xs
xsm
sm
md
lg

6ส.ว.ซ่อมโชว์วิชั่นก่อนชิงปธ.วุฒิสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (12 มี.ค.) สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้จัดให้มีการประชุมหารือนอกรอบของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยมี ส.ว.เข้าร่วมประชุม 138 คน ที่ติดภารกิจไปต่างประเทศจำนวน 7 คน จากจำนวนที่ได้รับการรับรอง 144 คน โดยนางสุวิมล ภูมิสิงหราช เลขาธิการวุฒิสภา ได้กล่าวแนะนำสถานที่ กรอบการทำงาน รวมถึงการทำความเข้าใจการใช้บัตรเพื่อลงคะแนนเสียงในวาระต่างๆ และจะขออนุโลมใช้ข้อบังคับการประชุมของวุฒิสภาปี 2544 ไปก่อนจนกว่าจะมีการร่างข้อบังคับการประชุม และทางสถาบันพระปกเกล้าได้กำหนดการสัมมนา ส.ว. ชุดใหม่ในวันที่ 21-22 มี.ค.เพื่อให้สมาชิกได้ทำความรู้จัก และทำความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งในวันประชุมวุฒิสภานัดแรกวันที่ 14 มี.ค. ประธานผู้ทำหน้าที่กาประชุมคือ พ.ท.กมล ประจวบเหมาะ ส.ว.สรรหา ซึ่งมีอาวุโสสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหารือในครั้งนี้มีประเด็นหลักๆ คือ การเสนอตัวของผู้ที่ จะเป็นประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภา รวมถึงแนวทางการทำงาน ทั้งนี้ นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหาได้เป็นพิธีกรชั่วคราว โดยที่ประชุมได้ให้สมาชิกทั้งระบบการสรรหาและการเลือกตั้งแนะตัวตนเองก่อนที่จะเข้าสู่ประเด็นการหารือ จากนั้นเ ปิดให้สมาชิกแสดงความคิดเห็นในตำแหน่งประธานวุฒิสภา
นายสิริวัฒน์ ไกรสินธุ์ ส.ว.นครศรีธรรมราช ได้เสนอว่า ก่อนที่จะให้สมาชิกลงสมัครชิงตำแหน่งต่างๆ และแสดงวิสัยทัศน์ เราควรพูดคุยและความเข้าใจในการทำงาน ร่วมกัน ซึ่งเป็นการเรียนรู้จากบทเรียนจาก ส.ว.ปี 2543 ที่สังคมและสื่อมวลชน ไม่ให้การยอมรับและไม่เป็นที่ภาคภูมิใจในการทำหน้าที่อย่างที่สังคมคาดหวัง ตนไม่อยากให้เกิดภาพสมาชิกแต่ละคนเอาความสัมพันธุ์เดิมๆ ที่อาจจะมาจาก ฐานเสียงกลุ่มนั้นกลุ่มนี้แล้วมายกมือโหวต โดยคำนึงถึงเกียรติศักดิ์ศรีของตนเอง ซึ่งจะเกิดโรคแทรกซ้อนง่าย แบกฝักแบ่งฝ่ายเป็นเสียงข้างมากข้างน้อยไม่ต่างจาก ส.ส.ที่แบ่งเป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ไม่สามารถเป็นสภาที่มาว่าด้วยด้วยเหตุผล และไม่ดำรงความเป็นกลาง
ขณะที่น.ส.รสนา โตสิตระกูล กล่าวว่า ขอเสนอให้ผู้ที่เสนอตัวเป็นประธานวุฒิสภา ได้แสดงวิสัยทัศน์โดยประกาศเป็นสัญญาประชาคมทั้งในและนอกสภาว่า ถ้าในอนาคตไม่ดำรงความเป็นกลาง เที่ยงธรรม มีพฤติการณ์ฮั้วขั้วอำนาจใดๆ ท่านจะให้สมาชิกเชิญท่านออกจากตำแหน่งได้อย่างไร เพราะการพูดว่าไม่ฝักใฝ่การเมือง ก็เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ซึ่งระบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน แต่เราควรสร้างวัฒนธรรม การเมืองใหม่ ไม่ใช่เลือกไปจบสมาชิกหมดสิทธิ์ที่จะตรวจสอบประธานวุฒิสภาได้ เราต้องสร้างกระบวนการความรับผิดชอบ ประธานวุฒิสภาจะต้องอยู่ในที่สว่างไม่เช่นนั้นก็หมดหวัง เหมือนกับสินค้าที่มีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ดูแลสินค้า (สคบ.) หากสินค้าใดไม่มาตรฐาน ก็สามารส่งคืนได้ นักการเมืองเป็นสินค้าแต่ที่ผ่านมาไม่สามารถส่งคืนได้ ดังนั้นวุฒิสภาต้องสร้างช่องทางการเรียกคืนสินค้าได้ เหมือนเป็น อย.และสคบ. ทางการเมืองเพื่อให้ส.ว.เรียกคืนสินค้าได้และเลือกสินค้าตัวใหม่ได้ ซึ่งพฤติการณ์ ในอนาคตจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าท่านจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปหรือไม่
