจชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษจังหวัดปัตตานี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้งเพื่อตรวจหาวัตถุพยานหลักฐานของการคาร์บอม โดยพบว่าคนร้ายได้วางระเบิดไว้ 3 ลูก คือ ในห้องน้ำของห้องอาหาร 2 ลูก ตั้งเวลาไว้ที่ 19.20 น. เป็นระเบิดเสียง ส่วนลูกที่ 2 ตั้งเวลาห่างกัน 10 นาที แต่ไม่ทำงาน ส่วนลูกที่ 3 อยู่ในรถยนต์มิตซูบิชิจอดทิ้งไว้หน้าโรงแรม โดยใช้วิธีจุดชนวน 2 ระบบ คือ ทั้งด้วยโทรศัพท์มือถือ และดิจิตอล
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุอยู่นั้นได้รับแจ้งว่า พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดตกอยู่บนหลังคาบ้านเลขที่ 297/19 หมู่ 4 ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 80 เมตร จากการตรวจสอบพบเป็นถังเคมีดับเพลิงสีแดง สภาพถูกแรงระเบิดอัดก๊อบปี้ ด้านในมีการบรรจุดินระเบิดน้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม สภาพพร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่จึงได้มีตรวจสอบสภาพของระเบิด พบว่า โชคดีที่วงจรจุดชนวนระเบิดนั้น ได้ถูกทำลายแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บกู้และทำลายทันที
จากการตรวจสอบที่มาของวัตถุระเบิดดังกล่าวคาดว่าน่าจะเป็นระเบิดอันเดียวกันที่คนร้ายได้นำมาวางพร้อมกันในรถยนต์คันที่คนร้ายใช้ทำคาร์บอมบ์ แต่ระเบิดไม่ทำงานและถูกแรงอัดระเบิดกระเด็นลอยไปตกบนหลังคาบ้านของชาวบ้าน
พล.ต.ต.กรีรินทร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้จัดชุดกำลังเจ้าหน้าที่ออกติดตามสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าว ทั้งยังได้กำหนดบ้านเป้าหมายในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี ในการขออนุญาตเข้าตรวจค้นซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะยังกบดานอยู่อยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุในครั้งนี้มากนัก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้เข้าตรวจค้นในบ้านเป้าหมายต่อไป
***พระราชทานแจกันเยี่ยมเหยื่อบึ้ม
สำหรับผู้เจ็บ 13 คน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 10 คน ส่วนอีก 3 คน ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดย ส.ต.ท.อาหะหมัด มะเซ็ง และนายมูหะหมัด ปาเรซ อยู่โรงพยาบาลปัตตานี ส่วนนายอำนาจ สาและ อยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 16.30 น.ของวานนี้
เวลา 14.00 น. นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และคณะ ได้นำแจกันดอกไม้พระราชทานของสมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศม์ พระวรชายา มอบให้แก่นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล กรรมการผู้จัดการ โรงแรมซีเอส ปัตตานี และเป็นสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ หลังจากที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดโรงแรมจนได้รับบาดเจ็บ นายมูหะหมัด ปาเรซ ผู้สื่อข่าว และ ส.ต.ท.อาหะหมัด มะเซ็ง
นายอนุศาสน์ กล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ
***เจ้าของ CS ยืนยันเปิดบริการปกติ
นายอนุศาสน์ ยืนยันว่า ทางโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี ยังเปิดให้บริการตามปกติ ขณะนี้ลูกค้าที่เข้าพักก่อนเกิดเหตุประมาณ 20 ห้อง ส่วนใหญ่ยังคงพักอยู่ตามปกติ มีเพียง 2 ห้อง ที่รู้สึกหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้เช็กเอาท์ออกจากโรงแรมไปแล้ว ส่วนความเสียหายนั้นอยู่ระหว่างให้เจ้าหน้าที่ประเมินค่าความเสียหาย
"สิ่งที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยขณะนี้คือช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยด่วน เนื่องจากมีหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บและขอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลด้านการรักษาความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น และสุดท้ายอยากให้ช่วยเรื่องขั้นตอนการดำเนินการช่วยเหลือสำหรับโรงแรมที่ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดด้วย เพราะโรงแรมซี.เอส.ปัตตานี เป็นเหมือนสัญลักษณ์ความปลอดภัยของจังหวัดและในพื้นที่สามจังหวัด"
