"สมัคร" บินถกเขมรยันไม่คุยเรื่องเขาพระวิหาร ขณะที่ "นพดล"เผยจะหารือเรื่องให้กัมพูชากู้เงินสร้างถนน 1,400 ล้าน และปัญหาการใช้ทรัพยากร แก็ส น้ำมัน ในพื้นที่ทับซ้อน ส่วนเรื่องเขาพระวิหาร อาจจะมีการยกขึ้นมาพูดคุยกันด้วย
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (3 มี.ค.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางมาขึ้นเครื่องบินของสายการบินไทยไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และแนะนำตัวในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมาแล้ว
นายสมัคร ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวที่มารอสัมภาษณ์ บริเวณสนามบิน แต่ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวสั้นๆ ถึงการหารือเรื่องเขาพระวิหารว่า เขาแถลงกันแล้วว่าไม่คุย เขาแถลงแล้ว เราก็แถลง
“นพดล”เผยกรอบหารือกัมพูชา
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องที่ทางไทยจะหารือกับกัมพูชา คือกรณีที่ทางกัมพูชาจะขอกู้ยืมเงินจากไทยเพื่อไปสร้างถนนเส้นที่ 68 ซึ่งใช้งบประมาณ 1,400 ล้านบาท และอาจจะมีการพูดถึงความจริงใจของรัฐบาลปัจจุบันที่มีต่อกัมพูชา รวมทั้งกรณีเขาพระวิหาร อาจจะมีการหยิบยกท่าทีของไทยมาพูด เรื่องของแนวโน้มการพัฒนาพื้นที่ไหล่ทวีป ที่มีทรัพยากรมากมายทั้ง แก๊ส และน้ำมัน ที่เรียกว่าพื้นที่พัฒนาทับซ้อน และเราจะย้ำในเรื่องของการคืนวัตถุโบราณที่มีคนขโมยจากกัมพูชา 10 กว่าชิ้น ซึ่งเราพิสูจน์แล้วว่าเป็นของกัมพูชาประมาณ 7 ชิ้น จะให้ความมั่นใจว่า เราจะคุยเร็วที่สุด
จะหารือเขาพระวิหารเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเขาพระวิหารจะหารืออย่างไร จะทำร่วมกันเหมือนเดิมหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ตัวปราสาท ศาลโลกได้ตัดสินนานแล้วว่าเป็นของกัมพูชา แต่เรายังยืนยันว่า การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับยูเนสโก ตัวปราสาทเขาพระวิหาร จะต้องไปกระทบถึงสิทธิของไทยในพื้นที่ทับซ้อน และจะต้องไม่กระทบถึงการแบ่งเส้นเขตแดน ดังนั้นจะไม่มีการเสียดินแดนอย่างที่มีข้อกังวลกัน ยืนยันว่า จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด กรณีเขาพระวิหาร ต้องพูดคุยกันเนื่องจากมีผลประโยชน์หลายเรื่อง จะมีทางออก น่าจะพูดคุยกันได้ในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงและมีผลประโยชน์เชื่อมโยงกันมาก เรายังต้องพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยว คนเข้าเมือง การคมนาคม ความสัมพันธ์ด้านอื่นๆร่วมกัน เราคงจะพูดคุยเพื่อไม่ให้มีปัญหาโดยย้ำท่าทีของไทย นายกฯ พูดกับนายกฯ ระดับรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ รวมทั้งคณะกรรมการอื่นๆ เรื่องนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนเป็นมรดโลกจะมีขึ้นในเดือนก.ค. 51 ซึ่งยังมีเวลาคุยกันอีกมาก
เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาออกมาแถลงว่าจะไม่พูดคุยในกรณีนี้ นายนพดลตอบว่า ไม่รู้ว่าหมายถึงการไม่คุยลักษณะเปิดเจรจาเต็มรูปแบบในประเด็นนี้โดยเฉพาะ แต่เราสามารถหยิบยกมาพูดได้ เพราะประเด็นที่เกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ผู้ใหญ่คุยกันดีที่สุด การคุยกันคือ ทางออกที่ดีที่สุด ส่วนตัวเคยพูดคุยกับ นายฮอ นัม ฮง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาแล้ว ซึ่งเป็นไปด้วยดี เพราะกัมพูชายังขอกู้เงินเราไปซ่อมถนนเส้นที่ 48 ประมาณ 30 ล้านบาท และยังขอกู้เงินไปสร้างถนนเส้น 68 จำนวน 1,400 ล้านบาท เป็นเงินกู้ผ่อนปรนเงื่อนไข เราช่วยในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันเขาก็ต้องเจรจากับเราในประเด็นอื่นๆ ด้วย ตรงนี้จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดี
อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปครั้งนี้คงจะยังไม่เสร็จทุกอย่าง กระบวนการพูคุยยังต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันมีกลไกหลายอย่าง แต่ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีความรุนแรงเหมือนอย่างที่แหล่งข่าวบางแหล่งไปออกข่าว ยังสามารถคุยกันได้ กระทรวงการต่างประเทศ จะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ไม่ให้มีปัญหา และจะรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (3 มี.ค.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินทางมาขึ้นเครื่องบินของสายการบินไทยไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และแนะนำตัวในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมาแล้ว
นายสมัคร ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวที่มารอสัมภาษณ์ บริเวณสนามบิน แต่ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวสั้นๆ ถึงการหารือเรื่องเขาพระวิหารว่า เขาแถลงกันแล้วว่าไม่คุย เขาแถลงแล้ว เราก็แถลง
“นพดล”เผยกรอบหารือกัมพูชา
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องที่ทางไทยจะหารือกับกัมพูชา คือกรณีที่ทางกัมพูชาจะขอกู้ยืมเงินจากไทยเพื่อไปสร้างถนนเส้นที่ 68 ซึ่งใช้งบประมาณ 1,400 ล้านบาท และอาจจะมีการพูดถึงความจริงใจของรัฐบาลปัจจุบันที่มีต่อกัมพูชา รวมทั้งกรณีเขาพระวิหาร อาจจะมีการหยิบยกท่าทีของไทยมาพูด เรื่องของแนวโน้มการพัฒนาพื้นที่ไหล่ทวีป ที่มีทรัพยากรมากมายทั้ง แก๊ส และน้ำมัน ที่เรียกว่าพื้นที่พัฒนาทับซ้อน และเราจะย้ำในเรื่องของการคืนวัตถุโบราณที่มีคนขโมยจากกัมพูชา 10 กว่าชิ้น ซึ่งเราพิสูจน์แล้วว่าเป็นของกัมพูชาประมาณ 7 ชิ้น จะให้ความมั่นใจว่า เราจะคุยเร็วที่สุด
จะหารือเขาพระวิหารเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเขาพระวิหารจะหารืออย่างไร จะทำร่วมกันเหมือนเดิมหรือไม่ นายนพดลกล่าวว่า ตัวปราสาท ศาลโลกได้ตัดสินนานแล้วว่าเป็นของกัมพูชา แต่เรายังยืนยันว่า การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกกับยูเนสโก ตัวปราสาทเขาพระวิหาร จะต้องไปกระทบถึงสิทธิของไทยในพื้นที่ทับซ้อน และจะต้องไม่กระทบถึงการแบ่งเส้นเขตแดน ดังนั้นจะไม่มีการเสียดินแดนอย่างที่มีข้อกังวลกัน ยืนยันว่า จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาด กรณีเขาพระวิหาร ต้องพูดคุยกันเนื่องจากมีผลประโยชน์หลายเรื่อง จะมีทางออก น่าจะพูดคุยกันได้ในฐานะบ้านใกล้เรือนเคียงและมีผลประโยชน์เชื่อมโยงกันมาก เรายังต้องพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยว คนเข้าเมือง การคมนาคม ความสัมพันธ์ด้านอื่นๆร่วมกัน เราคงจะพูดคุยเพื่อไม่ให้มีปัญหาโดยย้ำท่าทีของไทย นายกฯ พูดกับนายกฯ ระดับรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ รวมทั้งคณะกรรมการอื่นๆ เรื่องนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ การขึ้นทะเบียนเป็นมรดโลกจะมีขึ้นในเดือนก.ค. 51 ซึ่งยังมีเวลาคุยกันอีกมาก
เมื่อถามว่า ทางกัมพูชาออกมาแถลงว่าจะไม่พูดคุยในกรณีนี้ นายนพดลตอบว่า ไม่รู้ว่าหมายถึงการไม่คุยลักษณะเปิดเจรจาเต็มรูปแบบในประเด็นนี้โดยเฉพาะ แต่เราสามารถหยิบยกมาพูดได้ เพราะประเด็นที่เกี่ยวพันกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ผู้ใหญ่คุยกันดีที่สุด การคุยกันคือ ทางออกที่ดีที่สุด ส่วนตัวเคยพูดคุยกับ นายฮอ นัม ฮง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาแล้ว ซึ่งเป็นไปด้วยดี เพราะกัมพูชายังขอกู้เงินเราไปซ่อมถนนเส้นที่ 48 ประมาณ 30 ล้านบาท และยังขอกู้เงินไปสร้างถนนเส้น 68 จำนวน 1,400 ล้านบาท เป็นเงินกู้ผ่อนปรนเงื่อนไข เราช่วยในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันเขาก็ต้องเจรจากับเราในประเด็นอื่นๆ ด้วย ตรงนี้จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดี
อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปครั้งนี้คงจะยังไม่เสร็จทุกอย่าง กระบวนการพูคุยยังต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมันมีกลไกหลายอย่าง แต่ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีความรุนแรงเหมือนอย่างที่แหล่งข่าวบางแหล่งไปออกข่าว ยังสามารถคุยกันได้ กระทรวงการต่างประเทศ จะดูแลเรื่องนี้อย่างดีที่สุด ไม่ให้มีปัญหา และจะรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