จากนั้นที่ประชุมได้ให้ผู้ที่เสนอตัวเป็นประธานวุฒิสภาได้แสดงวิสัยทัศน์ โดยให้ ใช้เวลาไม่เกิน 3 นาที ทั้งนี้พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ ส.ว.อ่างทอง ได้ประกาศถอนตัวชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา โดยกล่าวว่า จากข่าวที่มี ส.ว.ที่สนใจลงสมัครเป็นประธานวุฒิสภา 6-7 คน ซึ่งถือว่ามาก ตนเห็นว่าไม่เป็นผลดี เพื่อให้เพื่อนสมาชิกได้ตัดสินใจ และให้การทำงานของวุฒิสภาเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเดินไปข้างหน้าและที่มีข่าวว่าตนจะลงชิงตำแหน่ง ตนขอประกาศจะไม่รับการเสนอชื่อลงชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภาในครั้งนี้
จากนั้นสมาชิกที่เสนอตัวลงชิงประธานวุฒิสภา ประกอบด้วย นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ,นายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ ,นายประสพสุข บุญเดช ส.ว.สรรหา นายประเสริฐ ชิตพงศ์ ส.ว.สงขลา พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฏร์ธานี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา ได้ทะยอยขึ้นแสดงวิสัยทัศน์

ดิเรกเสนอฟังปชช.ก่อนออกกม.
นายดิเรก แสดงวิสัยทัศน์ว่า เมื่อปี 2549 ตนก็ได้รับการเลือกเป็นส.ว.จน 5 เดือนก็มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตนได้ลาออกจากราชการโดยตำแหน่งล่าสุด คือเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เพื่อมาลง ส.ว.
สำหรับการทำหน้าที่ของส.ว.ที่มีหน้าที่ 4 ประการ ไม่เฉพาะคนที่เป็นประธานเท่านั้นแต่สมาชิกทุกคนมีความกล้าหาญ กล้าตัดสินใจและจากประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมา ได้เห็นกฎหมายหลายฉบับปฏิบัติได้ยาก ประชาชนไม่มีส่วนรู้เห็นในการบัญญัติคนที่ออกกฎหมายคิดเองและคิดแทนชาวบ้าน ออกกฎหมายในห้องแอร์ ดังนั้นการร่างกฎหมายจะต้องเกิดจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงและคนที่เป็นประธานจะต้องทำหน้าที่การบริหารองค์กร นอกจากความรู้ความสามารถเรื่องในเชิงการบริหารก็มีความสำคัญ มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข ต้องไม่โกรธ ต้องเป็นผู้รับใช้
ด้านนายทวีศักดิ์ กล่าวว่า หากได้เป็นประธานวุฒิสภา จะทำให้สภาเป็นที่ยอมรับของทุกคนมีเกียรติศักดิ์ศรี สมาชิกทุกคนจะต้องมีความโปร่งใส ปราศจากการครอบงำจากฝ่ายการเมือง ต้องมีความงดงามน่าเลื่อมใส สภาฯ ไม่สามารถทำงานได้อย่างโดดเดี่ยวจะต้องประสานงานได้ทั้งข้าราชการ ส.ส. เพื่อนสมาชิก งานจึงบรรลุเป้าหมายได้