***กอ.รมน.ภาค4ชี้สร้างสถานการณ์
ด้าน พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ ผอ.กองปฎิบัติการข่าวสารกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานีว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ของคนร้ายที่มีเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่ ตชด.ซึ่งได้เข้ามาทำธุระที่โรงแรม โดยอาศัยสถานการณ์ระเบิดที่ จ.ยะลา เป็นตัวกระตุ้นเพื่อสร้างสถานการณ์ข่มขวัญประชาชนให้เกิดภาพความรุนแรงและหวาดผวา ซึ่งหลังเกิดเหตุได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดระบบการตรวจสอบรถที่ผ่านเข้า-ออกโรงแรมอีกเท่าตัวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก รวมถึงให้จัดระเบียบการตรวจสอบสถานที่สำคัญของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้อยู่ในระดับเข้มงวด
โดยล่าสุด พล.ท.วิโรจน์ บัวจรูญ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยในระดับสูงสุดในทุกเขตพื้นที่เพื่อป้องกันการลอบก่อเหตุ พร้อมประสานขอความร่วมมือฝ่ายปกครองและประชาชนให้ร่วมกันสอดส่องสิ่งผิดปกติเพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัยในห้วงเวลานี้ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนเมือง รวมไปถึงพื้นที่รอยต่อ จ.สงขลาและเขตเมืองสงขลา และ อ.หาดใหญ่ เนื่องจากอยู่ในช่วงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยราชภัฎจังหวัดสงขลา
***เชื่อบึ้มที่ยะลาคนขับรถเป็นคนร้าย
พ.อ.อัคร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดรถยนต์เก๋งยี่ห้อ มิซซูบิชิ แลนเซอร์ สีน้ำเงิน แผ่นป้ายทะเบียน กข 2065 ปัตตานี ที่บริเวณหน้าโรงเรียนนิบงชุนูปถัมภ์ ภายในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้นายซาลาฮูดิน ปูลา อายุ 20 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถเสียชีวิตว่า จากการสอบสวนประวัตินายซาลาฮูดิน พบว่าเป็นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 อยู่บ้านเลขที่ 36 บ้านบาตูปูเต๊ะ ต.บ้านแหร่ อ.ธารโต จ.ยะลา และยังเป็นน้องชายของนายอับดุลเลาะ ปูลา เป็นแนวร่วมอาร์เคเค มีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายคดีในพื้นที่จังหวัดยะลาและจังหวัดใกล้เคียง และที่สำคัญมีความสามารถในการประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งปัจจุบันได้หลบหนีการจับกุม
ส่วนรถยนต์ที่เกิดเหตุจากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถยนต์ของนางหัสถยา แวมามุ อยู่บ้านเลขที่ 297/1 ถนนปัตตานีภิรมย์ ต.อาเนาะรู อ.เมืองจงปัตตานี ปลัดฝ่ายทะเบียน อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยได้ขายให้กับเต็นรถยนต์มือสองของนายยูโซ๊ะ ลาเต๊ะ อายุ 45 ปี เลขที่ 154/9 ถนนยะรัง ต.ตะลูโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี ขณะที่นายยูโซ๊ะ ได้ขายรถยนต์คันดังกล่าวต่อให้กับชาวบ้านในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมากระทั่งเกิดเหตุระเบิดขึ้นดังกล่าว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่า นายซาลาฮูดิน น่าจะเป็นคนร้ายที่เตรียมจะก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลาเพื่อสร้างสถานการณ์ เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมีประชาชนนอกพื้นที่จังหวัดยะลามาร่วมงานซ้อมใหญ่การรับปริญญา ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลาเป็นจำนวนมาก แต่เวรกรรมมีจริงทำให้รถยนต์ ซึ่งใช้ลำเลียงวัตถุระเบิดได้เกิดระเบิดขึ้นเสียก่อน จนทำให้นายซาลาฮูดิน เสียชีวิตทันที โดยที่ไม่มีผู้ใดได้รับความเดือดร้อนแต่อย่างใด ทั้งนี้ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่า รถคันดังกล่าวตั้งใจจะนำไปก่อเหตุคาร์บอม หรือเป็นเพียงรถลำเลียงการขนส่งระเบิด เพื่อส่งมอบให้กับแนวร่วมในพื้นที่ต่างๆ"
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าไปตรวจสอบเต็นท์รถยนต์ของนายยูโซ๊ะ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้หรือไม่ รวมถึงให้เร่งสอบสวนหากลุ่มผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆทั้งในพื้นที่ยะลาและจังหวัดใกล้เคียง เนื่องจากเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้มีความเชื่อมโยงกัน ทำให้เป็นห่วงว่าจะมีความพยายามก่อเหตุความไม่สงบในลักษณะเดียวกันในห้วงเวลาใกล้เคียงกันนี้