กทม.ปล่อยแถวตรวจร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 11-17 เม.ย.นี้ ไม่ตั้งเป้าลดเจ็บ-ตายแต่ขอทุกฝ่ายช่วยลดอุบัติเหตุอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันได้เตรียมแผนรักษาความปลอดภัยและการป้องกันอุบัติภัยบนท้องถนน จัดทีมซ่อมถนน อำนวยการจราจร เฝ้าระวังเหตุในพื้นที่ พร้อมประสานตำรวจตั้งด่านและจุดตรวจควบคุมวินัยจราจร และจัดหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินพร้อมทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เตือนก่อนออกจากบ้านอย่าลืมถอดปลั๊กไฟก่อนพระเพลิงจะถามหา
นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) รักษาการผู้ว่าฯกทม.เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยแพทย์ฉุกเฉินวชิระพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการรณรงค์ลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2551 ระหว่างวันที่ 11 – 17 เม.ย. พร้อมกล่าวว่า กทม.ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ของกรุงเทพมหานคร โดยเตรียมพร้อมทั้งด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ และบุคลากร สามารถปฏิบัติงานได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งประสานความร่วมมือกับสถานีตำรวจท้องที่ ประชาสัมพันธ์แผ่นป้ายข้อความบริเวณสะพานลอยและแผ่นปลิวแจกจ่ายแก่ประชาชน ตลอดจนสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน รวมไปถึงการงดดื่มสุราของมึนเมา และการขับขี่อย่างปลอดภัยปฏิบัติตามวินัยจราจร ทั้งนี้กทม.ได้กำหนดแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน โดยระดมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในช่วงเวลาดังกล่าว อาทิ จัดหน่วยซ่อมเร่งด่วน (หน่วยเบสท์) ตรวจสอบเส้นทางเดินรถ เครื่องหมาย และสัญญาณไฟจราจรเพื่อซ่อมแซมให้มีความปลอดภัยและพร้อมใช้งาน รวมทั้งให้สำนักงานเขตสำรวจจุดเสี่ยงและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไข จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจอำนวยการจราจร 424 แห่งทั่วกรุงเทพฯ พร้อมทั้งติดตามเหตุการณ์ต่างๆ จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) อย่างใกล้ชิด และประสานงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการตั้งด่านตรวจ และจุดสกัดประจำชุมชน เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมพฤติกรรมของผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนให้มีความระมัดระวัง ตลอดจนจัดเตรียมหน่วยกู้ภัยและชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และโรงพยาบาลในการรองรับผู้บาดเจ็บตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากประชาชนพบเหตุขัดข้องได้ทางโทรศัทพ์หมายเลข 0 2354 1234 หรือสายด่วนกทม. โทร 1555
นอกจากนี้ยังกำชับหน่วยงานดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่จะเดินไปต่างจังหวัดบริเวณสถานีรถไฟและสถานีขนส่งต่างๆ พร้อมทั้งตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย สัมภาระ ตลอดจนความพร้อมของพนักงานขับรถ และรถโดยสารประจำทาง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ในปีนี้ตนไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องลดอุบัติเหตุในช่วงดังกล่าวให้ได้เท่าไหร่แต่ขึ้นอยู่กับทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างแท้จริงสถิติจึงจะลดได้ ทั้งนี้อยากให้รณรงต์อย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงเทศกาล
นอกจากนี้ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้มอบสื่อประชาสัมพันธ์ ตามโครงการ “เมาไม่ขับ กลับแท็กซี่” ให้กทม.เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์รณรงค์ตามโครงการดังกล่าวทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ โดยประชาชนสามารถแจ้งขอรับบริการได้ที่ โทร. 1555
ด้านนายนิยม กรรณสูต ผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2551 ว่า ในที่ประชุมตนได้กำชับให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังอัคคีภัย สาธารณภัยต่างๆ รวมถึงมีการตั้งด่านตรวจร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) มีการตั้งด่านตรวจร่วมระหว่างเขตและสถานีดับเพลิง ทั้งนี้ก่อนออกจากบ้านขอให้ตรวจตราปลั๊กไฟ และปิดไฟให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน ส่วนการละเล่นสงกรานต์ก็ขอให้ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี ส่วนผู้ที่ขี่ยวดยานพาหนะก็อย่าประมาทเพื่อช่วยกันลดอุบัติเหตุ
นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) รักษาการผู้ว่าฯกทม.เป็นประธานปล่อยแถวเจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยแพทย์ฉุกเฉินวชิระพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อการรณรงค์ลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2551 ระหว่างวันที่ 11 – 17 เม.ย. พร้อมกล่าวว่า กทม.ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ของกรุงเทพมหานคร โดยเตรียมพร้อมทั้งด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ และบุคลากร สามารถปฏิบัติงานได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งประสานความร่วมมือกับสถานีตำรวจท้องที่ ประชาสัมพันธ์แผ่นป้ายข้อความบริเวณสะพานลอยและแผ่นปลิวแจกจ่ายแก่ประชาชน ตลอดจนสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน รวมไปถึงการงดดื่มสุราของมึนเมา และการขับขี่อย่างปลอดภัยปฏิบัติตามวินัยจราจร ทั้งนี้กทม.ได้กำหนดแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน โดยระดมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในช่วงเวลาดังกล่าว อาทิ จัดหน่วยซ่อมเร่งด่วน (หน่วยเบสท์) ตรวจสอบเส้นทางเดินรถ เครื่องหมาย และสัญญาณไฟจราจรเพื่อซ่อมแซมให้มีความปลอดภัยและพร้อมใช้งาน รวมทั้งให้สำนักงานเขตสำรวจจุดเสี่ยงและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไข จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจอำนวยการจราจร 424 แห่งทั่วกรุงเทพฯ พร้อมทั้งติดตามเหตุการณ์ต่างๆ จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) อย่างใกล้ชิด และประสานงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการตั้งด่านตรวจ และจุดสกัดประจำชุมชน เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมพฤติกรรมของผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนนให้มีความระมัดระวัง ตลอดจนจัดเตรียมหน่วยกู้ภัยและชุดปฏิบัติการฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ และโรงพยาบาลในการรองรับผู้บาดเจ็บตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากประชาชนพบเหตุขัดข้องได้ทางโทรศัทพ์หมายเลข 0 2354 1234 หรือสายด่วนกทม. โทร 1555
นอกจากนี้ยังกำชับหน่วยงานดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่จะเดินไปต่างจังหวัดบริเวณสถานีรถไฟและสถานีขนส่งต่างๆ พร้อมทั้งตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย สัมภาระ ตลอดจนความพร้อมของพนักงานขับรถ และรถโดยสารประจำทาง เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ในปีนี้ตนไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องลดอุบัติเหตุในช่วงดังกล่าวให้ได้เท่าไหร่แต่ขึ้นอยู่กับทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันอย่างแท้จริงสถิติจึงจะลดได้ ทั้งนี้อยากให้รณรงต์อย่างต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงเทศกาล
นอกจากนี้ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้มอบสื่อประชาสัมพันธ์ ตามโครงการ “เมาไม่ขับ กลับแท็กซี่” ให้กทม.เพื่อนำไปประชาสัมพันธ์รณรงค์ตามโครงการดังกล่าวทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ โดยประชาชนสามารถแจ้งขอรับบริการได้ที่ โทร. 1555
ด้านนายนิยม กรรณสูต ผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(สปภ.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2551 ว่า ในที่ประชุมตนได้กำชับให้ทุกฝ่ายเฝ้าระวังอัคคีภัย สาธารณภัยต่างๆ รวมถึงมีการตั้งด่านตรวจร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) มีการตั้งด่านตรวจร่วมระหว่างเขตและสถานีดับเพลิง ทั้งนี้ก่อนออกจากบ้านขอให้ตรวจตราปลั๊กไฟ และปิดไฟให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน ส่วนการละเล่นสงกรานต์ก็ขอให้ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณี ส่วนผู้ที่ขี่ยวดยานพาหนะก็อย่าประมาทเพื่อช่วยกันลดอุบัติเหตุ
