ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ประธานคณะกรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ สบร. เปิดเผยว่า ตนได้เข้ารายงานการดำเนินงานของ สบร.ตลอดปี 50 ต่อ น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สบร. เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา และแจ้งว่าตนตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ด สบร. รวมถึงได้ยื่นหนังสือต่อรองนายกรัฐมนตรีรับทราบตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. แล้ว เนื่องจากตนเห็นว่าขณะนี้ภารกิจสำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม ที่ตนดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอยู่นั้นมีมากขึ้น เกรงว่าจะไม่มีเวลาไปบริหารงาน สบร.
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาปัญหาคณะกรรมการบริหารบอร์ด สบร. ได้ทยอยลาออก โดยให้เหตุผลว่าต้องไปรับหน้าที่ใหม่ และติดภารกิจประจำที่ทำอยู่ ทำให้ไม่มีเวลามาร่วมประชุมพิจารณางานของ สบร. อาทิ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา นายสุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ฯลฯ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่
"ผมยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้ไม่มีเหตุผลแอบแฝง เพราะกรรมการท่านอื่นลาออกเกือบหมดแล้ว รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับการกลับมาของขั้วอำนาจเก่า ซึ่งทุกคนจะทราบดีว่า ตลอดเวลาที่ผมทำงานที่สบร. ผมต้องมาทำงานที่ สศร. ควบอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย เรียนตรงๆว่าทำไม่ไหว จึงต้องขอลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดสบร. แต่ก็ยอมรับว่าการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา มีทั้งปัญหาและการแก้ปัญหา ซึ่งผมคิดว่าเราพยายามแก้ปัญหาตามนโยบายของรัฐบาลที่แล้วอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องของการเข้ามาตรวจสอบภายในของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน การลดค่าใช้จ่ายภายใน ลดค่าเช่าสำนักงาน ลดเงินเดือนผู้บริหาร ปรับโครงการต่างๆ ตามนโยบาย 4 ป." ศ.ดร.อภินันท์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประท้วงของสมาชิกสำนักงานศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ทีซีดีซี )ที่ไม่ยอมยุบรวมกับสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือไม่ ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวว่า ช่วงก่อนจะมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐบาลชุดของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี สบร. มีมติให้ควบรวมทั้งสองหน่วยงาน แต่หากรัฐบาลนี้จะสั่งการให้แยกทั้ง 2 หน่วยงานออกจากกันเป็นอิสระอีก ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละรัฐบาล ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวของตน การแยกออกจากกันมีทั้งผลดี ผลเสีย แต่ยืนยันเจตนารมย์ว่า ไม่เคยคิดจะยุบทีซีดีซี เพียงแต่เป็นการควบรวมกับหน่วยงานอื่น ให้การบริหารงานคล่องตัวขึ้นและเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าทางวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม ข่าวเรื่องการแยกทีซีดีซีออกจากพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ตนได้ยินจากรายงานข่าวทางวิทยุเท่านั้น ซึ่ง น.พ.สุรพงษ์ ก็ยังไม่เคยพูดว่ามีแนวคิดจะแยก 2 หน่วยงานออกมาบริหารตามเดิมกับตน
ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวต่อไปว่า ตนกำลังเสนอขอต่ออายุราชการที่ สศร. ออกไปอีก 1 ปี ต่อนายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รมว.วัฒนธรรม และเสนอให้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณา เพราะต้องสานงานในความรับผิดชอบให้เกิดความต่อเนื่อง ได้แก่โครงการศิลปกรรมพระประวัติและพระกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นงานที่ต้องแข่งกับเวลา และต้องประสานงานกับศิลปินจำนวนมาก งานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ต้องตอบโจทย์งานด้านศิลปวัฒนธรรร่วมสมัย การจัดสร้างหอศิลป์ในพื้นที่ 35 ไร่ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงหอศิลป์กรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ตนได้รับการติดต่อจากนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ให้ไปเป็นกรรมการมูลนิธิฯ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกของประธานและคณะกรรมการบริหารบอร์ด สบร.ทั้งคณะครั้งนี้ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการลาออกเนื่องจากหวั่นเกรงการถูกเช็กบิลของกลุ่มอำนาจเก่า ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับมาประเทศไทย ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ โดยหลังการเข้ามาบริหารงานใน สบร.ของรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการเข้าไปตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานใน สบร.และยุบรวมหน่วยงานจาก 7 องค์กร เหลือเพียง 5 องค์กร
