หวั่นอาถรรพ์ หลังยอดฉัตรพระธาตุบริวาร องค์พระธาตุศรีจอมทอง พระบรมธาตุประจำปี ชวด /ธาตุคู่บ้าน คู่เมืองเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 300 ปี รวมถึงกิ่งต้นโพธิ์-ไม้ศักดิ์สิทธิ์อายุหลายร้อยปี หักโค่นเสียหายยับ วันเดียวกับ ทักษิณ กลับไทย ทั้งที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนตลอดอายุขององค์พระธาตุ
รายงานข่าวจากจ.เชียงใหม่ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ซึ่งเป็นวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย หลังจากตัองอยู่นอกประเทศกว่า 1 ปี ที่จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเวลา 16.00 น. ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวพุทธต้องวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วไป เมื่อยอดฉัตรของพระธาตุบริวารขององค์พระธาตุศรีจอมทอง วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นตรี อันเป็นพระธาตุที่ปราชญ์ล้านนาระบุเป็น 1 ใน 12 พระธาตุประจำปีนักษัตร ประจำปีชวด ได้ถูกลมพายุพัดหักจากยอดเจดีย์ลงมาพังเสียหายยับเยิน
นอกจากนี้ต้นโพธิ์ใหญ่เก่าแก่ ที่ปลูกภายในวัดมาหลายร้อยปี ซึ่งพุทธศาสนิกชน-คณะศรัทธาวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ใช้ประกอบพิธี แห่ไม้ค้ำโพธิ์ ในทุกวันที่ 15 เมษายนของทุกปี มาตลอดตั้งแต่ปี 2506 โดยมีความเชื่อว่า นอกจากจะช่วยค้ำยันต้นโพธิ์ที่ชาวพุทธถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้หักโค่นแล้ว ยังเป็นการสืบชะตาวัด-สืบชะตาบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข ก็ได้หักลงด้วย
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่มีการก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นมา ทำให้พุทธศาสนิกชน-คณะศรัทธาของพระวิหารหลวงแห่งนี้ เกรงว่าจะเกิดเหตุอาเพทขึ้นมาในบ้านเมืองได้
พระมหาอ๊อด ชยาภินนฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ยอดฉัตรขององค์พระธาตุน้อย ซึ่งเป็นองค์พระธาตุบริวารของพระธาตุศรีจอมทองได้รับความเสียหายว่า ในช่วงเย็นวันที่ 28 ก.พ.2551 ได้เกิดพายุลมแรงขึ้น และส่งผลทำให้ยอดฉัตรขององค์พระธาตุน้อยที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี หักพังลงมา
“แม้จะถือเป็นปกติอยู่แล้วที่ในช่วงเวลานี้ของทุกปีมักจะมีพายุลมแรงเกิดขึ้น ในพื้นที่อ.จอมทองแต่ก็นับเป็นครั้งแรกที่พายุลมแรงที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเสียหาย กับองค์พระธาตุภายในวัด และตลอดระยะเวลาที่จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้มา 11 ปีก็ถือเป็นครั้งแรกเช่นกันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้”
พระมหาอ๊อด กล่าวว่า แม้จะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ยอดฉัตรขององค์พระธาตุน้อย ได้รับความเสียหาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกหรือคิดว่าเป็นลางบอกเหตุร้าย แม้ว่าจะเป็นองค์พระธาตุฯประจำปีชวด ซึ่งเป็นปีนักษัตรประจำปี 2551 ก็ตาม เพราะเชื่อในหลักความเป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์มากกว่า
ขณะเดียวกันในทางตรงกันข้ามยังมองในแง่ดีว่าจะได้เป็นโอกาสดีในการ บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุด้วย ซึ่งเวลานี้ได้รับความอนุเคราะห์จากทางวัดพวกแต้ม ในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จะช่วยสร้างยอดฉัตรขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนของเดิม โดยถอดแบบจากของเดิมทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน จะแล้วเสร็จ งบประมาณไม่เกิน 1 แสนบาท
พระมหาอ๊อด กล่าวว่า ขณะนี้ทางวัดกำลังกราบทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงมาเป็นองค์ประธานเปิดอาคารพระษธรรม และองค์ประธานพิธีทำบุญพระวิหารที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จ รวมทั้งทรงเปิดพิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุศรีจอมทองด้วย ในอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งคงจะต้องรอให้การบูรณปฏิสังขรณ์ ยอดฉัตรองค์พระธาตุน้อยแล้วเสร็จเสียก่อน
