xs
xsm
sm
md
lg

เด้ง"เสรีพิศุทธ์"สอบวินัยซ้ำ เปิดทางพี่เมียแม้วกลับมาใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"สมัคร"ปลด"เสรีพิศุทธ์"พ้น ผบ.ตร. มอบ"พัชรวาท"รักษาการแทน พร้อมตั้งกรรมการสอบผิดวินัยร้ายแรง ยืนยันจะโยกย้ายข้าราชการอีก เพื่อปรับปรุงให้เข้าที่เข้าทาง ไม่หวั่นถูกฟ้อง อ้างรัฐบาลที่แล้วโยกย้ายหลายคน ไม่เห็นมีใครว่า "เสรีพิศุทธ์"เดือดขู่ฟ้องกลับแน่ ยันไม่ผิด ทำงานดีมาตลอด "พัชรวาท" น้อมรับทำงานให้ดีที่สุด "สุริยะใส" ฟันธงเป้าหมายเพื่อ"พี่เมียแม้ว" ขึ้นแท่นผบ.ตร.คนต่อไป เหตุพิษใบแดง"ยงยุทธ" เด้งผู้การฯ เชียงรายอีกคน

วานนี้ (29 ก.พ.)สำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งที่ 35/2551 เรื่องให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยคำสั่งได้อาศัยอำนาจความใน มาตรา 11(4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และ มาตรา 72 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งต่อไปนี้

ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้รับเงินเดือนทางสังกัดเดิมไปพลางก่อน และให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้รักษาราชการแทน ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ลงชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี

**เหตุผลถูกสอบผิดวินัยร้ายแรง

นอกจากนั้นมี คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 34/2551 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. มีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ระบุข้อกล่าวหา ดังนี้

1. ดำเนินโครงการเช่ารถยนต์บรรทุกขนาด 1 ตัน แบบดับเบิ้ลแคป จำนวน 2,894 คัน โครงการเช่ารถตู้โดยสาร (เบนซิน) ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี)ขนาด 15 ที่นั่ง จำนวน 1,447 คัน โครงการเช่ารถยนต์บรรทุกอเนกประสงค์ขนาด 3 ตัน ขนาด 24 ที่นั่ง จำนวน 270 คัน และรถยนต์บรรทุกขนาด 3 ตัน พร้อมติดตั้งอุปกรณ์เรือใบ เครนยก จำนวน 51 คัน และโครงการเช่ารถยนต์บรรทุก (ขนาด 1 ตัน) แบบมีช่องว่างด้านหลังคนขับ จำนวน 1,555 คัน ซึ่งใช้งบประมาณรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,899,578,200 บาท โดยมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตและเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ซึ่งทำให้ทางราชการเสียหาย ตลอดจนเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทผู้ให้เช่ารถยนต์ อันถือได้ว่าเป็นการกระทำการหรือไม่กระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรง และเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรได้

2. สั่งการโดยใช้ถ้อยคำที่มิบังควร และไม่เหมาะสมในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานในบันทึกของกองสวัสดิการ ที่เสนอขอให้พิจารณาจัดการแข่งขันกีฬาภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติประจำปี 2551 ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 21-28 มี.ค. 51เนื่องจากผู้เสนอเห็นว่า ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวอยู่ระหว่างการไว้ทุกข์ตามมติครม. หากจัดการแข่งขันกีฬาภายในจะเป็นการไม่บังควร

3. ดำเนินการบริหารงานบุคคลโดยออกคำสั่งแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับพันตำรวจเอก ตำแหน่งผู้กำกับการฝ่ายปฏิบัติการที่ 1- ที่ 10 ในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในกองบังคับการต่างๆ โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ ทำให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ดังกล่าวไม่มีกฎหมายรองรับตำแหน่ง จึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในการแบ่งส่วนราชการของกองบังคับการต่างๆ และกรณีดังกล่าวเป็นเหตุทำให้ราชการต้องเสียงบประมาณสำหรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งโดยยังไม่มีการดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายเสียก่อนแต่อย่างใด

อาศัยอำนาจตามความในพ.ร.บ. ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 86 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อทำการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้

