เอเอฟพี - อังกฤษจะออกกฎหมายบังคับซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าอื่นๆ เก็บค่าถุงหิ้วพลาสติก เพื่อลดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมที่มีปริมาณมหาศาล รัฐบาลแดนผู้ดีเผยเมื่อวันพุธ(12)
อลิสแตร์ ดาร์ลิง รัฐมนตรีคลังของอังกฤษ ระบุว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวจะบังคับให้มีการเก็บค่าถุงหิ้วพลาสติกที่ใช้เพียงครั้งเดียว หากผู้ประกอบการไม่สมัครใจคิดค่าถุงเพิ่ม
"เมื่อดูจากความเสียหายที่ถุงหิ้วพลาสติกใช้แล้วทิ้งก่อไว้กับสิ่งแวดล้อม เราจึงต้องการลงมือแก้ไข" ดาร์ลิงกล่าวต่อรัฐสภา
"กฎหมายดังกล่าวจะนำมาบังคับใช้ในปี 2009 และดูจากประสบการณ์ของประเทศอื่นๆ มันอาจทำให้ถุงพลาสติกลดลงได้ถึง 90% โดยจะมีการใช้ถุงพลาสติกน้อยลงราว 12,000 ล้านใบ"
ความเห็นล่าสุดถือเป็นการยอมรับว่า ในระดับโลกแล้ว อังกฤษยังล้าหลังเรื่องปัญหาถุงพลาสติก โดยประเทศอื่นๆในยุโรปเกือบทั้งหมด ประเทศในทวีปแอฟริกา และแม้แต่จีน ต่างก็ใช้มาตรการที่เข้มงวดกว่าอังกฤษ
สื่อแดนผู้ดีปลุกระดมมากยิ่งขึ้นให้มีการแก้ปัญหาดังกล่าว หนังสือพิมพ์เดลีเมล์ ซึ่งเจาะตลาดมวลชน อุทิศหน้าหนังสือพิมพ์ 8 หน้า ให้โครงการรณรงค์ "กำจัดถุงเหล่านั้น" เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อเป็นการกดดันให้รัฐบาลประกาศห้ามใช้ถุงหิ้วที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
สองวันถัดมา นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ เขียนลงหนังสือพิมพ์ดังกล่าวว่า "ผมได้บอกชัดแล้วว่า ในอนาคต เราควรจะมุ่งกำจัดถุงพลาสติกใช้แล้วทิ้งด้วยประการทั้งปวง
"ผมต้องการชี้ชัดว่า หากจำเป็นต้องออกกฎบังคับเพื่อเปลี่ยนแปลง รัฐบาลก็จะดำเนินขั้นตอนที่ต้องทำ" บราวน์ระบุ
ความเห็นเหล่านี้เกิดขึ้น 1 ปีหลังจากเขาทำข้อตกลงกับบริษัทต่างๆประมาณ 20 บริษัท ซึ่งรวมทั้งเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 เพื่อลดผลกระทบของถุงพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ให้ได้ 25% ภายในปี 2008
โครงการปฏิบัติการด้านทรัพยากรของเสีย (WRAP) ซึ่งมีภารกิจติดตามตรวจสอบว่า บริษัทเหล่านั้นทำตามพันธสัญญาหรือไม่ พบว่า ในช่วง 12 เดือนแรก มีการใช้ถุงพลาสติกลดลง 14%
มีการใช้หลากหลายวิธีเพื่อชักจูงให้ผู้คนลดการใช้ถุงพลาสติก เช่น เก็บค่าถุง ลดราคาถุงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า หรือจัดเก็บถุงใช้แล้ว
จากนั้น เครือข่ายร้านค้าชั้นนำอย่างมาร์กส์แอนด์สเปนเซอร์ ก็ประกาศตอนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ว่า นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ร้านขายผลิตภัณฑ์อาหารของทางบริษัทจะชาร์จค่าถุงใบละ 5 เพนนี โดยรายได้จะมอบให้กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ยักษ์ใหญ่เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างเทสโก้ ยังให้ถุงฟรี แต่ก็ย้ำว่า ถุงเหล่านั้นเป็นถุงที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และเทสโก้ยังมอบแต้มสะสมให้ลูกค้าที่ไม่ใช้ถุงหิ้วด้วย
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2006 เทสโก้ใช้ถุงพลาสติกน้อยลง 1,300 ล้านใบ แต่ก็ยังให้ถุงหิ้วลูกค้าไปถึง 4,000 ล้านใบ
ในกรุงลอนดอน มีการใช้ถุงพลาสติกใหม่ปีละประมาณ 2,200 ล้านใบ
บรรดาเจ้าหน้าที่อาวุโสในลอนดอนยังเป็นหัวหอกรณรงค์เรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการส่งเสริมให้ร้านอาหารและบาร์ใช้น้ำประปา โดยชี้ว่า มันสร้างมลพิษน้อยกว่าน้ำดื่มบรรจุขวด 300 เท่า และยังมีราคาถูกกว่า 500 เท่า
รัฐบาลอังกฤษก็เข้าร่วมในคลื่นสีเขียวนี้ด้วยเช่นกัน รัฐบาลประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นับตั้งแต่ฤดูร้อนนี้ รัฐมนตรีจะดื่มน้ำประปาระหว่างการประชุมสภา
