หุ้นไทยสัปดาห์นี้ ฝากชะตาไว้กับ 2 ปัจจัยทั้งใน-นอกประเทศ ลุ้นคำตัดสินยุบ "ชาติไทย-มัชฌิมาฯ" 18 มี.ค. นี้ เพื่อสร้างความชัดเจนปัญหาการเมืองไทย ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศต้องรอผลการลดดอกเบี้ยเฟดรอบนี้ หากต่ำกว่าที่คาดการณ์ 0.5-0.75% กระทบตลาดหุ้นหุ้นแน่ ด้านโบรกเกอร์ฟันธงตลาดหุ้นสัปดาห์ผันผวนหนักแน่นอน ดัชนีส่อหลุด 790 จุด เหตุหุ้นใหญ่เครือปตท.เตรียมขึ้น XD เพียบ
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ยังคงต้องติดตามปัจจัยทั้งสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการตัดสินคดียุบ 2 พรรคการเมือง ทั้งพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิไตย ในคดีทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง รวมถึงคดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่อาจจะลามถึงขั้นยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งในกรณีของการพิจารณาคดียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาฯจะมีการตัดสินในวันที่ 18 มี.ค.นี้ รวมถึงการประกาศรวมตัวอีกครั้งของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตยในวันที่ 28 มี.ค.
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ คือการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในรอบการประชุมครั้งนี้เฟดอาจจะต้องปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5-0.75% เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยทั้ง 2 เรื่องถือว่าเป็นประเด็นที่อาจจะกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยตลอดสัปดาห์นี้
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากประเด็นทางการเมืองที่ยังถือเป็นความเสี่ยงต่อการลงทุนโดยเฉพาะกรณีผลการตัดสินคดียุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย รวมถึงการพิจารณาคดีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวถืออาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง
ทั้งนี้ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มเห็นสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น อาจเป็นเพราะต้องการขายสินทรัพย์เสี่ยงที่ถือครองเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับผลการประชุมพิจารณาลดดอกเบี้ยของเฟด เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถดถอยอย่างรุนแรงจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้น้อยกว่าที่คาดการณ์อาจทำให้เกิดแรงกดดันให้ต้องขายเงินลงทุนออกมาได้ ซึ่งจะขยายวงกว้างกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องการขึ้นเครื่องหมาย XD โดยเฉพาะในกลุ่มบมจ. ปตท. (PTT) ไม่ว่าจะเป็น PTT, PTTAR, PTTCH จะเป็นอีกเหตุผลที่กดดันดัชนีให้ต้องปรับตัวลดลง โดยประเมินแนวรับ 790 จุด และแนวต้าน 820 จุด
ฟันธงหุ้นไทยผันผวนหนัก
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นตลอดสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ผันผวนอย่างมาก จากปัจจัยต่างประเทศเกี่ยวกับการประชุมของเฟดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ได้ส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้หรือไม่ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.50 - 0.75% ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์คงส่งผลต่อตลาดหุ้นไม่มากนัก เนื่องจากเป็นเรื่องที่ตลาดรับรุ้มาก่อนแล้ว แต่หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่า 0.75% ถือเป็นข่าวดีที่จะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ได้
ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังต้องรอความชัดเจน หลังจากเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้สรุปและส่งสำนวนต่อ กกต. เพื่อพิจารณาในวันที่ 18 มีนาคมนี้ หากผลคำตัดสินออกมาว่ากรรมการบริหารพรรคทั้งสองพรรคคนอื่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของกรรมการบริหารพรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส่งผลให้ทั้งสองพรรครอดพ้นการถูกยุบพรรค จะช่วยให้บรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์ดีขึ้น
ในทางตรงกันข้ามหากผลคำตัดสินออกมาอีกแบบหนึ่ง และอาจนำไปสู่การยุบพรรคทั้งสองพรรค รวมทั้งทำให้เกิดความกังวลกับเสถียรภาพของรัฐบาล ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับลดลงได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สัญญาณทางเทคนิคแนวต้านอยู่ที่ 830 จุด ซึ่งหากดัชนีสามารถยืนเหนือ 830 จุดได้ แนวโน้มระยะสั้นจะดี แต่หากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 830 จุดได้ ก็มีโอกาสปรับลดลงมาทดสอบแนวรับที่ 790 จุด
"ปกรณ์"ย้ำฝรั่งขายเรื่องปกติ
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยถือว่าเป็นเรื่องปกติของการลงทุนที่เมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ต้องมีการขายทำกำไรออกมา ประกอบกับตลาดหุ้นไทยยังขาดแรงดึงดูดที่จะรั้งให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนระยะยาว
"คงไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมาเพราะเมื่อราคาปรับเพิ่มขึ้นก็ต้องมีการขายทำกำไรเป็นเรื่องธรรมดา"นายปกรณ์ กล่าว
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ยังคงต้องติดตามปัจจัยทั้งสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการตัดสินคดียุบ 2 พรรคการเมือง ทั้งพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิไตย ในคดีทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง รวมถึงคดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ที่อาจจะลามถึงขั้นยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งในกรณีของการพิจารณาคดียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาฯจะมีการตัดสินในวันที่ 18 มี.ค.นี้ รวมถึงการประกาศรวมตัวอีกครั้งของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิไตยในวันที่ 28 มี.ค.