นอกจากนี้งานที่ผ่านมางานของวุฒิสภาไม่เป็นที่รับรู้ของสังคมถือเป็นจุดบอด ดังนั้นต้องประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างของวุฒิสภาให้ประชาชนรับทราบ อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อติดใจของสื่อต่อตนว่า ตนมาจากจังหวัดบุรีรัมย์แล้วมีคนคิดว่าตนจะผูกติดกับการเมืองจะให้ตนทำอย่างไรเมื่อตนเกิดที่นั่น และเป็นข้าราชการ รับราชการที่นั่น ไม่รู้จะสลัดภาพนี้ได้อย่างไร ขอให้ทุกคนให้ความเป็นธรรมและเข้าใจตนด้วย

ประสพสุขลั่นถ้าบกพร่องพร้อมออก
นายประสพสุข กล่าวว่า งานที่ตนทำเกี่ยวกับงานด้านตุลาการโดยเฉพาะ ตนเชื่อมั่นว่าจะทำหน้าที่ประธานวุฒิสภา เมื่อเข้าได้รับตำแหน่งจะทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ สุจริต เที่ยงธรรม สามารถตรวจสอบได้ หากทำงานให้ความผิดพลาด บกพร่อง ยินดีให้สมาชิกทุกคนตรวจสอบการทำงาน อย่างว่าแต่ตำแหน่งประธานวุฒิสภา ตนก็จะลาออกจากวุฒิสภา และยืนดีให้ดำเนินคดีทางอาญาด้วย
นายประเสริฐ กล่าวว่า ถ้าหากได้เป็นประธานวุฒิสภา เรื่องสำคัญที่จะต้องทำคือ ทำตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้องและยุติธรรม ตรวจสอบได้ หากทำงาน บกพร่องไม่จำเป็นต้องให้ส.ว.ถอดถอน ซึ่งตนจะพิจารณาตนเอง โดยการลาออก ทั้งนี้ตนไม่ยึดติดกับตำแหน่งและตำแหน่งประธานวุฒิสภา ไม่ใช่ตำแหน่งที่แสวงหา ผลประโยชน์ หากได้เป็นจริงจะสร้างการยอมรับของวุฒิสภาและสร้างเกียรติภูมิให้รับสภาไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเพราะเชื่อมั่นในการทำงานของตน

มาโนชขอนั่งประธานฯแค่2ปี
พล.ต.ท.มาโนช กล่าวว่า ตนไม่เคยล็อบบี้ใคร เพราะเชื่อในเกียรติภูมิและวุฒิภาวะของสมาชิกทุกคนว่า จะเลือกคนที่จะมารับใช้สมาชิกและประชาชน อย่างที่ หลายคนพูด วิสัยทัศน์จะเขียนให้สวยหรูอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าปฏิบัติไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ สำหรับหากทำงานแล้วไม่เกิดประโยชน์หรือเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ก็พร้อมพิจารณา ตนเอง และโดยส่วนตัวเชื่อว่าสมาชิกทุกคนในที่นี้สามารถดำรงตำแหน่งเป็นประธานวุฒิสภาได้ทุกคน ซึ่ง 2 ปี หากตนอยู่ในตำแหน่งก็เพียงพอและพร้อมลุกออก ให้คนอื่นมาทำหน้าที่ต่อได้ บทเรียนที่เกิดขึ้นในอดีตซึ่งเป็นความล้มเหลวของวุฒิสภา เราจะต้องไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ที่ซ้ำรอย
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า การจะพูดหรือเขียนวิสัยทัศน์ที่สวยหรูจะทำอย่างไรก็ได้ บางคนไปจ้างคนอื่นเขียนแล้วเอามาพูด แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะทำหน้าที่ได้อย่างนั้นจริง ซึ่งตนคิดว่า การทำงานของคณะกรรมาธิการมีความสำคัญมากเป็นหัวใจของวุฒิสภา ถ้าได้รับความไว้วางใจจะมอบให้ประธานคณะกรรมาธิการ ซึ่งจะต้องเป็นวิปวุฒิสภาเป็นผู้ตัดสินใจในการบรรจุวาระต่างๆ รวมถึงการถอดถอนและตรวจสอบโดยไม่ต้องกังวลว่าตนจะเอนเอียงไปทางไหน สำหรับตนแค่ถูกตำหนิก็คงนั่งในตำแหน่งไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องรอให้สมาชิกมาถอดถอนหรอก ยืนยันว่า ไม่เคยไปต่อรองตำแหน่งกับใคร ยังเสียดายว่า ถ้ารู้ว่า นายประสพสุข จะลงชิงตำแหน่ง ก็อาจจะตัดสินใจไม่ลงมาตั้งแต่แรก แต่ขณะนี้เหมือนตกกระไดพลอยโจนไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการแสดงวิสัยทัศน์ของ พล.