วานนี้ (27 ก.พ.) มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายสมศักดิ์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมรับทราบถึงร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ที่ผ่านการพิจารณาของ สนช. คือ ร่าง พ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน ว่า ตุลาการการรัฐธรรมนูญ ได้มีการวินิจฉัยว่าไม่ถูกต้องตามกระบวนการ ตราพระราชบัญญัติ เนื่องจากสมาชิกไม่ครบองค์ประชุม มีผลให้ร่างกฎหมายทั้ง3 ฉบับ ต้องตกไป อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยดังกล่าวมีผลผูกพันกับรัฐสภา และองค์กรอื่นๆ ของรัฐ
ด้านนายวิทยา บูรณะศิริ ส.ส. อยุธยา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน สนช.ระบุว่า ปัญหาเกิดจากเครื่องบันทึกการลงคะแนนมีปัญหา ทำให้ตนไม่เชื่อมั่นในระบบไอที ของที่ประชุมสภา จึงอยากให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และหามาตรการไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
ขณะที่นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่าได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่แล้ว พบว่าสมาชิก สนช.ได้นั่งอยู่ในที่ประชุม แต่ไมได้ลงคะแนน ปัญหาไม่ได้เกิดจากองค์ประชุมไม่ครบ และไม่ใช่เรื่องของระบบคอมพิวเตอร์เลย ดังนั้นจากนี้ไปก่อนที่จะลงมติในการพิจารณากฎหมาย ประธานในที่ประชุมจะนับองค์ประชุมทุกครั้ง
นายนิพนธ์ วิศิษฏ์ยุทธศาสตร์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในช่วงบ่าย เย็น ค่ำ ส่วนใหญ่สมาชิกไม่ค่อยอยู่ในที่ประชุม ฉะนั้นอย่าไปโทษเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ควรโทษตนเอง การพิจารณากฎหมายของสนช.ที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่ององค์ประชุมตลอด แต่ก็ไม่อยากเห็นมีการกดบัตรแทนกัน ทุกคนควรให้ความสำคัญต่อการทำหน้าที่ประชุมสภาอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้สมาชิกได้หารือถึงกรณีของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภา ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยให้ใบแดง โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าประธาน หารือในหัวข้อที่แปลกๆ แต่เรื่องการทำหน้าที่ของนายยงยุทธ ในฐานะประธาน กลับไม่แจ้งต่อที่ประชุมว่าเป็นอย่างไร ทั้งที่นายยงยุทธ ถือเป็นประธานคนแรกของประวัติศาสตร์การปกครองที่โดนกกต.ให้ใบแดงคาบัลลังก์ นอกจากนี้ ในการประชุมสภาโลกที่มีกำหนดการไว้แล้วว่า นายยงยุทธในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ จะต้องเป็นตัวแทนไปร่วมประชุมด้วย จะมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการอย่างไร หรือไม่
นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า นายยงยุทธ ยังถือว่าเป็นประธานสภาอยู่ และยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ท่านได้แสดงสปิริต ยุติการทำหน้าที่ประธานแล้วเรื่องก็น่าจะจบได้แล้ว