1.นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุดเป็นประธานกรรมการ 2. นายนัที เปรมรัศมี รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการ 3. พล.ต.ท. จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ 4. พล.ต.ท. ธีรเดเช รอดโพธิ์ทอง จเรตำรวจ เขตตรวจราชการที่ 8 เป็นกรรมการและเลขานุการ

ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา พ.ศ.2547 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสอบสวนมาเพื่อพิจารณษดำเนินการต่อไป

อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่า กรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสอบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาเบื้องต้นแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมกระทำการในเรื่องที่สอบสวนนั้นอยู่ด้วยให้ประธานกรรมการรายงานโดยเร็ว สั่ง ณ วันที่ 29 ก.พ. 51 ลงชื่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี

ด้าน พล.ต.ท.จงรัก ซึ่งเป็นกรรมการในการสอบสวนความผิด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวเพียงว่า ยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว เพราะวันนี้ยังไม่ได้เข้าสำนักงาน จึงขอไม่กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

**"หมัก"กร้าวยังต้องมีย้ายกันอีก

ที่อาคารผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เดินทางด้วยเที่ยวบินที่ TG 960 ไปเยือนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 29-1 มี.ค. นี้

ผู้สื่อข่าวถาม นายสมัคร ถึงเรื่องที่ได้สั่งย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ แต่นายสมัคร กล่าวย้อนถามว่า "ใครเป็นคนบอก" ผู้สื่อข่าวบอกว่า มีกระแสข่าววันนี้ ก็อยากทราบข้อเท็จจริง นายสมัคร กล่าวว่า "โอย ผมยังไม่ทราบเลย" เมื่อถามว่า ท่านเซ็นคำสั่งหรือยัง นายสมัคร กล่าวว่า ยังไม่บอก เมื่อถามว่ายังไม่ปลดหรือ นายสมัคร กล่าวว่า "ไม่ใช่" เมื่อถามย้ำว่า ได้เซ็นคำสั่งหรือไม่ มีความผิดร้ายแรงเรื่องอะไร นายสมัคร กล่าวว่า "ทำไมรู้ดีกว่าผม ทำไมมาถามผม" เมื่อถามว่า ท่านกำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายสมัคร กล่าวเลี่ยงให้ถามเรื่องอื่นๆ ตนยังไม่ตอบคำถามนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวที่ติดตามคณะของนายนายสมัคร ได้ถามถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ที่ประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งนายสมัคร กล่าวว่า ไม่ขอตอบเรื่องนี้ จะกลับไปตอบที่ประเทศไทยในวันนี้ (1 มี.ค.)

เมื่อถามว่า คิดว่าจะสามารถเคลียร์ปัญหาดังกล่าวได้หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า เหตุใดต้องเคลียร์ด้วย แม้ว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะขู่ฟ้องศาล ก็ไม่เป็นไร และไม่มีปัญหา แต่ขอให้ลองพิจารณาดูก็แล้วกัน รวมทั้งการโยกย้ายในช่วงที่ผ่านมาก็ให้เขาไปดำเนินการ ใครจะว่าอย่างไรก็ได้

" เมื่อเวลามีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ก็มีการย้ายกันเป็นแผง เป็นกระบิ แต่ไม่เห็นมีใครไปฟ้องศาลปกครอง และไม่มีใครพูดถึงแม้แต่คำเดียว ในเมื่อขณะนี้มีการจัดการเลือกตั้งและมีผู้บริหารชุดใหม่เข้ามา ก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้าที่เข้าทาง เป็นไปได้อย่างไรช่วยคิดหน่อย"

ส่วนกรณีที่มีการมองว่า มีการโยกย้ายข้าราชการรายวันนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการย้ายรายวัน หรือ จะให้นำมารวมกันย้ายที่เดียวพร้อมกันหรืออย่างไร

