เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศเผย ราคาข้าวที่พุ่งสูงลิบลิ่วในชาติเอเชียหลายประเทศก่อให้เกิดปัญหาดีมานด์และซัปพลายตึงตัว บีบให้บางประเทศที่ปลูกข้าว ต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น
ในบางประเทศที่เพาะปลูกและบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก เช่น ประเทศไทยและเวียดนามนั้น ความต้องการข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นปั่นราคาข้าวให้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ข้าวชนิดที่ใช้เป็นมาตรฐานวัดราคาในประเทศไทย มีราคาซื้อขายกันที่กว่า 500 ดอลลาร์ต่อตัน (ราว 16,000 บาท) เพิ่มขึ้นจากที่ในเดือนมกราคม ซื้อขายกันที่ราว 400 ดอลลาร์ต่อตัน (ราว 12,800 บาท) ขณะที่ในปีที่แล้ว ราคาข้าวในเมืองไทยซื้อขายกันที่ 325 ดอลลาร์ต่อตัน (ราว 10,400 บาท)
บางประเทศตั้งแต่บังกลาเทศไปจนถึงฟิลิปปินส์ และอินเดียไปจนถึงอินโดนีเซียนั้น ภาวะราคาข้าวแพงถือเป็นข่าวร้ายต่อรัฐบาลที่พยายามบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ในขณะที่ประชากรจำนวนมากยังหิวโหยต้องการบริโภคข้าว และพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวายในสังคม
ผู้ส่งออกข้าวในเวียดนามตั้งราคาขายไว้ที่ตันละ 460 ดอลลาร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นจากราคาขายเมื่อปีที่แล้วกว่า 50%
"รัฐบาลชาติเอเชียทุกประเทศตระหนักดีถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างเสถียรภาพทางการเมืองกับเสถียรภาพของราคาข้าว" โจนาธาน พินคัส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นดีพี) ประจำเวียดนาม กล่าว
"ดังนั้น ทุกๆรัฐบาลจึงทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาธัญญาหารพื้นฐาน"
ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวเป็นมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีที่แล้ว 78% ผลผลิตข้าวจำนวนมากของเวียดนามส่งออกไปยังฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์ไม่สามารถผลิตข้าวได้เพียงพอกับความต้องการในประเทศ ในปีนี้จึงต้องนำเข้าข้าวมากถึง 2 ล้านตัน ทั้งนี้เป็นไปตามข้อมูลจากรัฐบาล
เอมมานูเอล ซาลองกา โฆษกสำนักงานอาหารแห่งชาติ กล่าวว่าเมื่อปีที่แล้วฟิลิปปินส์ปลูกข้าวได้ 6.44 ล้านตัน แต่ประชาชนต้องการข้าวมากถึง 11.8 ล้านตันต่อปี
ขณะที่มันการา ทัมบูนัน แห่งศูนย์เพื่อการศึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งอินโดนีเซีย กล่าวว่าการที่ประชากรอินโดนีเซียเพิ่มสูงขึ้นทำให้อินโดนีเซียผลิตข้าวไม่เพียงพอกับความต้องการ มานานกว่า 10 ปีแล้ว ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว อินโดนีเซียนำเข้าข้าว 1.5 ล้านตัน
ในบังกลาเทศซึ่งมีประชากร 144,000,000 คนนั้น ราคาข้าวแพงขึ้นสองเท่าตัวใน 1 ปี แซงหน้าระดับรายได้ของประชาชน ทั้งนี้เป็นไปตามคำกล่าวของราฮุล อามีน รองผู้อำนวยการหน่วยงานวางแผนอาหารของรัฐบาล
อามีนกล่าวว่า ผู้คนกำลังตัดลดค่าใช้จ่ายอื่นๆเพื่อเก็บเงินไว้ซื้อเฉพาะอาหาร อย่างไรก็ดี ประชากร 40% มีรายได้เพียงวันละ 1 ดอลลาร์ หรือน้อยกว่านั้น
ในปีนี้ บังกลาเทศต้องนำเข้าข้าวราว 3 ล้านตัน สืบเนื่องจากความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อกลางปีที่แล้ว และพายุไซโคลนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ทำลายบ้านเรือนและพื้นที่เพาะปลูกมหาศาล
บังกลาเทศนำเข้าข้าวบางส่วนจากอินเดีย ทว่า ในปัจจุบัน รัฐบาลอินเดียหยุดส่งออกข้าวที่ไม่ใช่ข้าวบัสมาติ เพื่อพยุงราคาข้าวภายในประเทศ
ณ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าชาติเอเชียบางประเทศได้ป้องกันไม่ให้ราคาข้าวแพงขึ้น ทั้งนี้ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่พึ่งตัวเองได้นั้น ปกป้องคุ้มครองธุรกิจข้าว ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงในอัตราสูงมากหรือให้เงินอุดหนุนอย่างหนัก