นายอุดม คำวัน นายกเทศมนตรีตำบลจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า องค์พระธาตุศรีจอมทอง ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจอมทอง และเชียงใหม่มาช้านาน จะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายอำเภอที่เคยมาประจำที่จอมทอง แทบทุกคนล้วนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกันหมด นายทหาร-ตำรวจ คนดังในสังคมมากหน้าหลายตา ต่างเคยเดินทางมาสักการะ-ตั้งจิตอธิษฐานที่พระธาตุฯแห่งนี้ แล้วส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับผลตามที่อธิษฐานกันทั้งสิ้น
สำหรับวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ มีพระเทพสิทธาจารย์ วิ. (พระอาจารย์ทอง สิริมงฺคโล) เดิมชื่อ "ทอง พรหมเสน" เกิดเมื่อ 21 ก.ย.2466 เป็นเจ้าอาวาสนั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นวัดใหญ่ และสำคัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ 2470 และได้รับพระราชทานยกฐานะวัดขึ้นเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เมื่อ 31 พ.ค.2506
ภายในวัดมีปูชนียวัตถุสถาน และสิ่งสำคัญคือ "พระบรมสารีริกธาตุเจ้าศรีจอมทอง" ซึงในหนังสือที่ระลึกพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เมื่อ 3 พ.ย.2549 ระบุว่า พระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ ตามตำนานว่าเป็น "พระทักษิณโมลีธาตุ" คือ พระธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระเจ้าอโศกมหาราชเป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ดอยจอมทองตั้งแต่ปี พ.ศ.218 ต่อมาได้มีการอัญเชิญมาประดิษฐานในคูหาปราสาทภายในพระวิหาร เมื่อปี พ.ศ.2060
ปัจจุบันองค์พระบรมสารีริกธาตุ บรรจุในพระโกศแก้วฝาครอบทองคำ อยู่บนพานเงินและมีสร้อยทองคำโยงลงมายังพานทั้งสี่ด้าน ประดิษฐานอยู่ภายใน มณฑปปราสาท ตั้งอยู่ภายในพระวิหารของวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
พระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ มีขนาดโตประมาณเมล็ดถั่วเขียว หรือเมล็ดข้าวโพด สัณฐานกลมเกลี้ยง สีดอกพิกุลแห้ง หรือคล้ายทองดอกบวบ
หนังสือที่ระลึกฯยังระบุอีกว่า พระบรมธาตุองค์นี้มีอภินิหารสำคัญยิ่ง คือเมื่อถึง วันพระ 8-15 ค่ำ ตอนกลางคืนมักจะมีแสงสว่างแปลกประหลาดคล้ายโคมไฟขนาดใหญ่ลอยออกจากพระวิหารมุ่งไปยังวัดต่าง ๆ เช่น วัดดอยพระเกิ๊ด วัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน เป็นต้น
รายงานข่าวจากจ.เชียงใหม่ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ซึ่งเป็นวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย หลังจากตัองอยู่นอกประเทศกว่า 1 ปี ที่จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อเวลา 16.00 น. ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ชาวพุทธต้องวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วไป เมื่อยอดฉัตรของพระธาตุบริวารขององค์พระธาตุศรีจอมทอง วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นตรี อันเป็นพระธาตุที่ปราชญ์ล้านนาระบุเป็น 1 ใน 12 พระธาตุประจำปีนักษัตร ประจำปีชวด ได้ถูกลมพายุพัดหักจากยอดเจดีย์ลงมาพังเสียหายยับเยิน
นอกจากนี้ต้นโพธิ์ใหญ่เก่าแก่ ที่ปลูกภายในวัดมาหลายร้อยปี ซึ่งพุทธศาสนิกชน-คณะศรัทธาวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ใช้ประกอบพิธี แห่ไม้ค้ำโพธิ์ ในทุกวันที่ 15 เมษายนของทุกปี มาตลอดตั้งแต่ปี 2506 โดยมีความเชื่อว่า นอกจากจะช่วยค้ำยันต้นโพธิ์ที่ชาวพุทธถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ให้หักโค่นแล้ว ยังเป็นการสืบชะตาวัด-สืบชะตาบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข ก็ได้หักลงด้วย
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่มีการก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นมา ทำให้พุทธศาสนิกชน-คณะศรัทธาของพระวิหารหลวงแห่งนี้ เกรงว่าจะเกิดเหตุอาเพทขึ้นมาในบ้านเมืองได้
พระมหาอ๊อด ชยาภินนฺโท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ยอดฉัตรขององค์พระธาตุน้อย ซึ่งเป็นองค์พระธาตุบริวารของพระธาตุศรีจอมทองได้รับความเสียหายว่า ในช่วงเย็นวันที่ 28 ก.พ.2551 ได้เกิดพายุลมแรงขึ้น และส่งผลทำให้ยอดฉัตรขององค์พระธาตุน้อยที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี หักพังลงมา