อ.เลิศรัตน์ ได้มีนายทหารติดตามนำหนังสือชื่อ 60 ปี ของพล.อ.เลิศรัตน์ เส้นทางชีวิตที่อุทิศเพื่อชาติและสังคม ซึ่งรวบรวมประวัติและผลงานตลอดชีวิต การเป็นทหารของพล.อ.เลิศรัตน์ ให้กับสมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้หลังจากการแสดงวิสัยทัศน์ตำแหน่งประธานวุฒิสภาแล้ว พล.อ.เลิศรัตน์ และนายประสพสุข ได้เดินเข้าไปทักทายส.ว.สรรหา เพื่อทำความรู้จักด้วย

9ส.ว.ชิงเก้าอี้รองประธานวุฒิสภาฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ผู้ที่สนใจลงชิงประธานวุฒิสภาได้แสดงวิสัยทัศน์แล้ว ที่ประชุมได้ให้ผู้สนใจลงชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาได้แสดงวิสัยทัศน์ คนละ 3 นาที โดยเริ่มคนแรก คือนางจิราวรรณ วัฒนศิริธร ส.ว.เชียงราย พล.ต.ต.ขจร สัยวัตร์ ส.ว.หนองคาย นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา รศ.ทัศนา บุญทอง ส.ว.สรรหา นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ นายนิคม ไวยรัชพานิช ส.ว.ฉะเชิงเทรา นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี และนายสมัคร เชาวภานันท์ ส.ว.สรรหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นสมาชิกได้ขอหารือถึงกรอบเวลาในการแสดงวิสัยทัศน์ ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ โดยได้มีการเสนอให้ใชเวลา 5-8 นาที แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยจะสรุปอีกครั้งในวันประชุม และปิดการประชุมนอกรอบในเวลา 13.00 น.

ประสพสุขระบุมีเสียงในมือ60
นายประสพสุข บุญเดช ส.ว.สรรหา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมีเสียงอยู่ในมือ 60 คะแนนขึ้นไป แต่ก็คิดว่าทุกคนมีโอกาสเท่ากัน ทั้งนี้ ถ้าตนได้รับการเลือกเป็นประธานวุฒิสภาแล้วจะอยู่ครบวาระหรือไม่นั้น อยู่ที่ธรรมเนียมปฏิบัติที่ยึดถือกันมากกว่า
ส่วนที่ส.ว.หญิงมีการเสนอให้ผู้ชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ทำสัญญาประชาคมว่าจะทำตามสิ่งที่ประกาศไว้ นายประสพสุข กล่าวว่า ใครๆ ก็ตอบรับสัญญาประชาคมอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่ต้องมีใบเสร็จ และถ้ามัวหมอง ก็พิจาราณาตัวเองแน่นอน
“ถ้าผมได้ประธานวุฒิฯ แล้วมีเหตุให้ต้องมัวหมอง ผมไม่ใช่แค่ออกจากตำแหน่ง ประธานวุฒิสภา แต่จะออกจากส.ว.ด้วย และยินดีให้ดำเนินคดีอาญาด้วย” นายประสพสุข กล่าว

มาโนชปัดใกล้ชิดบัญญัติ
พล.ต.ท.มาโนช ไกรวงศ์ ส.ว.สุราษฎร์ธานี กล่าวถึงการจะเคลียร์ตัวเองในเรื่องความใกล้ชิดกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างไรว่า คำว่าใกล้ชิดเป็นข้อกล่าวหากันมากกว่า ตนอยู่ภาคใต้มานาน ก็ต้องรู้จักส.ส.ภาคใต้ เป็นธรรมดา แต่ก็ต้องดูลึกในรายละเอียดว่ามีความเกี่ยวข้อง ทางการเมืองอย่างไร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ เรามั่นใจในความเป็นกลางทางการเมือง ไม่อยู่ใต้อาณัติใครทั้งสิ้น ส่วนจะได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่า 30 เสียงหรือไม่นั้น ก็ยังไม่แน่ใจ แต่คิดว่า จะได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มของตัวเองและกลุ่มที่เข้าสภาฯมาเมื่อครั้งที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าส.