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ คือการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในรอบการประชุมครั้งนี้เฟดอาจจะต้องปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5-0.75% เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยทั้ง 2 เรื่องถือว่าเป็นประเด็นที่อาจจะกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยตลอดสัปดาห์นี้
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นสัปดาห์นี้ดัชนีมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากประเด็นทางการเมืองที่ยังถือเป็นความเสี่ยงต่อการลงทุนโดยเฉพาะกรณีผลการตัดสินคดียุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย รวมถึงการพิจารณาคดีพรรคพลังประชาชนเป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวถืออาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง
ทั้งนี้ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มเห็นสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น อาจเป็นเพราะต้องการขายสินทรัพย์เสี่ยงที่ถือครองเพื่อรอความชัดเจนเกี่ยวกับผลการประชุมพิจารณาลดดอกเบี้ยของเฟด เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ถดถอยอย่างรุนแรงจากปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้น้อยกว่าที่คาดการณ์อาจทำให้เกิดแรงกดดันให้ต้องขายเงินลงทุนออกมาได้ ซึ่งจะขยายวงกว้างกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
นอกจากนี้ ประเด็นเรื่องการขึ้นเครื่องหมาย XD โดยเฉพาะในกลุ่มบมจ. ปตท. (PTT) ไม่ว่าจะเป็น PTT, PTTAR, PTTCH จะเป็นอีกเหตุผลที่กดดันดัชนีให้ต้องปรับตัวลดลง โดยประเมินแนวรับ 790 จุด และแนวต้าน 820 จุด
ฟันธงหุ้นไทยผันผวนหนัก
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นตลอดสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ผันผวนอย่างมาก จากปัจจัยต่างประเทศเกี่ยวกับการประชุมของเฟดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่ได้ส่งสัญญาณมาก่อนหน้านี้หรือไม่ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประมาณ 0.50 - 0.75% ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์คงส่งผลต่อตลาดหุ้นไม่มากนัก เนื่องจากเป็นเรื่องที่ตลาดรับรุ้มาก่อนแล้ว แต่หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่า 0.75% ถือเป็นข่าวดีที่จะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ได้
ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังต้องรอความชัดเจน หลังจากเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้สรุปและส่งสำนวนต่อ กกต. เพื่อพิจารณาในวันที่ 18 มีนาคมนี้ หากผลคำตัดสินออกมาว่ากรรมการบริหารพรรคทั้งสองพรรคคนอื่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของกรรมการบริหารพรรคที่ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ส่งผลให้ทั้งสองพรรครอดพ้นการถูกยุบพรรค จะช่วยให้บรรยากาศการลงทุนในสัปดาห์ดีขึ้น
ในทางตรงกันข้ามหากผลคำตัดสินออกมาอีกแบบหนึ่ง และอาจนำไปสู่การยุบพรรคทั้งสองพรรค รวมทั้งทำให้เกิดความกังวลกับเสถียรภาพของรัฐบาล ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับลดลงได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สัญญาณทางเทคนิคแนวต้านอยู่ที่ 830 จุด ซึ่งหากดัชนีสามารถยืนเหนือ 830 จุดได้ แนวโน้มระยะสั้นจะดี แต่หากดัชนีไม่สามารถยืนเหนือ 830 จุดได้ ก็มีโอกาสปรับลดลงมาทดสอบแนวรับที่ 790 จุด
"ปกรณ์"ย้ำฝรั่งขายเรื่องปกติ
นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยถือว่าเป็นเรื่องปกติของการลงทุนที่เมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ต้องมีการขายทำกำไรออกมา ประกอบกับตลาดหุ้นไทยยังขาดแรงดึงดูดที่จะรั้งให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนระยะยาว
"คงไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมาเพราะเมื่อราคาปรับเพิ่มขึ้นก็ต้องมีการขายทำกำไรเป็นเรื่องธรรมดา"นายปกรณ์ กล่าว