“แม้จะถือเป็นปกติอยู่แล้วที่ในช่วงเวลานี้ของทุกปีมักจะมีพายุลมแรงเกิดขึ้น ในพื้นที่อ.จอมทองแต่ก็นับเป็นครั้งแรกที่พายุลมแรงที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเสียหาย กับองค์พระธาตุภายในวัด และตลอดระยะเวลาที่จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้มา 11 ปีก็ถือเป็นครั้งแรกเช่นกันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้”
พระมหาอ๊อด กล่าวว่า แม้จะเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ยอดฉัตรขององค์พระธาตุน้อย ได้รับความเสียหาย แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกหรือคิดว่าเป็นลางบอกเหตุร้าย แม้ว่าจะเป็นองค์พระธาตุฯประจำปีชวด ซึ่งเป็นปีนักษัตรประจำปี 2551 ก็ตาม เพราะเชื่อในหลักความเป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์มากกว่า
ขณะเดียวกันในทางตรงกันข้ามยังมองในแง่ดีว่าจะได้เป็นโอกาสดีในการ บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุด้วย ซึ่งเวลานี้ได้รับความอนุเคราะห์จากทางวัดพวกแต้ม ในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จะช่วยสร้างยอดฉัตรขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนของเดิม โดยถอดแบบจากของเดิมทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน จะแล้วเสร็จ งบประมาณไม่เกิน 1 แสนบาท
พระมหาอ๊อด กล่าวว่า ขณะนี้ทางวัดกำลังกราบทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงมาเป็นองค์ประธานเปิดอาคารพระษธรรม และองค์ประธานพิธีทำบุญพระวิหารที่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จ รวมทั้งทรงเปิดพิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุศรีจอมทองด้วย ในอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า ซึ่งคงจะต้องรอให้การบูรณปฏิสังขรณ์ ยอดฉัตรองค์พระธาตุน้อยแล้วเสร็จเสียก่อน
นายอุดม คำวัน นายกเทศมนตรีตำบลจอมทอง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า องค์พระธาตุศรีจอมทอง ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจอมทอง และเชียงใหม่มาช้านาน จะเห็นได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานายอำเภอที่เคยมาประจำที่จอมทอง แทบทุกคนล้วนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกันหมด นายทหาร-ตำรวจ คนดังในสังคมมากหน้าหลายตา ต่างเคยเดินทางมาสักการะ-ตั้งจิตอธิษฐานที่พระธาตุฯแห่งนี้ แล้วส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับผลตามที่อธิษฐานกันทั้งสิ้น
สำหรับวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ มีพระเทพสิทธาจารย์ วิ. (พระอาจารย์ทอง สิริมงฺคโล) เดิมชื่อ "ทอง พรหมเสน" เกิดเมื่อ 21 ก.ย.2466 เป็นเจ้าอาวาสนั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นวัดใหญ่ และสำคัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ 2470 และได้รับพระราชทานยกฐานะวัดขึ้นเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เมื่อ 31 พ.ค.2506
ภายในวัดมีปูชนียวัตถุสถาน และสิ่งสำคัญคือ "พระบรมสารีริกธาตุเจ้าศรีจอมทอง" ซึงในหนังสือที่ระลึกพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน เมื่อ 3 พ.ย.2549 ระบุว่า พระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ ตามตำนานว่าเป็น "พระทักษิณโมลีธาตุ" คือ พระธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระเจ้าอโศกมหาราชเป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ดอยจอมทองตั้งแต่ปี พ.ศ.218 ต่อมาได้มีการอัญเชิญมาประดิษฐานในคูหาปราสาทภายในพระวิหาร เมื่อปี พ.ศ.2060
ปัจจุบันองค์พระบรมสารีริกธาตุ บรรจุในพระโกศแก้วฝาครอบทองคำ อยู่บนพานเงินและมีสร้อยทองคำโยงลงมายังพานทั้งสี่ด้าน ประดิษฐานอยู่ภายใน มณฑปปราสาท ตั้งอยู่ภายในพระวิหารของวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
พระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ มีขนาดโตประมาณเมล็ดถั่วเขียว หรือเมล็ดข้าวโพด สัณฐานกลมเกลี้ยง สีดอกพิกุลแห้ง หรือคล้ายทองดอกบวบ
หนังสือที่ระลึกฯยังระบุอีกว่า พระบรมธาตุองค์นี้มีอภินิหารสำคัญยิ่ง คือเมื่อถึง วันพระ 8-15 ค่ำ ตอนกลางคืนมักจะมีแสงสว่างแปลกประหลาดคล้ายโคมไฟขนาดใหญ่ลอยออกจากพระวิหารมุ่งไปยังวัดต่าง ๆ เช่น วัดดอยพระเกิ๊ด วัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน เป็นต้น