ในบางประเทศที่เพาะปลูกและบริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก เช่น ประเทศไทยและเวียดนามนั้น ความต้องการข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นปั่นราคาข้าวให้พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ข้าวชนิดที่ใช้เป็นมาตรฐานวัดราคาในประเทศไทย มีราคาซื้อขายกันที่กว่า 500 ดอลลาร์ต่อตัน (ราว 16,000 บาท) เพิ่มขึ้นจากที่ในเดือนมกราคม ซื้อขายกันที่ราว 400 ดอลลาร์ต่อตัน (ราว 12,800 บาท) ขณะที่ในปีที่แล้ว ราคาข้าวในเมืองไทยซื้อขายกันที่ 325 ดอลลาร์ต่อตัน (ราว 10,400 บาท)
บางประเทศตั้งแต่บังกลาเทศไปจนถึงฟิลิปปินส์ และอินเดียไปจนถึงอินโดนีเซียนั้น ภาวะราคาข้าวแพงถือเป็นข่าวร้ายต่อรัฐบาลที่พยายามบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ในขณะที่ประชากรจำนวนมากยังหิวโหยต้องการบริโภคข้าว และพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวายในสังคม
ผู้ส่งออกข้าวในเวียดนามตั้งราคาขายไว้ที่ตันละ 460 ดอลลาร์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้นจากราคาขายเมื่อปีที่แล้วกว่า 50%
"รัฐบาลชาติเอเชียทุกประเทศตระหนักดีถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างเสถียรภาพทางการเมืองกับเสถียรภาพของราคาข้าว" โจนาธาน พินคัส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่งโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นดีพี) ประจำเวียดนาม กล่าว
"ดังนั้น ทุกๆรัฐบาลจึงทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาธัญญาหารพื้นฐาน"
ในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ เวียดนามส่งออกข้าวเป็นมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากเมื่อปีที่แล้ว 78% ผลผลิตข้าวจำนวนมากของเวียดนามส่งออกไปยังฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์ไม่สามารถผลิตข้าวได้เพียงพอกับความต้องการในประเทศ ในปีนี้จึงต้องนำเข้าข้าวมากถึง 2 ล้านตัน ทั้งนี้เป็นไปตามข้อมูลจากรัฐบาล
เอมมานูเอล ซาลองกา โฆษกสำนักงานอาหารแห่งชาติ กล่าวว่าเมื่อปีที่แล้วฟิลิปปินส์ปลูกข้าวได้ 6.44 ล้านตัน แต่ประชาชนต้องการข้าวมากถึง 11.8 ล้านตันต่อปี
ขณะที่มันการา ทัมบูนัน แห่งศูนย์เพื่อการศึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งอินโดนีเซีย กล่าวว่าการที่ประชากรอินโดนีเซียเพิ่มสูงขึ้นทำให้อินโดนีเซียผลิตข้าวไม่เพียงพอกับความต้องการ มานานกว่า 10 ปีแล้ว ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว อินโดนีเซียนำเข้าข้าว 1.5 ล้านตัน
ในบังกลาเทศซึ่งมีประชากร 144,000,000 คนนั้น ราคาข้าวแพงขึ้นสองเท่าตัวใน 1 ปี แซงหน้าระดับรายได้ของประชาชน ทั้งนี้เป็นไปตามคำกล่าวของราฮุล อามีน รองผู้อำนวยการหน่วยงานวางแผนอาหารของรัฐบาล
อามีนกล่าวว่า ผู้คนกำลังตัดลดค่าใช้จ่ายอื่นๆเพื่อเก็บเงินไว้ซื้อเฉพาะอาหาร อย่างไรก็ดี ประชากร 40% มีรายได้เพียงวันละ 1 ดอลลาร์ หรือน้อยกว่านั้น
ในปีนี้ บังกลาเทศต้องนำเข้าข้าวราว 3 ล้านตัน สืบเนื่องจากความเสียหายจากอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อกลางปีที่แล้ว และพายุไซโคลนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ทำลายบ้านเรือนและพื้นที่เพาะปลูกมหาศาล
บังกลาเทศนำเข้าข้าวบางส่วนจากอินเดีย ทว่า ในปัจจุบัน รัฐบาลอินเดียหยุดส่งออกข้าวที่ไม่ใช่ข้าวบัสมาติ เพื่อพยุงราคาข้าวภายในประเทศ
ณ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าชาติเอเชียบางประเทศได้ป้องกันไม่ให้ราคาข้าวแพงขึ้น ทั้งนี้ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่พึ่งตัวเองได้นั้น ปกป้องคุ้มครองธุรกิจข้าว ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสูงในอัตราสูงมากหรือให้เงินอุดหนุนอย่างหนัก