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาปัญหาคณะกรรมการบริหารบอร์ด สบร. ได้ทยอยลาออก โดยให้เหตุผลว่าต้องไปรับหน้าที่ใหม่ และติดภารกิจประจำที่ทำอยู่ ทำให้ไม่มีเวลามาร่วมประชุมพิจารณางานของ สบร. อาทิ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา นายสุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ฯลฯ อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่
"ผมยืนยันว่า การลาออกครั้งนี้ไม่มีเหตุผลแอบแฝง เพราะกรรมการท่านอื่นลาออกเกือบหมดแล้ว รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับการกลับมาของขั้วอำนาจเก่า ซึ่งทุกคนจะทราบดีว่า ตลอดเวลาที่ผมทำงานที่สบร. ผมต้องมาทำงานที่ สศร. ควบอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย เรียนตรงๆว่าทำไม่ไหว จึงต้องขอลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดสบร. แต่ก็ยอมรับว่าการทำงาน 1 ปีที่ผ่านมา มีทั้งปัญหาและการแก้ปัญหา ซึ่งผมคิดว่าเราพยายามแก้ปัญหาตามนโยบายของรัฐบาลที่แล้วอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องของการเข้ามาตรวจสอบภายในของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน การลดค่าใช้จ่ายภายใน ลดค่าเช่าสำนักงาน ลดเงินเดือนผู้บริหาร ปรับโครงการต่างๆ ตามนโยบาย 4 ป." ศ.ดร.อภินันท์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประท้วงของสมาชิกสำนักงานศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ทีซีดีซี )ที่ไม่ยอมยุบรวมกับสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือไม่ ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวว่า ช่วงก่อนจะมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐบาลชุดของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี สบร. มีมติให้ควบรวมทั้งสองหน่วยงาน แต่หากรัฐบาลนี้จะสั่งการให้แยกทั้ง 2 หน่วยงานออกจากกันเป็นอิสระอีก ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละรัฐบาล ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวของตน การแยกออกจากกันมีทั้งผลดี ผลเสีย แต่ยืนยันเจตนารมย์ว่า ไม่เคยคิดจะยุบทีซีดีซี เพียงแต่เป็นการควบรวมกับหน่วยงานอื่น ให้การบริหารงานคล่องตัวขึ้นและเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าทางวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม ข่าวเรื่องการแยกทีซีดีซีออกจากพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ตนได้ยินจากรายงานข่าวทางวิทยุเท่านั้น ซึ่ง น.พ.สุรพงษ์ ก็ยังไม่เคยพูดว่ามีแนวคิดจะแยก 2 หน่วยงานออกมาบริหารตามเดิมกับตน
ศ.ดร.อภินันท์ กล่าวต่อไปว่า ตนกำลังเสนอขอต่ออายุราชการที่ สศร. ออกไปอีก 1 ปี ต่อนายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รมว.วัฒนธรรม และเสนอให้คณะรัฐมนตรีได้พิจารณา เพราะต้องสานงานในความรับผิดชอบให้เกิดความต่อเนื่อง ได้แก่โครงการศิลปกรรมพระประวัติและพระกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นงานที่ต้องแข่งกับเวลา และต้องประสานงานกับศิลปินจำนวนมาก งานอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ต้องตอบโจทย์งานด้านศิลปวัฒนธรรร่วมสมัย การจัดสร้างหอศิลป์ในพื้นที่ 35 ไร่ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงหอศิลป์กรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ตนได้รับการติดต่อจากนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. ให้ไปเป็นกรรมการมูลนิธิฯ ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลาออกของประธานและคณะกรรมการบริหารบอร์ด สบร.ทั้งคณะครั้งนี้ ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการลาออกเนื่องจากหวั่นเกรงการถูกเช็กบิลของกลุ่มอำนาจเก่า ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับมาประเทศไทย ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ โดยหลังการเข้ามาบริหารงานใน สบร.ของรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีการเข้าไปตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานใน สบร.และยุบรวมหน่วยงานจาก 7 องค์กร เหลือเพียง 5 องค์กร