"ตำแหน่งในประเทศไทยมีกี่ตำแหน่ง และย้ายไปกี่ตำแหน่ง ตำแหน่งใหญ่ๆ ทั้งหมดมีเป็นร้อยเป็นพัน พึ่งย้ายไปแค่ 3 ตำแหน่ง ก็ทำเป็นข่าวเอิกเกริก แล้วจะให้ทำอย่างไร คนมาบริหารประเทศจะให้ทำอย่างไร แตะไม่ได้ โดนไม่ได้ ถ้าเขาไปทำอะไรไว้ ก็ต้องเอาไว้อย่างนั้นหรือ มันไม่ถูก ถ้าผมเป็นพวกคุณ ผมจะไม่ถาม" นายสมัคร กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าการโยกย้ายข้าราชการจะมีตามมาอีกใช่หรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า "ก็มันแน่นอน ข้อสำคัญที่สุด คือ คนมาบริหารก็ต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยดี แหม ผมอยากให้พวกคุณเป็นคนบริหารดูสิ จะย้ายหรือไม่ย้าย ถ้าผมไปทำอะไรเสียหาย แล้วคุณต้องเข้ามาแก้ไข คุณจะทำอย่างไร มันก็ต้องย้าย จะไปนั่งทนอยู่อย่างนั้นได้อย่างไร ของพรรค์นี้มันต้องเข้าใจหน่อย" นายสมัคร กล่าว

**"เสรีพิศุทธ์"เดือดประกาศฟ้องสมัคร

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.เปิดเผยถึงกรณีถูกคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการสำนักงานนายกรัฐมนตรี ว่า ตนยังไม่เห็นหนังสือโยกย้าย และเพิ่งทราบจากสื่อมวลชน โดยจะขอทำภารกิจที่ภาคใต้ให้เสร็จสิ้นก่อน และจะกลับทันที จากนั้นตนจะทำหนังสืออย่างเป็นทางการ สอบถามไปยังนายกรัฐมนตรี ถึงเหตุผลที่ถูกโยกย้ายว่าเป็นเพราะอะไร และหากนายกรัฐมนตรี ชี้แจงมา หากเหตุผลที่โยกย้ายไม่มีความเป็นธรรม หรือ ไม่โปร่งใส ก็จะทำเรื่องฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฐานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ต่อไป

“ที่ผ่านมา ผมทำงานไม่เคยบกพร่อง ปฏิบัติหน้าที่ดีที่สุด จึงไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่าย้ายเพราะอะไร”

ต่อข้อถามที่ว่า เป็นเพราะมาจากสาย คมช.หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยวกัน เพราะก่อนมาเป็น ผบ.ตร.ตนเองก็ถูกย้ายไปเป็นที่ปรึกษามาก่อน ซึ่งสาเหตุที่โยกย้ายครั้งนี้ น่าจะไปถามนายกรัฐมนตรี จะดีกว่า

**"พัชรวาท"รับทำงานให้ดีที่สุด

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นเรื่องปกติ ถ้าหาก ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่อื่น ก็ต้องมีคนอื่นเข้ามาทำหน้าที่ ส่วนกำหนดระยะเวลาให้ไปช่วยที่สำนักนายกฯนั้นตนไม่เห็น อย่างไรก็ตาม เมื่อตนทำหน้าที่รักษาการแทน ก็จะตั้งใจทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด

สำหรับประวัติของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นน้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.เกิดวันที่ 22 มี.ค. 2492 เป็นคนบางกะปิ กรุงเทพฯ เรียนเตรียมทหารรุ่น 9 นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 25 และเคยมีชื่อเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 52

**ฟันธงเด้งเพื่อ “พี่เมียแม้ว”

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยถึงกรณีที่ นายสมัคร มีคำสั่งปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ว่า ก็เป็นไปตามที่พันธมิตรฯได้คาดการณ์เอาไว้

นายสุริยะใส กล่าวว่า การที่ทำให้ตำรวจเป็นผู้สนองนโยบาย จะทำให้การต่อตัวง่ายที่สุด เพราะต้องไม่ลืมว่า อำนาจตำรวจในเวลาปกตินั้นเหนือกว่าอำนาจของกองทัพ โดยเฉพาะในกรณีที่นายกฯใช้อำนาจตำรวจเป็นเครื่องมือ อย่างในยุคที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษกและผู้ต้องหาคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก็ใช้อำนาจตำรวจ ซึ่งถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ จัดการได้หมด มันก็ง่าย เพราะฉะนั้นในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ก็ใช้ตำรวจนี่ล่ะแจ้งข้อหาต่างๆ กับพันธมิตรฯ ดำเนินคดีกับกลุ่มต่างๆ ที่ท้าทายอำนาจ หรือคดีที่ค้างคาอยู่ ซึ่งก็มีหลายรายที่ยังคาอยู่ที่เจ้าพนักงานสอบสวน ก็อาจจะปัดฝุ่นกันมาอีกรอบ ก็เป็นไปได้ นี่คงไม่ใช่การกังวลเกินเลย

