เชียงราย – หอการค้าเมืองพ่อขุนฯร่วมลงนามใน MOU กับทุนขนส่งยักษ์ จีน หวังแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารธุรกรรมการขนส่ง – ระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำไปสู่การพัฒนาระบบลอจิสติกส์ในสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ พร้อมเตรียมต่อยอดด้วยการตั้ง “ศูนย์ข้อมูล ลอจิสติกส์ สี่เหลี่ยมฯ” ขึ้น เพิ่มโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกันในอนาคต ด้านสมาชิกจี้รัฐบาลไทยหนุนเอกชนลงทุนใน 4 ชาติลุ่มน้ำโขงตอนบน หลังโครงข่ายคมนาคมเริ่มเสร็จสมบูรณ์
วานนี้ (4 มี.ค.51)นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้า จ.เชียงราย ประธานคณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ 10 จังหวัดภาคเหนือ ได้ร่วมลงนามความร่วมมือส่งเสริมการค้าการลงทุนและลอจิสติกส์ ระหว่างภาคเอกชนไทยและคู่ค้าในแม่น้ำโขง ประกอบด้วย นายเฉา หลง ซิน นายกสมาคมยูนนานโมเดิร์นลอจิสติกส์ นายจางเจิ้นฮุย ผู้จัดการ บริษัทคุนหมิงเจิ้นฮุยการจัดการลอจิสติกส์ จำกัด(ลงนาม 2 ฉบับ), นายโซ่ว ซุน จวิน ประธานหอการค้าเจ้อเจียงในมลฑลยูนนาน,นายหลิว จินซิน นักวิจัยประจำศูนย์วิจัยลอจิสติกส์อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง จำนวน 5 ฉบับ โดยมีกระทรวงพาณิชย์เป็นสักขีพยาน ณ โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท จ.เชียงราย
ทั้งนี้ มีเนื้อหา 4 ประเด็นหลักคือ
1.ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันทำงานบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ซึ่งกันและกัน และผลักดันส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าและพัฒนาร่วมกันในด้านการค้า ลอจิสติกส์และการแลกเปลี่ยนข่าวสารของทั้งสองฝ่าย
2.ทั้งสองฝ่ายจะสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนกิจกรรมในด้านการค้า ลอจิสติกส์และการแลกเปลี่ยนข่าวสาร โดยทั้งสองฝ่ายจะเสนอโครงการที่เป็นไปได้และรวมถึงการแลกเปลี่ยนกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน
3.ความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายในด้านการค้า ลอจิสติกส์และการแลกเปลี่ยนข่าวสารเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อบังคับ และนโยบายของประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน
4.บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการค้า ลอจิสติกส์และการแลกเปลี่ยนข่าวสารนี้ได้จัดพิมพ์ขึ้นเป็นภาษาจีนสองฉบับ ภาษาไทยสองฉบับ รวมสี่ฉบับ มีข้อความตรงกัน ต่างฝ่ายถืออย่างละฉบับ
นายพัฒนา กล่าวว่า หลังการลงนามดังกล่าวแล้ว ทางหอการค้าฯ-คศส.จะพยายามผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลลอจิสติกส์ขึ้นมา เพื่อนำข้อมูลข่าวสารที่ได้จากผู้ประกอบการลอจิสติกส์จีนที่ร่วมลงนามครั้งนี้ ที่ล้วนแต่เป็นกลุ่มทุนขนส่งขนาดใหญ่ ที่มีกิจการครอบคลุมทั้งการขนส่งสินค้า-คน-พัสดุภัณฑ์ ฯลฯใน จีน มาต่อยอดให้แก่ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการเข้าไปลงทุนในกิจการด้านการขนส่งในสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจต่อไป
“ข้อตกลงดังกล่าว จะทำให้เรารู้ตัวกลุ่มทุนต่าง ๆ ที่อยู่ในไลน์ธุรกิจนี้ สามารถติดต่อประสานงานกันเพื่อร่วมทุน หรือติดต่อการค้ากันได้ง่ายขึ้น ซึ่งต่อไปจะมีการจัดกิจกรรมร่วมกันเป็นระยะ ๆ ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ความร่วมมือทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรมต่อไป”
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2551 หอการค้าจังหวัดเชียงราย คณะกรรมการเพื่อโครงการสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจฯ ได้จัดสัมมนา ในหัวข้อความร่วมมือด้านลอจิสติกส์ และการค้าในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงขึ้น โดยมุ่งเน้นหารือกันในเรื่องเส้นทาง R3a จากจีนตอนใต้ ผ่าน สปป.ลาว มาเชื่อมต่อกับสะพานมิตรภาพ อ.เชียงของ จ.เชียงราย –แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ที่สะพานจะเสร็จราวปี 2554 และ เส้นทาง R3b จากจีนตอนใต้ ผ่าน สหภาพพม่า เชื่อม อ.แม่สาย จ.เชียงราย และเส้นทางเดินเรือในแม่น้ำโขง ซึ่งนักธุรกิจของแต่ละประเทศสนใจกันมาก
นายชัชวาล ศรีวชิราวัฒน์ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และรองประธานคณะทำงานเศรษฐกิจภาคบริการ เปิดเผยว่า นักลงทุนสนใจในเรื่องความร่วมมือที่จะเปิดเส้นทางผ่านระหว่าง ไทย-ลาว และ จีน ซึ่งเอกชนไทยไปเปิดนิคมอุตสาหกรรมในเมืองจิ่งหง หรือเมืองเชียงรุ่ง แคว้นสิบสองปันนา พื้นที่ 11.8 ตารางกิโลเมตร เป็นนิคมอุตสาหกรรมไร้มลพิษ เช่น ผลิตใบชา อุตสาหกรรมเครื่องไฟฟ้า เครื่องเรือน ได้รับการสนับสนุนจากเมืองจิ่งหง มณฑลหยุนหนัน แต่อาจจะยังไม่มีผู้รู้จักมากนัก
ทั้งนี้ อยากให้รัฐบาลไทยสนับสนุนให้นักลงทุนไปลงทุนในพื้นที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และตามเส้นทางถนน R3a เพราะพรมแดนระหว่างประเทศจะไม่เป็นปัญหาในการค้าและการลงทุนอีกต่อไป ขณะที่ จีนต้องการผลักดันให้ไทยร่วมมือทางด้านลอจิสติกส์กับประเทศจีนด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้รัฐบาลไทยคงต้องให้การช่วยเหลือผู้ลงทุน และผลักดันให้จังหวัดเชียงราย เป็นฮับ (HUB)ลอจิสติกส์ในภาคเหนือ เพราะเชียงราย เป็นเส้นทางเชื่อมจากจีนผ่าน สปป.ลาว หรือสหภาพพม่า ผ่าน ไทยไปมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือเวียดนาม ไปลงเรือในมหาสมุทรได้หลายจุด