ข้อมูลของหนังสือพิมพ์อีฟนิ่งสแตนดาร์ดของลอนดอนระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลจะสามารถลดปริมาณขวดพลาสติกได้ปีละ 250,000 ขวด
อลิสแตร์ ดาร์ลิง รัฐมนตรีคลังของอังกฤษ ระบุว่า กฎหมายฉบับดังกล่าวจะบังคับให้มีการเก็บค่าถุงหิ้วพลาสติกที่ใช้เพียงครั้งเดียว หากผู้ประกอบการไม่สมัครใจคิดค่าถุงเพิ่ม
"เมื่อดูจากความเสียหายที่ถุงหิ้วพลาสติกใช้แล้วทิ้งก่อไว้กับสิ่งแวดล้อม เราจึงต้องการลงมือแก้ไข" ดาร์ลิงกล่าวต่อรัฐสภา
"กฎหมายดังกล่าวจะนำมาบังคับใช้ในปี 2009 และดูจากประสบการณ์ของประเทศอื่นๆ มันอาจทำให้ถุงพลาสติกลดลงได้ถึง 90% โดยจะมีการใช้ถุงพลาสติกน้อยลงราว 12,000 ล้านใบ"
ความเห็นล่าสุดถือเป็นการยอมรับว่า ในระดับโลกแล้ว อังกฤษยังล้าหลังเรื่องปัญหาถุงพลาสติก โดยประเทศอื่นๆในยุโรปเกือบทั้งหมด ประเทศในทวีปแอฟริกา และแม้แต่จีน ต่างก็ใช้มาตรการที่เข้มงวดกว่าอังกฤษ
สื่อแดนผู้ดีปลุกระดมมากยิ่งขึ้นให้มีการแก้ปัญหาดังกล่าว หนังสือพิมพ์เดลีเมล์ ซึ่งเจาะตลาดมวลชน อุทิศหน้าหนังสือพิมพ์ 8 หน้า ให้โครงการรณรงค์ "กำจัดถุงเหล่านั้น" เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อเป็นการกดดันให้รัฐบาลประกาศห้ามใช้ถุงหิ้วที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
สองวันถัดมา นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ เขียนลงหนังสือพิมพ์ดังกล่าวว่า "ผมได้บอกชัดแล้วว่า ในอนาคต เราควรจะมุ่งกำจัดถุงพลาสติกใช้แล้วทิ้งด้วยประการทั้งปวง
"ผมต้องการชี้ชัดว่า หากจำเป็นต้องออกกฎบังคับเพื่อเปลี่ยนแปลง รัฐบาลก็จะดำเนินขั้นตอนที่ต้องทำ" บราวน์ระบุ
ความเห็นเหล่านี้เกิดขึ้น 1 ปีหลังจากเขาทำข้อตกลงกับบริษัทต่างๆประมาณ 20 บริษัท ซึ่งรวมทั้งเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 เพื่อลดผลกระทบของถุงพลาสติกที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ให้ได้ 25% ภายในปี 2008
โครงการปฏิบัติการด้านทรัพยากรของเสีย (WRAP) ซึ่งมีภารกิจติดตามตรวจสอบว่า บริษัทเหล่านั้นทำตามพันธสัญญาหรือไม่ พบว่า ในช่วง 12 เดือนแรก มีการใช้ถุงพลาสติกลดลง 14%
มีการใช้หลากหลายวิธีเพื่อชักจูงให้ผู้คนลดการใช้ถุงพลาสติก เช่น เก็บค่าถุง ลดราคาถุงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า หรือจัดเก็บถุงใช้แล้ว
จากนั้น เครือข่ายร้านค้าชั้นนำอย่างมาร์กส์แอนด์สเปนเซอร์ ก็ประกาศตอนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ว่า นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ร้านขายผลิตภัณฑ์อาหารของทางบริษัทจะชาร์จค่าถุงใบละ 5 เพนนี โดยรายได้จะมอบให้กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ยักษ์ใหญ่เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างเทสโก้ ยังให้ถุงฟรี แต่ก็ย้ำว่า ถุงเหล่านั้นเป็นถุงที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และเทสโก้ยังมอบแต้มสะสมให้ลูกค้าที่ไม่ใช้ถุงหิ้วด้วย
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2006 เทสโก้ใช้ถุงพลาสติกน้อยลง 1,300 ล้านใบ แต่ก็ยังให้ถุงหิ้วลูกค้าไปถึง 4,000 ล้านใบ
ในกรุงลอนดอน มีการใช้ถุงพลาสติกใหม่ปีละประมาณ 2,200 ล้านใบ
บรรดาเจ้าหน้าที่อาวุโสในลอนดอนยังเป็นหัวหอกรณรงค์เรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการส่งเสริมให้ร้านอาหารและบาร์ใช้น้ำประปา โดยชี้ว่า มันสร้างมลพิษน้อยกว่าน้ำดื่มบรรจุขวด 300 เท่า และยังมีราคาถูกกว่า 500 เท่า
รัฐบาลอังกฤษก็เข้าร่วมในคลื่นสีเขียวนี้ด้วยเช่นกัน รัฐบาลประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นับตั้งแต่ฤดูร้อนนี้ รัฐมนตรีจะดื่มน้ำประปาระหว่างการประชุมสภา
ข้อมูลของหนังสือพิมพ์อีฟนิ่งสแตนดาร์ดของลอนดอนระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลจะสามารถลดปริมาณขวดพลาสติกได้ปีละ 250,000 ขวด