"คิดว่าเป้าหมายสุงสุดยังเป็นการปูทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ กลับมาเป็น ผบ.ตร. แต่ว่าที่ต้องเปลี่ยนเป็น พล.ต.อ.พัชรวาท มารักษาราชการแทน เพราะว่าตำแหน่งในตอนนี้ของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ อยู่ที่สำนักนายกฯ"

นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ฉะนั้นสัปดาห์หน้า ก็แน่นอนว่า ก.ตร. ต้องมีมติรับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เข้ารับราชการใน สตช. เพื่อที่จะเอามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม คาดว่าจากนี้ไปก็คงจะมี ผบ.ตร.ขัดตาทัพไปก่อน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ อาจจะมาในช่วงโยกย้ายเดือน ต.ค.ก็เป็นได้

ต่อข้อถามถึงความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ นายสุริยะใส กล่าวว่า แกนนำพันธมิตรฯ จะหารือกันในวันที่ 5 มี.ค.นี้ เวลา 10.00 น. เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราจะยกมาหารือกัน เพื่อหามาตรการเร่งด่วน นอกเหนือจากวาระปกติที่เราเตรียมไว้คือ เรื่องการขยายเครือข่าย การปรับโครงสร้างของพันธมิตรฯ และเรื่องของการเคลื่อนไหว

**"ถาวร"แฉเบื้องหลังปลด

นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย (เงา) กล่าวว่า ขอตำหนิการกระทำดังกล่าว และขอให้ประชาชนติดตามการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่จะยังเดินหน้าปลดข้าราชการที่ดีออกจากเส้นทาง และออกมาเตือนสติรัฐบาลว่า หากบริหารงานเช่นนี้ต่อไป คนที่จะไม่มีแผ่นดินอยู่อาจเกิดขึ้นอีก แผ่นดินจะลุกเป็นไฟแน่นอน ดังนั้นตนจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนท่าที และการกระทำดังกล่าว

"สำหรับการปลด ผบ.ตร. ครั้งนี้ ผมทราบมาว่าผู้บริหารระดับสูงได้ขอร้องให้ ผบ.ตร. ละเว้นการสืบสวนสอบสวนนักการเมืองที่อยู่ใกล้ชิดนักการเมืองระดับสูง ที่ได้กระทำความผิดเกี่ยวกับการนำรถเข้ามาในประเทศโดยเลี่ยงภาษีนับหมื่นล้านบาท เมื่อไม่สำเร็จจึงนำมาสู่การปลด"

**พิษใบแดงทั่นยุทธ เด้ง ผบก.เชียงราย

วันเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีคำสั่งด่วน ถึงสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เรื่อง ให้ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ย้ายเข้าไปช่วยราชการประสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยประจำสำนักงาน ผบ.ตร. มีผลตั้งแต่วันที่ 29 ก.พ. เป็นต้นไป ซึ่งลงนามโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าว ออกมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่หนังสือเพิ่งเดินทางถึงสำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า ขณะนี้ได้รับหนังสือให้ย้ายไปช่วยราชการแล้ว และคงต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงาน ผบ.ตร. ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ส่วนใครจะมารักษาการผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงรายนั้น ทางตำรวจภูธรภาค 5 จะมีการแต่งตั้งเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการย้าย พล.ต.ต.ทรงธรรม ครั้งนี้ อาจเป็นผลเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการขอให้ย้ายพล.ต.ต.ทรงธรรม ออกนอกพื้นที่เป็นการชั่วคราว ระหว่างการสอบสวนใบแดง และมาถูกย้ายในครั้งนี้ซึ่งอาจมีผลเกี่ยวเนื่องกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น