ว.จากการเลือกตั้งมีมติให้คนใดคนหนึ่งลงชิงตำแหน่งประธานฯ โดยมีเสียงสนับสนุนมากกว่า พล.ต.ท.มาโนช กล่าวว่า ไม่เป็นไร ไม่ติดยึดอะไร ถ้าหยั่งเสียงแล้วเสียงสนับสนุนของเราไม่น่าจะชนะ เราก็ต้องเปิดโอกาสให้คนที่มีเสียง มากกว่า
พล.ต.ท.มาโนช ยังปฏิเสธข่าวที่ว่ามีส.ว.เลือกตั้งประมาณ 10 คนเดินทางไป ฮ่องกง เพื่อไปล็อบบี้การเลือกประธานวุฒิสภา ซึ่งถ้าประสบความสำเร็จ จะได้รับรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้เลย

ปฎิเสธส.ว.เลือกตั้งรวมหัวส่งคนชิงปธ.
ด้านนายทวีศักดิ์ คิดบรรจง ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวถึงข่าวที่ส.ว.จาการเลือกตั้งจะหาข้อสรุปในการเสนอชื่อบุคคลชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา เพื่อจะได้มีโอกาสชนะตัวแทนจากส.ว.ระบบสรรหาว่า ที่จริงเป็นการพูดคุยกันคร่าวๆ ไม่ได้เป็นมติอะไรของกลุ่ม เพราะในการประชุมกันที่โรงแรมเรดิสันเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็มีส.ว.มาประชุมเพียงแค่ 30 คน ส่วนที่เหลือยังไม่ได้เจอหรือพูดคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรที่ถือเป็นผู้แข่งขันอันดับ 1 ของส.ว.ที่มาจากการ เลือกตั้ง แต่ยังมีภาพของนักการเมืองในจ.บุรีรัมย์ นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็น ผู้แข่งขันอันดับ 1 แต่เป็นหนึ่งในผู้แข่งขันเท่านั้น ที่จริง ตนผ่านการเลือกตั้งที่จ.บุรีรัมย์มา ได้รับคะแนนจากประชาชน 245,000 กว่าคะแนน และตนไม่ได้ผูกติดกับนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง ทุกคนรู้จักกันแต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่ใต้อาณัติของใคร เป็นตัวของตัวเอง อยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้มีใครสนับสนุนอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าตนไม่มีญาติหรือเพื่อน ทั้งนี้ยอมรับว่ามีการโทรศัพท์พูดคุยกับเพื่อนๆ ที่รู้จักกันว่าพิจารณาใครแล้วหรือไม่ และในฐานะที่รู้จักกัน จะสนับสนุนตนได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเสียงสนับสนุนในตอนนี้ ยังไม่แน่นอน ตอนนี้อย่าเพิ่งประเมิน เพราะอาจจะเป็นการเข้าข้างตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภา จะสามารถลบภาพของความ ใกล้ชิดกับนักการเมืองหรืออิงกับสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างไร ส.ว.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตนรับราชการมานาน แยกแยะได้ว่าอะไรคืองานในหน้าที่ และอะไรคือความสัมพันธ์ส่วนตัว เพราะฉะนั้น เราต้องดูที่ผลงานเป็นหลัก และคนที่จะเป็นส.ว.ได้ต้องมี วุฒิภาวะสูงอยู่แล้ว เ
ส่วนข่าวที่ว่านายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ช่วยหาเสียงในการชิงประธานวุฒิสภา นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ ตนขอปฏิเสธ
กำลังโหลดความคิดเห็น