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ผลของรัฐธรรมนูญปี 50 ทำให้ส.ส. ทำหน้าที่ได้ไม่ครบถ้วน โดยสภาไม่ได้ให้ความเห็นชอบเหมือนเช่นปี 40 ที่มีปัญหา และล้วนมาจากระบอบเผด็จการร่างขึ้น และได้สร้างกลไกลต่างๆ ที่ทำให้กลไกของระบบรัฐสภาขัดข้องไปหมด หลายองค์กรที่ทำการตรวจสอบตัวแทนประชาชนไม่ได้มาจากเสียงของประชาชนแม้แต่เสียงเดียว ส่วนกรณีของนายยงยุทธ วันนี้ไม่ได้มีการวินิจฉัยคดีอย่างครบถ้วน แต่กลับรีบตัดสิน ซึ่งคำวินิจฉัยของ กตต.วันหนึ่งเวรกรรมจะตามทัน องค์กรที่มาจากอำนาจเผด็จการ ทำให้ฟันเฟืองของระบอบประชาธิปไตยขบกัน
ด้านนายวิทยา บูรณะศิริ ส.ส. อยุธยา พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน สนช.ระบุว่า ปัญหาเกิดจากเครื่องบันทึกการลงคะแนนมีปัญหา ทำให้ตนไม่เชื่อมั่นในระบบไอที ของที่ประชุมสภา จึงอยากให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และหามาตรการไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
ขณะที่นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่าได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่แล้ว พบว่าสมาชิก สนช.ได้นั่งอยู่ในที่ประชุม แต่ไมได้ลงคะแนน ปัญหาไม่ได้เกิดจากองค์ประชุมไม่ครบ และไม่ใช่เรื่องของระบบคอมพิวเตอร์เลย ดังนั้นจากนี้ไปก่อนที่จะลงมติในการพิจารณากฎหมาย ประธานในที่ประชุมจะนับองค์ประชุมทุกครั้ง
นายนิพนธ์ วิศิษฏ์ยุทธศาสตร์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าในช่วงบ่าย เย็น ค่ำ ส่วนใหญ่สมาชิกไม่ค่อยอยู่ในที่ประชุม ฉะนั้นอย่าไปโทษเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่ควรโทษตนเอง การพิจารณากฎหมายของสนช.ที่ผ่านมา มีปัญหาเรื่ององค์ประชุมตลอด แต่ก็ไม่อยากเห็นมีการกดบัตรแทนกัน ทุกคนควรให้ความสำคัญต่อการทำหน้าที่ประชุมสภาอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้สมาชิกได้หารือถึงกรณีของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภา ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วินิจฉัยให้ใบแดง โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าประธาน หารือในหัวข้อที่แปลกๆ แต่เรื่องการทำหน้าที่ของนายยงยุทธ ในฐานะประธาน กลับไม่แจ้งต่อที่ประชุมว่าเป็นอย่างไร ทั้งที่นายยงยุทธ ถือเป็นประธานคนแรกของประวัติศาสตร์การปกครองที่โดนกกต.ให้ใบแดงคาบัลลังก์ นอกจากนี้ ในการประชุมสภาโลกที่มีกำหนดการไว้แล้วว่า นายยงยุทธในฐานะประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ จะต้องเป็นตัวแทนไปร่วมประชุมด้วย จะมีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการอย่างไร หรือไม่
นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า นายยงยุทธ ยังถือว่าเป็นประธานสภาอยู่ และยังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ท่านได้แสดงสปิริต ยุติการทำหน้าที่ประธานแล้วเรื่องก็น่าจะจบได้แล้ว
ด้านนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ผลของรัฐธรรมนูญปี 50 ทำให้ส.ส. ทำหน้าที่ได้ไม่ครบถ้วน โดยสภาไม่ได้ให้ความเห็นชอบเหมือนเช่นปี 40 ที่มีปัญหา และล้วนมาจากระบอบเผด็จการร่างขึ้น และได้สร้างกลไกลต่างๆ ที่ทำให้กลไกของระบบรัฐสภาขัดข้องไปหมด หลายองค์กรที่ทำการตรวจสอบตัวแทนประชาชนไม่ได้มาจากเสียงของประชาชนแม้แต่เสียงเดียว ส่วนกรณีของนายยงยุทธ วันนี้ไม่ได้มีการวินิจฉัยคดีอย่างครบถ้วน แต่กลับรีบตัดสิน ซึ่งคำวินิจฉัยของ กตต.วันหนึ่งเวรกรรมจะตามทัน องค์กรที่มาจากอำนาจเผด็จการ ทำให้ฟันเฟืองของระบอบประชาธิปไตยขบกัน